แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 46

เดิมทีท่านหมอซุนก็ไม่ได้คาดหวังให้ลั่วเสี่ยวปิงนำยาสมุนไพรที่ล้ำค่าอะไรออกมาอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเห็นลั่วเสี่ยวปิงเปิดผ้าขี้ริ้วที่อยู่ในมือออกมาและเผยให้เห็นโสมคนที่มีหน้าตัดสามเซนติเมตรอยู่ข้างใน เขายังอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก

เมื่อเห็นว่าเป็นโสมคนจริงๆ ท่านหมอซุนก็ดีใจมาก

“นี่มัน.....” ท่านหมอซุนกำลังมองไปที่โสมคนนั่น ราวกับกำลังจ้องมองสมบัติล้ำค่าอะไรอย่างไรอย่างนั้น “เสี่ยวปิงนี่เจ้าไปเอามาจากไหนรึ?”

ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังสอนวิธี Heimlichอยู่นั้น ท่านหมอซุนก็ได้มีการถามชื่อของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ตอนนี้เขาจึงเรียกชื่อของนางออกไปตรงๆ

ในเวลานี้ท่านหมอซุนไม่รู้ว่าตัวเองได้ถามคำถามที่โง่เขลามากออกมาเสียแล้ว

แต่ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่สนใจการกระทำนี้ของท่านหมอซุนเลย ในระหว่างที่อยู่ร่วมกันกับท่านหมอซุน ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วท่านหมอซุนเป็นคนที่มีความหลงใหลในด้านการรักษาและยาอยู่บ้างคนหนึ่ง เช่นเดียวกับปู่ของนาง ดังนั้นมันจึงทำให้นางรู้สึกสนิทใจมากยิ่งขึ้น

“ข้าเก็บมันมาจากบนเขา ไม่ทราบว่าเหรินโซ่วถังจะรับซื้อมันหรือไม่?” ลั่วเสี่ยวปิงอมยิ้ม

“รับรับรับ!” ท่านหมอซุนรีบพูดคำว่ารับออกไปสามคำอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าหลังจากที่พูดจบ ท่านหมอซุนก็ถามลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้งว่า “เสี่ยวปิง โสมภูเขานี้ของเจ้ามีอายุไม่น้อยเลย คุณภาพไม่เลว แน่นอนว่าราคาก็ต้องแพงอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าเจ้ามีราคาที่เหมาะสมในใจแล้วหรือไม่”

ท่านหมอซุนมีการประเมินราคาอยู่ในใจ เพียงแต่เขากลัวว่าลั่วเสี่ยวปิงจะไม่พอใจกับราคาที่ตัวเองเสนอให้ เขาก็เลยอยากจะลองถามความเห็นของลั่วเสี่ยวปิงก่อน

ในยุคปัจจุบัน โสมคนล้วนอาศัยการเพาะปลูก และราคาจริงๆก็ไม่นับว่าสูงมากนัก และถึงแม้ว่านางจะรู้ว่าราคาโสมคนของที่นี่ไม่ได้ต่ำเลย แต่นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะกำหนดราคาเท่าไหร่ดี

พอคิดว่าท่านหมอซุนก็เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจเช่นกัน นางก็เลยพูดว่า “ท่านซุน ท่านเป็นคนที่ข้าไว้วางใจได้ ท่านคิดว่าโสมคนนี้น่าจะราคาเท่าไหร่ล่ะ?”

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังฟังความหมายของความไว้วางใจที่อยู่ในคำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิง ท่านหมอซุนก็ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก

ในเมื่อลั่วเสี่ยวปิงผู้นี้มีโชควาสนาที่จะได้พบเขา และยังสอนวิธี Heimlich ให้เขาด้วย แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ยุติธรรมได้ เขาก็เลยชูสองนิ้ว แล้วพูดว่า “ข้าจะให้เจ้าสองร้อยตำลึง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ลั่วเสี่ยวปิง “......” นางตกตะลึงไปเสียแล้ว

สองร้อยตำลึง! นั่นไม่ใช่จำนวนเงินเล็กน้อยเลยนะ

จำเป็นต้องทราบว่า หนึ่งพันเหวินมีค่าหนึ่งตำลึง ถ้าหนึ่งเหวินคิดเป็นเงินหนึ่งหยวน เงินสองร้อยตำลึงนี้ก็จะเท่ากับสองแสนหยวน นี่นางจะรวยแบบก้าวกระโดดเลยนะ

ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งเหวินในสมัยนี้ยังมีกำลังซื้อมากกว่าหนึ่งหยวนในสมัยใหม่อีกด้วย

แน่นอนว่า ลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน แม้ว่าภายในใจของนางจะตกใจมากจริงๆ แต่บนใบหน้าของนางกลับไม่แสดงสีหน้าใดใดออกมาเลย นางเพียงแค่ยิ้ม แล้วพูดว่า “ราคาที่ท่านซุนเสนอมา ข้าต้องวางใจอยู่แล้ว”

คำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิงทำให้ท่านหมอซุนรู้สึกว่าตัวเองได้รับความไว้วางใจอีกครั้ง บนใบหน้าที่แก่หง่อมของเขาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ได้ต่อรองราคาแล้ว ท่านหมอซุนก็สั่งให้คนไปหยิบเงินมา

