แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 465

เมื่อเหตุการณ์นี้กำลังจะควบคุมไม่ได้ ฉับพลันก็มีเสียงล้อรถดังมาจากไกลๆ

ในตอนแรกเสียงล้อรถถูกเสียงของประชาชนกลบหมด แต่เมื่อขบวนรถเข้ามาใกล้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะจ้อกแจ้กจอแจแค่ไหน ขบวนรถนั้นก็ยังคงถูกให้ความสนใจ

ขบวนรถไม่ค่อยราบรื่น มีเกวียนวัว มีเกวียนล่อ มีเกวียนลา และมีเกวียนม้าด้วย

มีรถเกวียนที่ใช้สำหรับคนนั่ง และมีรถเกวียนที่ใช้บรรทุกสินค้า ยังมีรถเกวียนทั่วๆ ไป รถเกวียนบางคันมีตู้โดยสารที่งดงาม กระทั่งมีรถเกวียนที่เป็นล้อหักๆ สองล้อและประกอบด้วยไม้กระดานขึ้นไม่กี่แผ่น

อย่างไรก็ตามรถเกวียนเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือบนรถเต็มไปด้วยกระสอบ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระสอบ แต่ในเวลานี้ ขบวนรถที่ยาวและเต็มไปด้วยสิ่งของแปลกๆ เช่นนี้ กลับได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขบวนรถเหล่านี้ยังถูกคุ้มกันมาด้วยมือปราบ

"ดูสิ นั่นคือท่านกัว เขาไม่ได้ออกไปนอกเมืองจริงๆ ด้วย" ในเวลานี้ ประชาชนที่สายตาแหลมคมมองเห็นภาพเงาของกัวหงหยางในขบวนรถ ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

ทันทีที่คนคนนี้จะโกน ประชาชนคนอื่นๆ ก็มองไปที่กัวหงหยาง

ไม่นาน ขบวนรถก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าหยาเหมิน

กัวหงหยางมองเห็นคนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่หน้าหยาเหมิน สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก

ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ไม่ใช่เวลาปกติ คนมารวมตัวกันจำนวนมากเช่นนี้ มันจะเร่งการแพร่กระจายของโรคระบาดได้ ซึ่งไม่เอื้อต่อการป้องกันการแพร่ระบาดเลย

แต่ในฐานะที่เป็นขุนนางมาหลายปี กัวหงหยางจึงไม่อาจมองข้ามจุดประสงค์ของประชาชนเหล่านี้ได้ ฉะนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าจากด้านหลังขบวนรถ

"เหตุใดทุกๆ คนจึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล่ะ?" กัวหงหยางเอ่ยถาม

เพราะปกติแล้วกัวหงหยางเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริต ฉะนั้นประชาชนจึงประทับใจเขาอย่างมาก ต่อให้การปิดเมืองของเขาในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนไม่พอใจเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของเขาในใจประชาชนไม่ได้

เมื่อได้ยินคำเอ่ยถามของกัวหงหยาง ก็มีประชาชนเดินออกมา "นายท่าน เราได้ยินมาว่าโกดังสมุนไพรถูกเผาทำลายหมดแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?"

กัวหงหยางได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าหนักใจ : "ใช่......เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของข้า......"

"นายท่าน ในเมื่อในเมืองไม่มียาแล้ว เช่นนั้นท่านต้องการให้เราตายกันอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?" ไม่รอให้กัวหงหยางพูดจบ ก็มีประชาชนตะโกนขึ้นมาอย่างแตกตื่น

จากนั้น พวกประชาชนก็ฮึกเหิมกันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง "ใช่แล้วนายท่าน เราไม่อยากตายนะ ท่านเปิดประตูเมืองเถอะ ปล่อยให้เรามีหนทางที่จะเอาชีวิตรอดด้วยเถอะ!"

"ได้ยินมาว่าในเมืองไม่มีอาหารแล้ว เป็นอย่างนี้ต่อไป เราคงต้องตายกันหมด......"

“……”

เหตุการณ์นี้ วุ่นวายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

กัวหงหยางจึงตะโกนเสียงดังให้ทุกๆ คนอยู่ในความเงียบสงบ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ประชาชนต่างแตกตื่นกันเหลือเกิน

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นสภาพเหตุการณ์นี้ จึงขยิบตาให้ไป๋เสา

ไป๋เสาเข้าใจแล้ว จึงพูดขึ้นว่า : "พวกเจ้าเงียบๆ กันก่อน แล้วฟังที่นายท่านพูด"

น้ำเสียงของไป๋เสาผสมกับกำลังภายใน ไม่ได้ดังมาก แต่ยังคงเข้าถึงหูของทุกๆ คน

ได้ยินเสียงนี้ อารมณ์ของทุกๆ คนสงบลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เหตุการณ์ก็กลับมาสงบดังเดิม

กัวหงหยางเหลือบมองกลุ่มฝูงชน และเหลือบมองลั่วเสี่ยวปิงอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นจึงมองไปยังประชาชน "สำหรับสิ่งที่พวกเจ้าพูดมา พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใจไป"

เมื่อกล่าวจบ ก็ชี้ไปที่ขบวนรถด้านหลังของตนเอง "ในรถเหล่านั้นเต็มไปด้วยเสบียงอาหารและสมุนไพร เพียงพอที่จะให้ทุกคนอยู่ได้ไปหลายวัน"

ได้ยินว่ามีเสบียงอาหารอยู่ในรถม้าแต่ละคัน แววตาของทุกๆ คนก็เกือบจะโกรธจนตาเขียว

เสบียงอาหาร พวกเขาขาดแคลนอย่างมาก

ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นกับอดตาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กินอิ่มท้องมานานแล้วจริงๆ

"เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งของเหล่านั้นของท่านเป็นเสบียงอาหารจริงๆ? ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะมีเสบียงอาหารค้ำจุนเราไปอีกสองสามวัน โรคระบาดอีกกี่วันจึงจะดีขึ้นล่ะ? นายท่านนำเรามาขังอยู่ในเมืองด้วยกันกับคนป่วย นี่คือต้องการฝังเราไปด้วยกันกับพวกเขาเลยสินะ"

ได้ยินเช่นนี้ กัวหงหยางจึงให้คนสุ่มกระสอบขึ้นมา แล้วให้ทุกๆ คนมองดูข้าวด้านในนั้น

จากนั้น ก็ให้ดูยาสมุนไพร

แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังมีคนกังวลใจว่าโรคระบาดจะสามารถรักษาหายขาดไหม

เวลานี้ ลั่วเสี่ยวปิงกับซุนมู่หยางได้เดินมาที่กัวหงหยาง.

แต่ตอนนี้ บรรดาหมอทั้งหลายได้ตรวจชีพจรให้กับคนไข้ ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจึงทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเว่ยเจ๋อฉีในตอนนั้น

เป็นโรคระบาดนี่เอง และเป็นอย่างรุนแรงด้วย

แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหาย?

หมอที่เคยตรวจชีพจรให้เว่ยเจ๋อฉีเมื่อเห็นเว่ยเจ๋อฉี ก็ราวกับว่าเห็นความหวัง

สถานการณ์ของเว่ยเจ๋อฉีในตอนนั้นยังสามารถดีขึ้นได้ เช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าโรคระบาดในครั้งนี้มีทางรักษาหายแล้วจริงๆ

"ข้าเคยเป็นโรคระบาดนี้มาก่อน อีกทั้งยังป่วยจนอยู่ในขั้นวิกฤติ" เว่ยเจ๋อฉีกล่าวอย่างช้าๆ

"คุณชายห้า!" ลั่วเสี่ยวปิงต้องการพูดตัดบทเว่ยเต๋อฉี เวลานี้ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาแสดงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าใบสั่งยาของนางมีประสิทธิผลหรือไม่

ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้น นางกับรู้สึกไม่ค่อยดีเลย และความรู้สึกนั้นเริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นนางจึงอยากจะหยุดเขาโดยจิตใต้สำนึกเพื่อไม่ให้พูดต่อ

แต่เว่ยเจ๋อฉีกลับไม่สนใจการขัดขวางของลั่วเสี่ยวปิงเลย ยังคงกล่าวต่อว่า "หากว่าไม่เชื่อ พวกเจ้าถามหมอเหล่านั้นดูก็ได้ พวกเขาเคยจับชีพจรให้ข้าแล้ว"

บรรดาประชาชนหันไปมองหมอกลุ่มนั้นโดยจิตใต้สำนึก เห็นว่ามีหมอที่พยักหน้าจริงๆ และยังกล่าวว่าเว่ยเจ๋อฉีป่วยหนักมาก่อน ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เว่ยเจ๋อฉีกล่าวต่อว่า "เป็นหมอเทวดาลั่วที่ช่วยข้าไว้"

เว่ยเจ๋อฉีพูดจบ ก็หันไปทางลั่วเสี่ยวปิง และฉีกยิ้มให้ลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้งหนึ่ง

เขาต้องการให้ทุกๆ คนรู้ถึงคุณงามความดีของพี่สาว

เขา เขาต้องการใช้ประสบการณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความหวังให้กับทุกคน

เพราะเขาเข้าใจดีว่า โรคระบาดครั้งนี้ ความทุกข์ทรมานที่นำมาสู่จิตใจของทุกๆ คน แน่นอนว่ามันมากมายยิ่งกว่าความทุกข์ทรมานทางกายเสียอีก

คนป่วย ก็จำเป็นจะต้องมีความหวัง

เพราะเหตุนี้ เขาจึงแอบหนีออกมาโดยไม่บอกคนในครอบครัว

เพียงแต่ว่าในเวลานี้เว่ยเจ๋อฉีไม่รู้เลยว่า วันนี้ที่เขาปรากฏตัวที่นี่ จะนำปัญหามากมายมาสู่ตระกูลเว่ย......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง