แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 495

ฉีเทียนเห้าไปแล้ว

ท้องฟ้ายังไม่สว่างก็ไปเสียแล้ว

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงลืมตาขึ้นมา บนเตียงก็ไม่มีคนแล้ว แม้กระทั่งความอบอุ่นในตำแหน่งข้างๆ ก็ไม่มี เห็นได้ชัดว่าเขาออกไปนานแล้ว

"ท่านแม่——ท่านพ่อ——"

ในเวลานี้ เสียงของเล่อเล่อดังทอดมาจากหน้าประตู

เสียงของเล่อเล่อทำลายอารมณ์ของการแยกจากกันไม่ทันได้ร่ำลาของลั่วเสี่ยวปิง นึกถึงฉีเทียนเห้าที่รีบจากไปจะต้องไม่ได้บอกกล่าวกับอานอานเล่อเล่ออย่างแน่นอน จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแต่งตัวอย่างรวดเร็วและเปิดประตู

"ท่านพ่อ นี่ท่านให้เล่อเล่อ......" มือเล็กๆ ของเล่อเล่อถือหนังสือรูปภาพ ด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจ

แต่เมื่อเห็นว่าในห้องมีเพียงท่านแม่คนเดียวเท่านั้น เล่อเล่อยังไม่ทันพูดจบ ก็หยุดพูดอย่างกะทันหัน

"ท่านแม่ ท่านพ่อล่ะ?" เล่อเล่อทำหน้างุนงง

เหตุใดเวลาเช้าตรู่แบบนี้ท่านพ่อถึงไม่อยู่ในห้องนะ?

อานอานก็มาด้วยกันกับเล่อเล่อ อานอานเวลานี้ในมือก็ถือหนังสือเล่มหนึ่ง และมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจจนเก็บเอาไว้ไม่ทัน

เมื่อเห็นว่ามีเพียงท่านแม่อยู่ในห้อง อานอานไม่ได้มีสีหน้าตกตะลึงเหมือนเล่อเล่อ และนึกถึงความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

"ท่านแม่ ท่านพ่อไปแล้วใช่หรือไม่?" อานอานเอ่ยถาม

เล่อเล่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเล็กๆ ก็ดูห่อเหี่ยวลงมาทันที

ทุกๆ ครั้งที่ท่านพ่อกลับมาก็จะอยู่ด้วยกันกับท่านแม่เท่านั้น นางมีเวลาอยู่ร่วมกันกับท่านพ่อน้อยมาก และท่านพ่อจะจากไปก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ นางจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

เมื่อเปรียบเทียบกับเล่อเล่อแล้ว เห็นได้ชัดว่าอานอานดูสงบนิ่งกว่ามาก

ถึงแม้ว่าตอนนี้อานอานก็จะชอบท่านพ่อเช่นกัน แต่ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย จึงไม่ต้องการยึดติดกับท่านพ่อเหมือนกันกับน้องสาว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความคิดเห็นของอานอาน ท่านพ่อควรจะใช้เวลาอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ให้มากยิ่งขึ้นจึงจะถูกต้องที่สุด

เขาไม่สามารถบอกได้ ว่าเหตุใดถึงคิดเช่นนี้ เพียงแค่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นปฏิกิริยาของเด็กทั้งสองคน จึงลงนั่งยองๆ กล่าวกับเด็กทั้งสองคนด้วยใบหน้าจริงจัง "จะต้องทำสงครามแล้ว ท่านพ่อของพวกเจ้าเป็นอ๋องเซ่อเจิ้ง จึงจำเป็นจะต้องไป พวกเจ้าอย่าได้ตำหนิท่านพ่อของพวกเจ้าเลยเข้าใจหรือไม่?"

ต่อหน้าลูก การสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ฉีเทียนเห้า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

อีกอย่างหนึ่ง การจากไปของฉีเทียนเห้าก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้ว

เมื่อกล่าวจบ ลั่วเสี่ยวปิงชี้ไปที่หนังสือในมือของพวกเขา "หนังสือในมือของพวกเจ้า เป็นของขวัญที่ท่านพ่อของพวกเจ้าทิ้งเอาไว้ให้ เป็นท่านพ่อของพวกเจ้าเขียนตามความชอบของพวกเจ้าเลยนะ"

หนังสือทั้งสองเล่มนั้น ขณะที่ตนเองกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ฉีเทียนเห้าได้เขียนอยู่ข้างๆ เป็นยุธวิธีการรบพร้อมภาพประกอบให้เล่อเล่อ และเป็นพวกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้อานอาน

อานอานกับเล่อเล่อจับหนังสือในมือแน่น ฉับพลัน เด็กทั้งสองคนก็ไม่พูดจา

เด็กทั้งสองคนยังเด็กอยู่ ฉะนั้นจึงไม่รู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าสงครามนั้นอันตรายขนาดไหน

เดิมทีแล้วเล่อเล่อที่ตำหนิท่านพ่อที่จากไปโดยไม่ร่ำลา แต่เมื่อได้ยินท่านพ่อต้องไปทำสงคราม และยังเขียนหนังสือที่ตนเองชื่นชอบด้วยมือของตนเอง การตำหนิเหล่านั้นจึงไม่มีอีกต่อไป

และอานอานที่ถือหนังสือไว้ในมือแน่น ก็เงยหน้าขึ้นมองลั่วเสี่ยวปิง "ท่านแม่ เราไม่ตำหนิม่านพ่อหรอก ขอเพียงแค่ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว"

ว่ากันว่าการเรียนหนังสือย่อมรู้เหตุรู้ผล เป็นธรรมดาที่อานอานจะเข้าใจมากกว่าเล่อเล่อ

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางนั้นของท่านแม่ อานอานจึงเข้าใจความหมายของท่านแม่แล้ว

เล่อเล่อได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยถามว่า "ท่านแม่ ท่านพ่อจะกลับมาอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่?"

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า "ท่านพ่อของพวกเจ้าจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน เราจะรอเขาอยู่ที่เมืองหลวง"

เมื่อกล่าวจบ ลั่วเสี่ยวปิงจึงนึกถึงอะไรขึ้นได้ จึงกล่าวกำชับเด็กทั้งสองคนว่า "เพียงแต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องสงครามนี้ พวกเจ้าอย่าได้แพร่ออกไปนะ หลังจากที่เข้าเมืองไปแล้ว พวกเจ้าอย่าได้พูดถึงสถานการณ์ของท่านพ่อเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?"

การเปิดเผยข่าวการทำสงครามล่วงหน้า จะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน

"ไม่ทราบว่าที่นี่คือบ้านของเถ้าแก่หอเหมยเซียงใช่หรือไม่?"

น้ำเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยดังทอดเข้ามา ลั่วเสี่ยวปิงจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

เว่ยหยางมองดูการแต่งตัวของอีกฝ่าย จึงคาดเดาออกว่าเป็นพ่อค้า ด้วยเหตุนี้จึงหลีกทางให้

"เข้ามาก่อนเถอะ"

สวีจี้เหว่ยจึงเดินเข้ามาในเรือนฉี แต่ทว่า เพิ่งจะเดินเข้ามา ก็เจอกับลั่วเสี่ยวปิงเลย

เมื่อเห็นผู้มีพระคุณ สวีจี้เหว่ยก็ตกตะลึง จากนั้นจึงกล่าวอย่างตื่นเต้น : "หมอเทวดาลั่วเป็นท่านได้อย่างไร? เหตุใดท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่?"

หากไม่ใช่หมอเทวดาลั่ว เม่ยเหนียงกับลูกก็คง......

เมื่อนึกถึงตรงนี้ สวีจี้เหว่ยจึงรีบหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมา "หมอเทวดาลั่ว วันนั้นท่านรีบไป ยังไม่ทันได้ขอบคุณในการช่วยชีวิตของท่านเลย เงินเหล่านี้ท่านเก็บเอาไว้เถอะ

ลั่วเสี่ยวปิงมองไปที่ธนบัตรเหล่านั้น ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ และไม่ได้ยอมรับมันทั้งหมด เพียงแค่ดึงมันออกมาหนึ่งใบเท่านั้น

นั่นคือธนบัตรหนึ่งใบหนึ่งร้อยตำลึง มีธนบัตรเป็นสิบๆ ใบในปึกนั้นที่สวีจี้เหว่ยเอาออกมา หนึ่งใบก็คือหนึ่งร้อยตำลึง สิบใบก็คือหนึ่งพันตำลึง นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่

เพียงแต่ว่า สำหรับนางนั้น หนึ่งร้อยตำลึงก็เพียงพอกับค่าตรวจโรคแล้ว

สวีจี้เหว่ยคนนี้มีคุณธรรม มิเช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนั้นเขาก็ไม่ตามทุกๆ คนออกมาปล้น และบวกกับทัศนคติที่มีต่อภรรยา ก็สามารถมองออกได้ว่าคนคนนี้เป็นคนมีจิตใจที่มีคุณธรรม

สำหรับคนที่จิตใจมีคุณธรรม นางจะอัธยาศัยดีด้วยตลอดมา

อีกอย่างหนึ่ง หนึ่งร้อยตำลึงก็นับว่าไม่น้อยเลย

แต่ทว่า ลั่วเสี่ยวปิงเอาเงินไปเพียงหนึ่งร้อนตำลึง กลับทำให้สวีจี้เหว่ยตื้นตันใจอย่างมาก

"หมอเทวดาลั่ว ท่านเป็นคนดีเหลือเกิน" พูดจบ ชายร่างใหญ่คนนั้นก็ขอบตาแดงก่ำ

ลั่วเสี่ยวปิง : "......"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง