ลั่วเสี่ยวปิงได้เสนอสูตรอาหารที่เกี่ยวกับเห็ดทุกชนิดให้เขาแล้วจริงๆ และจำนวนสูตรอาหารทั้งหมดก็มีมากจริงๆ
แต่ทว่า เห็ดฟางผัดเนื้อ เห็ดหอมผัดเนื้อ เห็ดนางรมผัดเนื้อ...
เห็ดฟางผัดกวางตุ้ง, เห็ดหอมผัดกวางตุ้ง เห็ดนางรมผัดกวางตุ้ง...
สูตรอาหารดังเช่นที่กล่าวมานี้ มีหลายสูตรล้วนเป็นสูตรที่พูดซ้ำๆกัน พอพูดถึงคำข้างหลัง ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดออกไปสูตรเดียวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย หลังจากนั้นก็พูดออกมาหนึ่งประโยค ‘เห็ดฟาง เห็ดนางรม...ดังที่กล่าวมาข้างต้น’
เถ้าแก่ฉินก็รู้สึกไปว่าตัวเองถูกหลอกเสียแล้วอย่างไม่สามารถอธิบายได้
แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การปลอบใจก็คือ ในสมองของลั่วเสี่ยวปิงมีสูตรอาหารเยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีทำเห็ดที่หายากเหล่านั้นซึ่งมีความล้ำลึกและประณีตละเอียดอ่อนมาก
สุดท้ายเมื่อนำมารวมๆกันแล้วก็มีสูตรอาหารมากมายหลายสิบสูตรแล้ว เช่นนี้เถ้าแก่ฉินจึงจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ถ้าบอกสูตรอาหารเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็มาเริ่มชั่งน้ำหนักเห็ดกันเลย
คราวนี้ยังคงเจรจากันด้วยดีเหมือนในครั้งก่อน ราคาในการคำนวณของเห็ดทั้งหมดอยู่ที่ยี่สิบเหวินต่อหนึ่งชั่ง มีเห็ดทั้งหมดเก้าสิบสี่ชั่ง และรวมเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งตำลึงแปดเฉียนและอีกแปดสิบเหวิน
รอครั้งต่อไป เห็ดธรรมดาๆก็คงจะมีราคาสิบห้าเหวินต่อหนึ่งชั่ง ส่วนเห็ดล้ำค่าก็จะมีราคาสามสิบเหวินต่อหนึ่งชั่งแล้ว
และนอกจากเห็ดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงยังนำเมล็ดสนยี่สิบชั่งมาด้วย ซึ่งได้ขายหกเฉียนเงิน
ในครั้งนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้รับเงินหนึ่งร้อยสองตำลึงสี่เฉียนและแปดสิบเหวิน ซึ่งเรียกได้ว่าเต็มกระเป๋าเลยทีเดียว
ก่อนที่จะไป เถ้าแก่ฉินได้เน้นย้ำกับลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้ง และหลังจากส่งเมล็ดสนกับเห็ดให้มากที่สุดเท่าที่จะหามาได้แล้ว เขาก็ไปส่งลั่วเสี่ยวปิงออกจากหอฝูหม่านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“พี่เสี่ยวปิง ขายของหมดทุกอย่างแล้วหรือ?” หลังจากที่จางเอ้อหลางย้ายของเข้าไปในหอฝูหม่านแล้วเขาก็ออกมา พอเห็นลั่วเสี่ยวปิงออกมา เขาก็เลยถามด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย
ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “ขายไปหมดแล้ว”
หลังจากที่ชะงักไปครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่าร้านยาที่ดีที่สุดในเมืองคือร้านไหน?”
“คือเหรินโซ่วถัง” จางเอ้อหลางพูดชื่อร้านขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงผู้ชายที่อยู่บ้านลั่วเสี่ยวปิงคนนั้น และถามขึ้นมาอีกว่า “พี่เสี่ยวปิง ท่านจะไปซื้อยาหรือ?”
“อืม” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าไปเก็บของบางอย่างมาจากบนเขา เลยอยากจะลองดูว่ามันจะสามารถขายได้เงินหรือไม่ แล้วถือโอกาสไปซื้อยามาด้วยสักหน่อย”
จางเอ้อหลางไม่ได้ถามลั่วเสี่ยวปิงว่านางไปเก็บของอะไรมา เขาเพียงแต่ปล่อยให้ลั่วเสี่ยวปิงขึ้นไปบนเกวียน แล้วก็รีบขับเกวียนไปที่เหรินโซ่วถัง
เกวียนวัวยังไม่ทันได้เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เหรินโซ่วถัง ก็เห็นคนมากมายรายล้อมอยู่หน้าเหรินโซ่วถังเสียแล้ว และยังมีเสียงร้องไห้ดังขึ้นมาแว่วๆอีกด้วย
“ท่านหมอซุน ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยหลานชายข้าด้วยเถิด เขาเป็นชีวิตและจิตใจเพียงคนเดียวของครอบครัวเรานะ”
“ท่านหมอซุน ท่านได้โปรดช่วยเขาด้วยเถิด ข้าจะคุกเข่าคำนับให้ท่าน และข้าจะเป็นวัวเป็นม้าให้นายเอง ข้าขอร้องล่ะ”
เมื่อเกวียนเคลื่อนเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ยินเสียงร้องโหยไห้นั้นได้ชัดเจน นางจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ไม่รอให้เกวียนหยุดวิ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็กระโดดลงไปจากเกวียนเลย ทำให้จางเอ้อหลางตกใจจนเหงื่อตกไปทั้งตัว
ลั่วเสี่ยวปิงเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชนเพราะอยากดูว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยที่ไม่มีเวลาไปปลอบขวัญจางเอ้อหลาง เลย
“เฮ้อย่าเจียงผู้นี้ช่างน่าสงสารจริงๆ สองปีก่อนลูกชายคนเดียวของนางก็ป่วยตายไปแล้ว ปีที่แล้วลูกสะใภ้ของนางก็หนีไปกับพ่อค้าเร่ มาปีนี้หลานชายคนเดียวคนนี้ก็จากไปอีก”
“ก็นั่นน่ะสิ พอได้เห็นแบบนี้แล้วข้าก็รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก”
“ต่อไปนี้ข้าคงไม่กล้าให้ลูกหลานข้ากินถั่วลิสงอีกแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานข้า ข้าก็คงรับไม่ไหวจริงๆ”
ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังเบียดเสียดเข้าไปนั้นนางก็ฟังการสนทนาของคนในฝูงชนไปด้วย หลังจากที่นางได้มีการคาดเดาอย่างคลุมเครืออยู่ในใจแล้ว นางจึงเบียดเสียดไปข้างหน้าด้วยกำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“เฮ้ นี่เจ้าเป็นอะไรไปเนี่ย? เบียดมาทำไมนักหนา? จะรีบไปเกิดใหม่หรือไงห่ะ”
มีใครบางคนไม่พอใจขึ้นมา เขาก็เลยอ้าปากด่าว่านาง
“หยุดมือเดี๋ยวนี้นะ!” ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังพยายามหาช่องว่างเพื่อปฐมพยาบาลให้เด็กอยู่นั้น นางก็ตวาดออกไปด้วยความโมโห
แต่น่าเสียดายที่หญิงชราคนนั้นยังตกอยู่ในสภาวะเสียสติ และยังคงต่อสู้กับนางอย่างบ้าคลั่ง และไม่ฟังคำพูดของนางเลย
ส่วนคนที่กำลังมุงดูนั้น คนแล้วคนเล่า ทุกคนต่างก็มองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงและกำลังนินทาว่าร้ายนางด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าลั่วเสี่ยวปิงเป็นคนที่ชั่วช้าสาระเลวมากอย่างไรอย่างนั้น
และเสียงร้องไห้ของหญิงชราคนนั้นก็ช่างแหลมและเศร้ากำสรดหาใดเปรียบเช่นกัน จนทำให้ผู้ฟังต้องรู้สึกเศร้าใจผู้ที่ได้ยินต้องน้ำตาไหล
เมื่อจางเอ้อหลางเบียดเข้ามา ก็ได้เห็นพี่เสี่ยวปิงของตัวเองถูกทุบตี จางเอ้อหลางจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับตัวหญิงชราคนนั้นเอาไว้โดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย
“ปล่อยข้านะ ไอ้พวกคนชั่ว คืนหลานชายข้ามานะ”
“ไม่มีศีลธรรมจรรยาเลย พวกเจ้าล้วนมารังแกคนที่หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างข้า และยังจะแย่งหลานชายข้าไป นี่พวกเจ้ากำลังจะฆ่าข้าให้ตาย ฆ่าข้าให้ตายอ่า”
ในขณะที่หญิงชรากำลังถูกจางเอ้อหลางฉุดดึงอยู่นั้น มือของนางกลับจับลั่วเสี่ยวปิงไม่ปล่อย นางก็เลยร้องโหยไห้อย่างเศร้ากำสรดอยู่ตรงนั้น
เนื่องจากสิ่งที่หญิงชรากำลังจับคือผมของลั่วเสี่ยวปิง จางเอ้อหลางจึงไม่กล้าดึงแรงมากเกินไปเช่นกัน จำได้ว่าบนหน้าผากของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ
ลั่วเสี่ยวปิงอยากจะทิ้งภาระหน้าที่นี้ไปจริงๆ แต่นางไม่อยากเห็นเด็กคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตา
ลั่วเสี่ยวปิงจึงกัดฟัน พยายามออกแรงอีก
“พรวด” ถั่วลิสงหนึ่งเมล็ดพุ่งออกมาจากในปากของเด็กน้อย ต่อจากนั้นเด็กชายก็ร้องไห้เสียงดัง “ฮือๆๆ” ออกมา
เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นดังนั้น นางก็ถือโอกาสตอนที่คนรอบข้างไม่สนใจ หยดน้ำแร่วิญญาณหยดหนึ่งลงไปในปากของเด็กชาย
ผู้หญิงที่ทุบตีลั่วเสี่ยวปิงตกตะลึงจนลืมร้องไห้และลืมไปว่าจะต้องปล่อยผมของลั่วเสี่ยวปิงไปเสียแล้ว นางจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและมองดูเด็กที่กำลังร้องไห้อยู่บนร่างของลั่วเสี่ยวปิงด้วยความตกตะลึง
และในขณะนั้นเอง บรรดาผู้เห็นที่กำลังมุงดูก็ล้วนแต่เบิกตากว้างและมีสีหน้าที่ประหลาดใจขึ้นมาทีละคนเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...