ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกเพียงว่าตนเองลอยขึ้นๆ ลงๆ ราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำ ความอ่อนล้าบนร่างกายราวกับถูกสองมือทำให้ผ่อนคลายลง
เมื่อคิดว่าสองมือนั้นต้องการจะปลุกนางให้ตื่น แต่ฉับพลันก็มีความอบอุ่นโอบล้อมตนเองเอาไว้ รู้สึกสบายจนกำลังจะผล็อยหลับไป
แต่ในเวลาต่อมา สองมือนั้นดูเหมือนว่าจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เริ่มต้นที่แขน จากนั้น......
เมื่อลั่วเสี่ยวปิงลืมตาขึ้น กลับเผอิญสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังจะทำให้นางจมน้ำ
และในเวลานี้นางกลับพบว่า ตนเองถูกแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"ที่นี่ที่ไหน?"
ทั้งแปลกใจทั้งดีใจ ลั่วเสี่ยวปิงเริ่มมองดูสภาพการณ์โดยรอบ
ยังคงอยู่ในหุบเขาลึก อีกทั้งเป็นเพราะบ่อน้ำร้อน ดังนั้นอุณหภูมิโดยรอบจึงสูง ดอกไม้และพืชเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ กระทั่งดอกไม้ที่ไม่ใช่ฤดูกาลนี้ก็ผลิบานแข่งขันความสวยงามอยู่ที่นั่นอย่างน่าประหลาดใจ งดงามเป็นอย่างยิ่ง และเป็นดินแดนสวรรค์มากกว่าหุบเขาก่อนหน้านี้เสียอีก
"ข้าให้คนไปหาเอง"
ฉีเทียนเห้ากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
เพราะหลายวันก่อนเห็นลั่วเสี่ยวปิงยุ่งอยู่กับงานจนเกินไป คิดว่าหลังจากเสร็จงานร่างกายของนางจะต้องเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน จึงจงใจให้องครักษ์ไปค้นหาบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้นางได้พักฟื้นกำลัง รวมถึง......
ฉีเทียนเห้าดูเหมือนจะไม่พอใจที่ลั่วเสี่ยวปิงสนใจอยู่แต่กับทัศนียภาพ จึงยื่นมือออกไป คว้าเอวของลั่วเสี่ยวปิงดึงเข้ามาหาตนเอง
เมื่อทั้งสองคนใกล้ชิดกัน ลั่วเสี่ยวปิงจึงพบว่าทั้งสองคนนั้นเปลือยเปล่าล่อนจ้อน และนางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของฉีเทียนเห้าอย่างชัดเจน
หรือว่าเมื่อครู่นี้......
คนเลว!
ลั่วเสี่ยวปิงถลึงตาใส่ฉีเทียนเห้า และแอบด่าอยู่ในใจ
"ร่างกายของเจ้ายังอ่อนล้าอยู่หรือไม่?" ฉีเทียนเห้าวางคางบนไหล่ของลั่วเสี่ยวปิง น้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความยั่วยวน
"ข้า......" ลั่วเสี่ยวปิงอยากจะบอกว่าอ่อนล้าอย่างมาก
แต่คำพูดที่ขัดต่อความรู้สึกนางกลับพูดไม่ออก
เพราะเมื่อกำลังจะกล่าว นางรู้สึกว่าร่างกายตนเองได้ผ่อนคลายจริงๆ ไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าเลยแม้แต่น้อย
เห็นลั่วเสี่ยวปิงไม่พูดจา ฉีเทียนเห้าจึงยกยิ้มมุมปาก "ในเมื่อไม่อ่อนล้าแล้ว เช่นนั้นทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้ ภรรยาไม่ควรจะทำให้ความรักของสามีต้องผิดหวังใช่หรือไม่?"
ลั่วเสี่ยวปิงอยากตอบว่าไม่ แต่ริมฝีปากไม่สามารถควบคุมได้ พูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ หลังจากนั้น......ทุกสิ่งทุกอย่างก็บรรลุผล
......
ในชั่วพริบตา ลั่วเสี่ยวปิงก็เหลือเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่จะเข้าใกล้ชายแดนตะวันตกแล้ว
บรรดาแพทย์ทหารได้เรียนรู้วิธีการรักษาบาดแผลภายนอกขั้นพื้นฐานแล้ว กระต่ายเหล่านั้นหลังจากได้รับการรักษาเมื่อถูกปล่อยกลับไปก็กระโดดโลดเต้นมีชีวิตชีวา นี่ถึงเวลาแล้วที่ลั่วเสี่ยวปิงจะต้องจากไป
ถึงแม้ว่าฉีเทียนเห้ายังต้องการอยู่กับลั่วเสี่ยวปิงอีกสักระยะหนึ่ง แต่นึกถึงเล่อเล่อที่ต้องอยู่เมืองหลินอานเพียงคนเดียว ฉีเทียนเห้าทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ต้องการให้อยู่ต่อลงไปเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาต้องแยกจากกัน แววตาที่ฉีเทียนห้ามองลั่วเสี่ยวปิงก็ราวกับภรรยาที่ไม่พอใจเมื่อเห็นสามีตนเองต้องการออกจากบ้านไป และรู้สึกขมขื่นใจเป็นที่สุด
เห็นท่าทางนี้ของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกเพียงว่ามันช่างน่าตลกขบขัน
ใครจะคาดคิดว่าอ๋องเซ่อเจิ้งผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจต่อราชสำนักและประชาชนจะยังคงมีด้านที่ไม่พอใจต่อภรรยาแบบนี้?
พูดออกไปเกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะอาลัยอาวรณ์อย่างไร ลั่วเสี่ยวปิงยังคงจะต้องกลับไปอยู่ดี
เดิมทีแล้วคิดว่าระยะทางไม่ไกลมากนัก พวกไป๋เสาก็ได้รอตนเองอยู่ที่เมืองหลินอานแล้ว ข้างกายของฉีเทียนเห้าก็ไม่มีใคร ลั่วเสี่ยวปิงจึงไม่ได้ให้ฉีเทียนเห้าส่งองครักษ์มาติดตาม เพียงแค่ให้ส่งคนคุ้มกันหลายๆ คนที่มีศิลปะการต่อสู้ไม่ธรรมดามาอารักขาเท่านั้น
ลั่วเสี่ยวปิงกับเล่อเล่อแยกจากกันมานานเหลือเกิน จึงรู้สึกร้อนรนใจอยากจะกลับบ้าน ดังนั้นนางก็ไม่ได้นั่งรถม้า แต่ขี่ม้าไปด้วยกันกับคนคุ้มกันแทน
ด้วยเหตุนี้จึงไม่สนใจอื่นใด ลั่วเสี่ยวปิงร้องตะโกนเสียงดัง : "รีบแยกย้ายเร็ว มีมือสังหาร ช่วยด้วย——"
เสียงลมพัด ได้นำน้ำเสียงของลั่วเสี่ยวปิงไปยังหน้าประตูเมือง
ประชาชนทั้งหลายได้หันกลับมา เห็นเพียงใบหน้าเล็กๆ ของหญิงสาวคนหนึ่ง ควบม้าตะบึงมาข้างหน้า และด้านหลังของหญิงสาวคนนี้ เห็นคนชุดดำปกคลุมใบหน้าสองคนถือกระบี่เล่มใหญ่ตามมา ฉากนี้ทำให้คนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ทุกๆ คนล้วนหวงแหนชีวิต รู้ว่าเวลานี้หากไม่หลบไป ก็จะต้องเดือดร้อนไปด้วยอย่างแน่นอน
มีประชาชนวิ่งเข้าไปในเมือง แต่ประตูเมืองกว้างใหญ่ขนาดนั้น อีกทั้งยังคนเฝ้าอยู่ด้วย ฉากนี้จึงดูวุ่นวายอลหม่านเล็กน้อย
มีเพียงรถม้าคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเคลื่อนไหว และไม่ได้วิ่งหนี
"อวี้หนิง รีบไปช่วยเร็วเข้า!"
เสียงอันอ่อนโยนดังมาจากด้านในรถม้า
ถึงแม้จะเผชิญกับความอลหม่าน แต่ยังคงไม่รีบไม่ร้อน แล้วก็ไม่ได้ต้องการจะลงจากรถม้าเพื่อตรวจสอบดู กระทั่งในมือยังพลิกอ่านหนังสืออย่างเรื่อยๆ
คนคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือเว่ยเจ๋อชาวหลานชายคนที่สองของเว่ยหยวนหมิง
"ได้เลย!" ชายชุดขาวรูปงามคนหนึ่งจับกระบี่ยาวแล้วยิ้มกริ่ม เดินเข้าไปทางลั่วเสี่ยวปิงด้วยดวงตาเป็นประกาย
และในเวลาขณะนี้ลั่วเสี่ยวปิง ได้ดึงบังเหียนม้าเอาไว้ ไม่ได้เดินหน้าต่อ
นางไม่สามารถทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่หน้าประตูเมืองได้
เพียงแต่ หลังจากที่หยุดลง ในใจของลั่วเสี่ยวปิงก็หมดหวังเล็กน้อย
เพราะว่า ในขณะนี้ คนชุดดำที่ไล่ตามมาไม่ได้มีแค่สองคน แต่เป็นห้าคน
รับมือกับคนสองคนนางยังสู้ไม่ไหว นับประสาอะไรกับห้าล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...