ซุนมู่หยางเห็นสถานการณ์ ขยับเข้าไปอย่างเคร่งเครียด วางมือไว้บนชีพจรของเว่ยเจ๋อฉี สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา
สุดท้าย ท่านซุนก็ทนไม่ไหว ก็เข้าไปจับชีพจร
เพียงแค่ท่านซุนขมวดคิ้ว สภาพไม่ได้เคร่งเครียดเหมืองสองคน
ท่านซุนรู้ ต้องมีอะไรที่ถูกตัวเองมองข้ามไปแน่นอน
“ท่านหมอซุน หลานของข้า.....” เว่ยหยวนหมิงออกเสียง
ได้ยินเสียงของเว่ยหยวนหมิง ลั่วเสี่ยวปิงใจหด ไม่ได้หันกลับไป กลับพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “พวกท่านออกไป”
ท่ามกลางเสียงอันเคร่งขรึมปะปนไปด้วยความปฏิเสธไม่ได้
ลั่วเสี่ยวปิงพูดอย่างคาดไม่ถึง ทำให้ฉวี่ซื่อและเว่ยหยวนหมิงต่างก็อดมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้
ท่านซุนมองลั่วเสี่ยวปิง ลั่วเสี่ยวปิงก็มองท่านซุน
จากสายตาของลั่วเสี่ยวปิง ท่านซุนมองออกถึงความหนักของสถานการณ์ ในใจก็มีการคาดเดาอย่างหนึ่งที่น่ากลัว เพราะว่าหลานของตัวเองก็สีเช่นแบบเดียวกัน
ดังนั้น ท่านซุนก็พูดกับเว่ยเจ๋อหมิง “ขอเชิญทั้งสองท่านออกไปก่อน มีอะไรเดี๋ยวค่อยอธิบาย”
คำพูดของท่านซุนพูดถึงขั้นนี้แล้ว หากเว่ยหยวนหมิงและฉวี่ซื่อยังไม่ออกไป ก็ไม่เหมาะสมแล้ว
เพียงแค่ก่อนที่ฉวี่ซื่อจะออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลังของลั่วเสี่ยวปิงอีกหลายครั้ง
เพียงแค่ ก่อนที่เว่ยหยวนหมิงออกไป ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดอีก “ให้คนรับใช้ข้างกายคุณชายห้าเข้ามาหน่อย”
เว่ยหยวนหมิงอดมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ จากนั้นก็ออกไปพร้อมฉวี่ซื่ออย่างเงียบๆ
ไม่นาน ก็มีบ่าวรับใช้หนุ่มคนหนึ่งเข้ามา
บ่าวรับใช้คนนี้สีหน้าซีดขาว คนทั้งคนดูสภาพแล้วเหน็ดเหนื่อยมาก
ลั่วเสี่ยวปิงมองแล้ว เข้าไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ยื่นมือออกมา”
ถึงแม้บ่าวรับใช้จะไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงเป็นใคร แต่บนตัวลั่วเสี่ยวปิงมีพลังบางอย่างที่ทำให้คนอดเชื่อฟังไม่ได้ เพราะฉะนั้นพอลั่วเสี่ยวปิงออกคำสั่ง บ่าวรับใช้ก็ยื่นมาออกมา
มือของลั่วเสี่ยวปิงวางอยู่บนชีพจรของบ่าวรับใช้ ไม่นานก็ปล่อยมือออก ส่งสัญญาณให้ซุนมู่หยางไปจับชีพจร
ถูกทั้งสองคนจับชีพจรติดกัน บ่าวรับใช้ค่อนข้างตื่นเต้น
“ข้า......ข้าน้อยแค่เหนื่อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
หลายวันนี้ดูแลคุณชาย เขายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอาการเหนื่อย
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดมาก ถามแค่ “เจ้าไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้มากี่วันแล้ว?”
บ่าวรับใช้ “น่าจะ น่าจะสองวัน......”
ลั่วเสี่ยวปิง “คุณชายของเจ้ามีอาการป่วยกี่วัน?”
บ่าวรับใช้ “สาม......สามวัน......”
แม่นางท่านนี้เข้มงวดมาก เขาตื่นเต้นมาก
ลั่วเสี่ยวปิงถามเพียงแค่นี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรไร้สาระ แค่สะบัดมือ
บ่าวรับใช้รู้สึกว่ามีกลิ่นอะไรโชยผ่านจมูก จากนั้นก็สูญเสียความรู้สึก ล้มลงกับพื้นเสียงดังปัง
ส่วนข้างนอก เว่ยหยวนหมิงที่ดูอาการผิดปกติของภรรยาออกแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะหลังออกจากห้องนอน ภรรยาก็มองประตูที่ปิดแน่นด้วยอาการเหม่อลอย
ดังนั้น สุดท้ายก็ถามออกจาก “เป็นอะไร?”
ฉวี่ซื่อดึงสติกลับมา จากนั้นก็มองเว่ยหยวนหมิงขยับปากไปมา แต่กลับไม่พูดอะไรเลย
รู้ใจภรรยาที่สุด เว่ยหยวนหมิงอดถามไม่ได้ “ยังมีอะไรที่ไม่สามารถพูดกับข้าได้? หรือว่าเจ้ากังวลฉีเอ๋อร์?”
ฉวี่ซื่อพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า
ฉีเอ๋อร์ นางกังวลจริง แต่......
สูดหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดฉวี่ซื่อก็อธิบายสาเหตุ “เมื่อครู่หญิงสาวคนนั้น พวกเจ้ามีใครเห็นชัดไหม?”
ฉวี่ซื่อพูดไป ก็กวาดสายตามองไปที่ลูกหลานหนึ่งรอบ
จากนั้น ลูกหลานก็พยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงอวี้หนิงยกมือ “ข้า”
สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่อวี้หนิง อวี้หนิงรู้สึกเขิน “อันนี้ แม่นางข้างในเป็นคนที่ข้าช่วยไว้เมื่อหลายวันก่อน”
เว่ยเจ๋อฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนฉวี่ซื่อผิดหวังเล็กน้อย
จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงพูดว่า “ท่านซุน ข้าจะช่วยคุณชายห้าของตระกูลเว่ยก่อน ตอนนี้ท่านไปไปหานายท่านกัว ให้ท่านปิดเมืองก่อน ห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด?”
ตอนนี้สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงยังรู้สึกโชคดี ก็คือกัวหงหยางยังไม่ได้ไปรับตำแหน่งที่เมืองหลัว
มิเช่นนั้น เกรงว่าภัยโรคระบาดในครั้งนี้หากเป็นขุนนางนี่ขี้ขลาดกลัวปัญหา ชาวบ้านทั่วเมืองคงลำบาก
แน่นอน ถึงแม้ตอนนี้ยังคงเป็นกัวหงหยาง ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่กล้ามั่นใจเต็มที่ว่ากัวหงหยางจะให้ความร่วมมือ หรือว่าจะเชื่อ
ปิดเมือง ไม่ว่าในยุคสมัยไหนก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ท่ามกลางนี้ต้องแบกรับแรกกดดันมากเกินไป กัวหงหยางก็ไม่แน่ที่จะทนรับได้ ก็อาจจะไม่มีวิธีอันเด็ดขาดเช่นนี้
เพราะว่าก่อนที่โรคระบาดจะแพร่กระจาย ทุกคนก็อาจจะไม่เชื่อ
แต่ว่า เวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงก็ไปห่วงเรื่องพวกนี้ไม่ได้แล้ว
ห้ามได้ก็ห้าม รักษาได้ก็รักษา ไม่มีวิธีอื่นให้คิดได้
ท่านซุนก็มองเห็นความรุนแรง รู้ว่าความสามารถของตัวเองสู้คนอายุน้อยสองคนตรงหน้าไม่ได้ จึงพยักหน้า “ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้”
ท่านซุนพูดไป ก็จะออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อน” ลั่วเสี่ยวปิงเรียกท่านซุนไว้ ยื่นยาให้กับท่านซุนหนึ่งอัน “อันนี้ท่านกินก่อน”
ในเมื่อเป็นโรคระบาด นั่นก็ต้องต่อสู้กันระยะยาวแน่นอน
ท่านซุนเป็นซินแส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องกลายเป็นพลังหลักหนึ่งในนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นท่านซุนล้มลงไปไม่ได้
ท่านซุนเชื่อใจมากสำหรับยาของลั่วเสี่ยวปิง เพราะฉะนั้นเมื่อรับมาแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไร เงยหน้าก็ดื่มเข้าไปเลย
จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ยื่นให้ซุนมูหยางหนึ่งอัน
ซุนมู่หยางมองดูแขนเสื้อของลั่วเสี่ยวปิง จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ดื่มลงไปเลย
ท่านซุนออกไปจากห้อง ในห้องก็มีเพียงลั่วเสี่ยวปิงและซุนมูหยางที่มีสติอยู่
“คนอื่นๆของตระกูลเว่ย ข้าคิดว่าตอนที่ข้ากำลังช่วย่คุณชายห้า เจ้าช่วยข้าดูแลก่อน”
เธอไม่รู้ รักษาเสร็จเว่ยเจ๋อฉี เธอต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ซุนมู่หยางกลับอึ้ง “เจ้าเตรียมตัวจะรักษาเอง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...