ดูจากท่าทางนี้แล้ว ท่านหมอซุนผู้นี้ดูเหมือนว่าจะมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาในเหรินโซ่วถังแห่งนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้เป็นแค่หมอที่นั่งอยู่ในห้องตรวจคนหนึ่งเท่านั้นแน่ๆ แต่เป็นคนที่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆได้อย่างแท้จริง

ท่านหมอซุนเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก แทนที่จะให้ธนบัตรสองร้อยตำลึงเงินแก่ลั่วเสี่ยวปิงไปเลย แต่เขากลับให้ธนบัตรห้าสิบตำลึงสองใบ ยี่สิบตำลึงสามใบ สิบตำลึงสองใบและเงินย่อยอีกยี่สิบตำลึงแก่นาง

ลั่วเสี่ยวปิงมีความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้อยู่เล็กน้อย

หลังจากนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็ได้เจรจากับท่านหมอซุนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าขอเพียงแค่หลังจากนี้นางนำยาสมุนไพรมาขายได้เหรินโซ่วถังก็จะรับซื้อทั้งหมด นางก็เตรียมจะออกไปจากห้องโถงด้านหลัง

“เสี่ยวปิงรอสักครู่” ในเวลานั้นเองท่านหมอซุนกลับเรียกลั่วเสี่ยวปิงเอาไว้ ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ถึงแม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงหยุดฝีเท้าลง

ท่านหมอซุนรีบออกไป แล้วก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว และยังถือกล่องเหล็กเล็กๆกล่องหนึ่งอยู่ในมือด้วย

“เสี่ยวปิง ข้าไม่มีอะไรจะมอบให้เจ้า นี่เป็นขี้ผึ้งที่หลานชายของข้าปรุง มันสามารถลบรอยแผลเป็นได้” ขณะที่กำลังพูด ท่านหมอซุนก็เหลือบมองที่ใบหน้าของลั่วเสี่ยวปิงด้วย “รอยแผลเป็นนี้ของเจ้าค่อนข้างลึก และปล่อยเอาไว้นานเกินไป . ก็เลยน่าจะไม่สามารถกำจัดให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถทำให้ค่อยๆจางลงไปได้”

พอพูดจบ ท่านหมอซุนก็ยัดมันเข้าไปในมือของลั่วเสี่ยวปิงโดยที่เขาไม่ไปคำนึงถึงความประหลาดใจของลั่วเสี่ยวปิงเลย ราวกับว่าเขากลัวว่าลั่วเสี่ยวปิงจะปฏิเสธอย่างไรอย่างนั้น

ลั่วเสี่ยวปิงไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องของฉีเทียนเห้า เพราะนางไม่รู้ว่าฉีเทียนเห้าเป็นใครมาจากไหน และเกรงว่าถ้าหากสถานะของฉีเทียนเห้ามีความพิเศษ เมื่อเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปแล้วนางจะนำหายนะมาสู่ตัวนางเองได้

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตัวเองนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นท่านหมอซุนที่นางประทับใจมากก็ตาม นางก็ไม่สามารถบอกเบื้องลึกเบื้องหลังออกไปได้ตามใจชอบได้เช่นกัน

ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงพูดว่า “ยาสมุนไพรเหล่านี้บนภูเขาด้านนี้หายากมาก ข้าก็เลยซื้อกลับไปแปรรูปเก็บไว้น่ะ”

เนื่องจากนางรู้เรื่องหลักการทางการแพทย์ นางจะซื้อสมุนไพรไปแปรรูปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ท่านหมอซุนก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ แค่กำชับลั่วเสี่ยวปิงไปว่าต่อไปนี้ถ้ามียาสมุนไพรให้มาที่นี่เท่านั้น แล้วเขาก็ไปตรวจรักษาผู้ป่วยเลย

ไม่นาน เจ้าของเหรินโซ่วถังก็จัดยาให้ลั่วเสี่ยวปิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวขอบคุณเขาแล้ว นางก็พาจางเอ้อหลางออกจากเหรินโซ่วถัง

ขณะที่เพิ่งจะเดินออกไป ลั่วเสี่ยวปิงก็ถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้

ซึ่งก็คือย่าเจียงกับหลานชายของนางนั่นเอง ที่แท้พวกเขาคิดที่จะตอบแทนบุญคุณอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงเฝ้ารออยู่นอกเหรินโซ่วถังตลอด

“ผู้มีพระคุณ พวกเรายินดีที่จะเป็นวัวเป็นม้าให้แก่ผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณพำวกเรากลับไปด้วยเถิด” ย่าเจียงเอ่ยปากพูด

ในบ้านก็เหลือเพียงนางหลานชายเท่านั้น ดังนั้นนางจึงสามารถตัดสินใจทำเรื่องนี้ด้วยตนเองได้

เมื่อเห็นว่าย่าเจียงอยากจะตอบแทนบุญคุณอย่างไม่ลดละ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย อย่างไรเสียสิ่งที่ครอบครัวของนางขาดในขณะนี้คือกำลังคน

แต่ทว่า เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของครอบครัวตัวเอง ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังคงส่ายหัวไปมา

เมื่อย่าเจียงเห็นดังนั้น นางก็รีบคุกเข่าลงพร้อมกับสี่เป่าหลานชายของนาง “ผู้มีพระคุณ หากท่านไม่พาพวกเราสองคนย่าหลานกลับไปด้วย พวกเราก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ยอมลุกขึ้น”

ย่าเจียงดื้อรั้นมาก เรื่องที่นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วยากนักที่จะเปลี่ยนแปลงได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง