แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 45

“คุณพระ! คนตายฟื้นคืนชีพแล้ว!”

“นี่ข้ายังไม่ตื่นและกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?”

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ฝูงชนก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นมา ทุกคนล้วนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลั่วเสี่ยวปิงจะช่วยชีวิตคนให้ได้จริงๆ

ในที่สุดหญิงชราคนนั้นก็มีสติกลับคืนมาแล้ว นางจึงแย่งเอาเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของลั่วเสี่ยวปิงมากอดเอาไว้แน่น แล้วร้องไห้ด้วยความดีใจ “หลานชายสุดที่รักของข้า”

สองย่าหลานร้องไห้ไปด้วยกัน ซึ่งมันดูเศร้าใจแล้วก็รู้สึกถึงความดีใจของพวกเขาได้ในเวลาเดียวกัน

ในเวลานั้นเองจางเอ้อหลางก็ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาจากความตื่นตระหนกตกใจในที่สุด และมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ

พอเขาได้เห็นผมเพ้าที่กระเซอะกระเซิงและหน้าตาที่ไม่เรียบร้อยของลั่วเสี่ยวปิงเขาก็ทำสีหน้ากังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เสี่ยวปิง ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

จางเอ้อหลางสังเกตมองลั่วเสี่ยวปิงตั้งแต่หัวจรดเท้าสักพัก เพื่อดูว่านางได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

ลั่วเสี่ยวปิงส่ายหน้า แม้ว่านางจะถูกตีตามร่างกายจนรู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันเป็นเพียงบาดเจ็บทางเนื้อหนังเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ว่ากระบวนการนี้จะทำให้ผู้คนไม่พอใจมากนัก แต่นางก็ไม่เสียใจเลยที่ทำให้เด็กคนหนึ่งรอดชีวิตมาได้แล้ว

“ผู้มีพระคุณ!”

ทันใดนั้น หญิงชราก็หันไปทางลั่วเสี่ยวปิงแล้วคุกเข่าลงด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ “ขอบคุณผู้มีพระคุณมากที่ช่วยหลานชายของข้า ต่อจากนี้ไปชีวิตของหลานชายข้าก็เป็นของผู้มีพระคุณแล้ว”

ลั่วเสี่ยวปิง “......” นางจะอยากได้ชีวิตพวกเขาไปทำไมกัน?

“สี่เป่า ยังไม่คำนับผู้มีพระคุณอีกรึ?” หญิงชราคนนั้น ซึ่งก็คือย่าเจียง ได้พูดอย่างเข้มงวดกับหลานชายที่อยู่ข้างๆ

ถึงแม้ว่าสี่เป่า จะยังเด็ก แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องรู้ราวมาก หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของย่าแล้ว เขาก็เลยหยุดร้องไห้ และกำลังจะก้มศีรษะคำนับลั่วเสี่ยวปิง

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นดังนั้น นางก็รีบห้ามเขาทันที “ไม่จำเป็นหรอก”

นางยังไม่คุ้นชินกับการถูกใครก้มศีรษะคำนับแบบนี้

เมื่อย่าเจียงเห็นการปฏิเสธของลั่วเสี่ยวปิง นางก็รีบทำสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมา “เมื่อสักครู่นี้ข้าเข้าใจผิดผู้มีพระคุณและล่วงเกินผู้มีพระคุณแล้ว ขอผู้มีพระคุณโปรดอย่าได้ตำหนิข้าเลย ถ้าผู้มีพระคุณยังไม่หายโกรธ ก็ตีข้าเพื่อระบายความโกรธเถอะ”

ลั่วเสี่ยวปิง “......” นางไม่ได้เจ้าอารมณ์ขนาดนั้นซะหน่อย

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านางจะไม่พอใจกับสิ่งที่หญิงชราคนนี้ทำลงไปเมื่อสักครู่นี้ก็ตาม แต่นางก็สามารถเข้าใจได้

ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากท่าทางนี้แล้ว หญิงชราคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนมีเหตุผลคนหนึ่งเช่นกัน

“พอแล้ว หลานชายของท่านได้พบกับข้า ก็เป็นเพราะชีวิตของเขายังไม่ถึงคาด ท่านไม่ต้องรู้สึกขอบคุณข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าก็แค่เผอิญรู้หลักการทางการแพทย์ง่ายๆบางอย่างเท่านั้นเอง”

ลั่วเสี่ยวปิงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ หลังจากที่พูดประโยคนี้จบแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ต้อนรับขับสู้กับย่าเจียงต่อไป แต่หันหลังกลับมาถามคนที่อยู่ในเหรินโซ่วถังว่า “เถ้าแก่อยู่หรือไม่?”

พอเถ้าแก่ที่อยู่ด้านข้างฟื้นคืนสติจากอาการตกตะลึงแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า “แม่นาง...ท่านนี้มาหาข้ามีอะไรรึ?”

ลั่วเสี่ยวปิงเหลือบมองที่เถ้าแก่คนนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาดูเป็นคนที่มีอายุห้าสิบปี มีสายตาเฉียบแหลม และเป็นคนที่คุ้นเคยกับการทำธุรกิจ

“ข้าเก็บยาดีๆมา จึงอยากจะถามเถ้าแก่สักหน่อยว่าจะรับซื้อหรือไม่”

พอเถ้าแก่ได้ยินเรื่องนี้ ยังไม่ทันตอบอะไร ท่านหมอซุนที่กำลังจ้องมองลั่วเสี่ยวปิงอยู่ข้างๆมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า “ข้าเป็นหมอของเหรินโซ่วถังแห่งนี้ พอดีว่าข้าก็ทำหน้าที่ในการตัดสินใจได้เช่นกัน ถ้าแม่นางมียาดีๆ เอามาให้ข้าตรวจดูก็ได้นะ”

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าท่านหมอซุนกำลังเฝ้าดูนางอยู่ตลอดเวลา แต่นางแค่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง

พอได้ยินท่านหมอซุนเอ่ยปากขึ้นมา ลั่วเสี่ยวปิงจึงได้หันสายตามามองเขา

ก่อนหน้านี้นางแค่กวาดตามองไปผ่านๆก็เลยมองไม่ชัด แต่พอได้มองดูในตอนนี้ หน้าตาของท่านหมอซุนผู้นี้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา และทั้งหมดนี้ล้วนกล่าวได้ว่าลักษณะหน้าตาที่แสดงออกมาเกิดจากจิตใจหนุนส่ง ซึ่งท่านหมอซุนผู้นี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าให้ท่านตรวจดูก็ได้” ลั่วเสี่ยวปิงคล้อยตามความคิดเห็นของเขา

เมื่อตรวจดูยาสมุนไพรแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะอยู่ในที่สาธารณะเช่นนี้ได้

ไม่ใช่ว่านางควรจะขอมากกว่านี้อย่างนั้นหรือ?

“แค่นี้แหล่ะ” ลั่วเสี่ยวปิงตอบอย่างมั่นใจมาก

ไม่เคยเจอใครอย่างนางหรือไง? ความคิดของท่านหมอซุนนั้น นางสามารถมองออกได้บ้างแล้วไม่มาก็น้อย แต่นางแค่แสร้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงมีแค่เงื่อนไขนี้จริงๆ ใบหน้าที่แก่หง่อมของท่านหมอซุนก็อดไม่ได้ที่จะมีความเหนียมอายปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

เขารู้สึกอึดอัดใจเข้าแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของท่านหมอซุนก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาเอามือทั้งสองซ้อนกัน ทันใดนั้นเขาก็ทำความเคารพชุดใหญ่ให้ลั่วเสี่ยวปิงหนึ่งครั้ง

ลั่วเสี่ยวปิงตกใจจนสะดุ้งโหยง และรีบหลบออกไป

“ข้านับถือในความมีเมตตาธรรมของแม่นาง ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่เทียบเจ้าไม่ได้เลย” ท่านหมอซุนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วเขาก็พูดต่อว่า “วันนี้แม่นางสอนวิธีช่วยชีวิตคนให้ข้า ข้าก็ขอคารวะแม่นางเป็นอาจารย์”

ได้รับการถ่ายทอดวิชา เคารพนับถือเป็นอาจารย์ เดิมก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิง “......” นางไม่อยากมีลูกศิษย์ที่ชราขนาดนี้

“ท่านไม่จำเป็นต้องคารวะข้าเป็นอาจารย์หรอก” ลั่วเสี่ยวปิงปฏิเสธไปตรงๆ เมื่อเห็นว่าท่านหมอซุนยังต้องการจะพูดอะไรต่อ ลั่วเสี่ยวปิงจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “วิชาแพทย์เหล่านี้น่ะ ข้าก็แค่รู้เพียงผิวเผินเท่านั้น เป็นอาจารย์ไม่ได้หรอก หากท่านยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ ข้าจะไม่สอนให้ท่านแล้วนะ”

พอท่านหมอซุนได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดว่าจะไม่สอนเขา เขาจึงรีบลุกขึ้นโดยเร็ว และไม่กล้าพูดถึงเรื่องการคารวะอาจารย์นี้อีกเลย

ลั่วเสี่ยวปิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ถ่ายทอดวิชาช่วยชีวิตคนด้วยวิธี Heimlich ให้กับท่านหมอซุน

และเพื่อให้ท่านหมอซุนได้มีความเข้าใจในการปฏิบัติอย่างสมจริงมากขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงยังใช้ท่านหมอซุนเป็นตัวอย่างในการสาธิตอีกด้วย

หลังจากสอนเสร็จแล้ว ท่านหมอซุนก็มองลั่วเสี่ยวปิงด้วยสายตาที่มีความชื่นชมและเคารพเลื่อมใสเล็กน้อย

และลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ลืมจุดประสงค์ในการมาในวันนี้ของตัวเองเช่นกัน นางจึงหยิบโสมคนที่นางได้ห่อเอาไว้เรียบร้อยแล้วออกมาจากในอกเสื้อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง