แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 441

เป็นระยะเวลานานมาก ที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่พูดจาตกอยู่ในความเงียบงัน และท้ายที่ยังคงเป็นฉีเทียนเห้าที่ทำลายสถานการณ์ที่ชะงักงันนั้น

"เจ้าคิดจะจัดการซ่งหลิงหลางอย่างไร?"

ลั่วเสี่ยวปิงมองฉีเทียนเห้าอย่างงุนงงเล็กน้อย นางจะสามารถจัดการได้อย่างไร?

ทันใดนั้น ลั่วเสี่ยวปิงได้นึกถึงเรื่องที่ฉีเทียนเห้าให้ตนเองอภัยต่อซ่งหลิงหลาง ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "ท่านอยากจะปกป้องซ่งหลิงหลางหรือ?"

ฉีเทียนเห้าได้ฟัง ในดวงตาประกายความสะอิดสะเอียน

เห็นได้ชัดมากว่า เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับซ่งหลิงหลางเลยแม้แต่น้อย

"เจ้าต้องการระบายความแค้นกับซ่งหลิงหลางอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไว้ชีวิตนางด้วย" ฉีเทียนเห้าอธิบาย

ลั่วเสี่ยวปิงได้ฟัง เหมือนจะฟังออกถึงเงื่อนงำเล็กน้อย "กับนาง ท่านมีแผนการอะไร?"

ฉีเทียนเห้าพยักหน้า "อืม นางมีฐานะเป็นจวิ้นจู่มานานหลายปีขนาดนี้ เช่นนั้นก็ควรจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะจวิ้นจู่เป็นธรรมดา"

พูดจบ ฉีเทียนเห้าก็บอกแผนการของเขาข้างๆ หูลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงฟังอย่างสงบ ไม่ได้แสดงความคิดเห็น

ซ่งหลิงหลางเป็นคนเช่นนั้น ไม่คู่ควรที่จะได้รับความเห็นใจ ในเมื่อฉีเทียนเห้ามีแผนการอย่างนั้น น่าจะมีจุดประสงค์อยู่ในแผนการนั้นของเขา

"ข้าไม่มีอะไรคัดค้าน" ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวอย่างเย็นชา

ฉีเทียนเห้าได้ยินเช่นนั้น ก็หันไปมองลั่วเสี่ยวปิง

"งั้น......จวนอ๋องอี้......"

"ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ" ไม่รอให้ฉีเทียนเห้าพูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็กล่าวทันที

เรื่องการจดจำญาตินี้ นางยังไม่ได้คิดให้ดีๆ

นางเป็นเพียงคนภายนอก ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมอย่างแท้จริง นอกจากความรักของท่านปู่ที่ตนเองในชาติก่อน อันที่จริงก็ไม่มีความรักระหว่างครอบครัวกับคนอื่นๆ เลย

พ่อแม่นำนางมาทิ้งไว้กับปู่ย่าตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาก็ได้มีลูกใหม่อยู่ในเมือง ส่วนนางจะมีหรือไม่มีก็ได้

ฉะนั้น สำหรับพ่อแม่ในยุคนี้ นางก็ไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะ ตระกูลที่ร่ำรวยสูงส่งประเภทนั้น

ความรักแบบไหนที่สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นล่ะ?

แล้วก็แม่ของร่างนางนี้ ถึงแม้จะตามหาตนเองมาตลอดก็ตาม และรู้ว่ามีบุตรสาวแท้ๆ หนึ่งคนแบบนี้ แต่......ว่ากันว่าเป็นคนให้กำเนิดไม่ใช่คนเลี้ยงดู หากจะใช้คำพูดแบบนั้น ลูกที่เลี้ยงดูมา ก็จะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าลูกที่คลอดออกมาใช่หรือไม่?

สรุปแล้ว นางยังไม่ได้คิดให้ดีๆ แล้วก็กลัวว่าจะเผชิญหน้ากับความอึดอัดใจเช่นนั้น ฉะนั้นให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติก่อนจะดีกว่า

ฉีเทียนเห้าเห็นลั่วเสี่ยวปิงเช่นนี้ ก็รู้ว่าไม่สามารถบังคับนางได้ อีกทั้งหากว่าคนของตระกูลเว่ยมองเห็นลั่วเสี่ยวปิง เมื่อมีความพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตามมาเอง

ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของฉีเทียนเห้าจึงเปลี่ยนไป แล้วจึงกล่าวหัวข้อถัดไป

"วันนี้เจ้าสามารถสอนวิธีการของทหารที่บาดเจ็บสาหัสเหล่านั้นให้กับแพทย์ทหารคนอื่นๆ ด้วยได้หรือไม่?"ฉีเทียนเห้าเอ่ยถาม

ลั่วเสี่ยวปิงลุกขึ้นยืน "ได้สิ ให้เวลาข้าสักสิบวันนะ"

เมื่อกล่าวจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่รอฉีเทียนเห้า นางหันกลับแล้วจากไปเลย

นางเคยพูดว่า ถึงแม้จะไม่ได้โกรธเคือง ก็ไม่สามารถทำให้ฉีเทียนเห้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้วได้

ฉีเทียนเห้าจนใจ ทำได้เพียงตามหลังลั่วเสี่ยวปิงไปเท่านั้น

หลายวันต่อมา ลั่วเสี่ยวปิงงานยุ่งมาก

ให้คนจัดซื้อเหล้าขาวมาปริมาณมาก หลังจากนั้นก็สอนว่าจะสามารถสกัดเหล้าขาวให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร

จากนั้นก็ให้คนไปเก็บแป้งข้าวโพดเพื่อทำตัวเชื้อเพาะเลี้ยง เอาไว้บ่มเพาะยาปฏิชีวนะ

นอกจากเพาะเลี้ยงเชื้อยาปฏิชีวนะโดยเฉพาะแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงยังให้คนไปเก็บอาหารที่ขึ้นรามา และให้เลือกประเภทอาหารที่เกิดราเขียว

แม้ว่าบรรดาเหล่าทหารจะไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงต้องการของขึ้นราเหล่านั้นมาเพื่ออะไร? แต่เนื่องจากลั่วเสี่ยวปิงสามารถรักษาทหารที่รับบาดเจ็บสาหัสได้ อีกทั้งยังรู้ว่าการกระทำนี้ของลั่วเสี่ยวปิงเป็นการรักษาคนเจ็บให้ได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าทุกๆ คนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ดังนั้นในช่วงสิบวันนี้ เป็นวันเวลาที่ยุ่งอย่างยิ่ง มีความสามัคคีที่ไม่เคยมีมาก่อนในกองกำลังทหาร บรรดาทหารทุกคนก็ฮึกเหิมในการทำงาน อย่างไรเสียมันก็เกี่ยวข้องกับชีวิตในอนาคตของพวกเขาด้วย

หลังจากเสร็จสิ้นช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงนี้ ลั่วเสี่ยวปิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลับไปที่กระโจมของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงนำตนเองโยนลงไปบนเตียงใหญ่โดยตรง

ถึงแม้จะมีน้ำแร่วิญญาณ แต่หลายวันมานี้นางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ และมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก

ตอนนี้ ท้ายที่สุดก็นอนหลับได้แล้ว

เมื่อฉีเทียนเห้าเข้ามา ก็เห็นลั่วเสี่ยวปิงนอนหลับสนิทอยู่ แววตาประกายความสงสาร และฉีเทียนเห้าก็เดินออกจากกระโจมไป

เมื่อกลับมาอีกที ในมือของฉีเทียนเห้าถืออ่างน้ำร้อนมาด้วย

เขาถอดรองเท้าของลั่วเสี่ยวปิงด้วยตนเอง เช็ดหน้าให้ลั่วเสี่ยวปิง ล้างเท้า กลัวว่าจะปลุกให้ลั่วเสี่ยวปิงตื่น ฉะนั้นจึงกระทำอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ในสิบกว่าวันนี้ถูกมองเห็นอยู่ในสายตาของซ่งหลิงหลางแต่ก็ถูกเลินเล่อไม่สนใจ

จากระยะไกลๆ มองไปที่เงาใต้แสงเทียนในกระโจมใหญ่นั้นซ่งหลิงหลางมีความริษยาในหัวใจและดวงตา

"จวิ้นจู่......" ชุ่ยอวี้ตะโกนเรียกเบาๆ

ซ่งหลิงหลางหันกลับไป ถลึงตาใส่ชุ่ยอวี้ หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างโมโห "ไป!"

ชุ่ยอวี้ : "จวิ้นจู่ เราจะไปที่ไหนกันหรือ?"

"ออกจากค่ายทหารสิ มิเช่นนั้นเจ้าจะไปบุกตะลุยโจมตีข้าศึกหรือ?" ทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างอารมณ์เสีย และซ่งหลิงหลางก็เดินออกไปนอกประตูค่าย

เพียงแต่ว่า ดวงตาของซ่งหลิงหลางเต็มไปด้วยเปลวเพลิงของความไม่ยินยอม

นางต้องให้รองพระชายาจัดการนังสารเลวผู้นั้นให้ได้!

หลังจากออกจากค่ายทหารแล้ว ซ่งหลิงหลางก็มีคนเข้ามาต้อนรับ เป็นองครักษ์ที่หูหยานเฉียนส่งมาอารักขาซ่งหลิงหลาง

เพียงแต่ว่า ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น หลังจากที่ซ่งหลิงหลางจากไปแล้ว องครักษ์คนหนึ่งก็ได้ปล่อยนกพิราบตัวหนึ่งไปในความมืด......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง