"ข้าอยากให้เจ้าช่วยส่งข่าวไปยังหมู่บ้านชนบททางตอนใต้ให้หน่อย" ซ่งฉงปิงกล่าวด้วยใบหน้าเอาจริงเอาจัง
หอปิงอวี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปเท่านั้น ฉีเทียนเห้าเคยกล่าวไว้ว่า คนที่นี่สามารถช่วยส่งข่าวออกไปได้อีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จริงๆ แล้วเมื่อเปิดหอปิงอวี้ขึ้นมา ก็ถูกฉีเทียนเห้าทำเป็นห้องโถงข่าวสารแห่งหนึ่ง
ห้องโถงข่าวสารนางกับฉีเทียนเห้าใช้ร่วมกัน แต่หอปิงอวี้เป็นของนางทั้งหมด
นางมาที่นี่ ก็เพราะเสด็จพ่อบอกว่าเสบียงอาหารที่ชายแดนไม่เพียงพอ ดังนั้นนางจะต้องส่งจดหมายไปถึงจางเอ้อหลางทางตอนใต้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้จางเอ้อหลางรีบนำเสบียงอาหารไปยังชายแดนตะวันตกเพื่อสนับสนุนฉีเทียนเห้า
เพราะก่อนหน้านี้ได้นึกถึงว่าการทำสงครามจะเกิดข้าวยากหมากแพงได้ นางจึงให้จางเอ้อหลางรับผิดชอบในการเพาะปลูกธัญพืชและตุนเสบียงอาหารตั้งแต่ต้น ในที่สุดตอนนี้มันก็มีประโยชน์พอจะใช้สอยได้
เถ้าแก่ได้ฟังเช่นนี้ ก็พยักหน้า "นายหญิงมีจดหมายอะไรจะต้องส่ง สั่งกำชับมาได้เลย ข้าจะทำให้อย่างเหมาะสมแน่นอน"
เถ้าแก่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ได้มีสีหน้าร้อนรนใจเหมือนกันกับซ่งฉงปิง
ซ่งฉงปิงก็ไม่ได้บอกรายละเอียดกับเถ้าแก่ว่าเรื่องอะไร แต่ให้คนไปนำกระดาษกับปากกามา และเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ใช้เทียนไขปิดผนึกให้ดีแล้วส่งมอบให้เถ้าแก่
หลังจากที่เถ้าแก่รับจดหมายแล้ว ก็ลังเลเล็กน้อย และเอ่ยถามซ่งฉงปิง "ยังมีอะไรที่ต้องการจะส่งอีกไหมขอรับ?"
เถ้าแก่เอ่ยถามเพื่อนายท่านของตนเอง
เพราะนายท่านเคยบอกเอาไว้ว่า ขอเพียงแต่เป็นจดหมายของนายหญิง จะต้องส่งไปยังชายแดนโดยทันที
หากนายท่านทราบว่านายหญิงส่งจดหมายให้คนอื่น แต่กลับไม่ส่งจดหมายถึงเขา เกรงว่านายท่านจะตำหนิเอาได้
ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนั้น ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้า "ถือโอกาสให้เจ้าส่งจดหมายไปให้ฉีเทียนเห้าอีกหนึ่งฉบับแล้วกัน"
ลั่วเสี่ยวปิงพูดจบ ก็เขียนจดหมายต่อ จึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าโล่งอกของเถ้าแก่
การเขียนจดหมายให้ฉีเทียนเห้านั้นง่ายดายอย่างมาก แต่ทำให้ซ่งฉงปิงกลับต้องหยุดเขียนหลายครั้งและคิดว่าจะเขียนอย่างไรดี
โดยส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทาง จากนั้นก็พูดถึงครอบครัวของตนเอง และสุดท้ายจึงบอกกับฉีเทียนเห้าเรื่องที่จะให้คนคิดหาวิธีส่งเสบียงอาหารไปให้ ฉีเทียนเห้าไม่ต้องเป็นกังวลใจ
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ซ่งฉงปิงก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง จึงกล่าวกับเถ้าแก่ว่า "ตอนนี้ได้ผ่านการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว แต่เสด็จพ่อของข้ากลับบอกว่าไม่มีเสบียงอาหารเพียงพอ เจ้าให้คนไปตรวจสอบสักหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
ทันทีที่เถ้าแก่ได้ยินช่าวนี้ ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ จากนั้นจึงรับคำสั่งทันที "ขอรับ ข้าจะตรวจสอบหาสาเหตุให้เร็วที่สุด"
ซ่งฉงปิงพยักหน้า
แต่ในความเป็นจริงเวลานี้ซ่งฉงปิงไม่ได้มองโลกในแง่ดีมากนัก
เสด็จพ่อเป็นถึงท่านอ๋อง อำนาจก็มี แต่กลับตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย เป็นการยากที่คนของฉีเทียนเห้าจะตรวจสอบหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นทุกๆ อย่างจะทันเวลา
และในเวลานี้ ที่หยงโจว
หยงโจวคล้ายกันกับเหลียงโจว มีภูเขาเป็นจำนวนมาก
และในสถานที่ที่มีภูเขามากมาย ก็มีโจรมากมายตามไปด้วย
ในสถานที่แห่งหนึ่งของหยงโจวที่เรียกว่าภูเขาเฮยเฟิง ด้านบนมีค่ายที่ชื่อว่าค่ายเฮยเฟิง
พวกโจรของค่ายเฮยเฟิงนี้ แต่ละคนชั่วช้าสามานย์เป็นอย่างยิ่ง เคยฆ่าคน และเห็นการนองเลือดจริงๆ
แต่ทว่าในเวลานี้ หัวหน้าโจรทั้งสามของค่ายเฮยเฟิงกลับมองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเสือตัวนั้นอย่างเคารพนบนอบ
"ตามความต้องการของท่าน คนของเราได้ไปรับซื้อธัญญาหารมาทั่วทุกหนทุกแห่งแล้ว และถูกซ่อนเอาไว้ใกล้ๆ แล้ว ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี?"
อยู่ในหยงโจวไม่มีใครรู้จักตนเอง แต่นางกลับไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตแบบธรรมดาทั่วไป ด้วยเหตุนี้นางจึงคิดอยากจะขึ้นไปเมืองหลวง แต่ทว่านางกลับเดินเส้นทางผิด จึงถูกโจรของค่ายเฮยเฟิงแห่งนี้จับตัวมา
เดิมทีแล้วนางคิดว่าจะเป็นเมียโจรร่วมกันกับหัวหน้าโจรทั้งสามคนนี้ แต่อุดมการณ์ของนางยังไม่เป็นจริง นางไม่ยินยอม
ถ้านางกลายเป็นเมียโจรของทั้งสามคนจริงๆ เช่นนั้นจะไม่เลวร้ายไปกว่าชีวิตที่ผ่านมาหรือ
ด้วยเหตุนี้ นางจึงบอกว่าตนเองได้รับการบันดาลจากเทพ
พอดีกับว่าคนเหล่านี้ของค่ายเฮยเฟิงได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นก่อนหน้านี้ ฉะนั้นนางจึงเอาคำทำนายมาเดิมพัน และได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าโจรเหล่านี้
หลังจากนั้นนางจึงนึกถึงเรื่องของการเก็บเกี่ยวธัญญาหารที่บอกกับจูถงผู่ก่อนหน้านี้ ก็เลยไม่ได้รีบร้อนไปที่เมืองหลวง แต่นึกถึงความคิดหนึ่งขึ้นมาได้
เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ฉะนั้นลั่วเสี่ยวจู๋จึงไม่กล้าพูดอย่างชัดเจนว่าสงครามจะเกิดขึ้นเมื่อใด บอกเพียงว่าใกล้จะเกิดสงครามแล้ว เพื่อความร่ำรวย จึงบอกให้พวกโจรไประดมธัญญาหารเอาไว้
โชคดีที่โจรเหล่านี้มีเงินเก็บอยู่บ้าง นอกจากนั้นนางยังรู้จักสถานที่ซ่อนสมบัติของตระกูลจู ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากค่ายเฮยเฟิง ใช้เวลาเดินทางสามวัน
ตระกูลจูถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์ แต่ที่ซ่อนสมบัติแน่นอนว่าไม่ได้ถูกเคลื่อนย้าย ฉะนั้นนางจึงใช้เงินเหล่านั้นเก็บสะสมเสบียงอาหารต่อไป
พูดได้ว่า เสบียงอาหารโดยรอบเหลียงโจว โดยส่วนใหญ่ถูกนางรับซื้อไปจนหมด
ส่วนโจวอื่นๆ นั้น หึ ถึงเวลานั้นน้ำไกลก็ไม่อาจดับไฟไกลได้แล้ว อ๋องเซ่อจิ้งต้องการเสบียงอาหาร ก็จะต้องพิจารณาจากสถานที่ใกล้เคียงก่อนอยู่แล้ว
ชาติที่แล้วฮ่องเต้ไม่สามารถจัดหาเสบียงอาหารและหญ้าเลี้ยงม้าได้ ส่งผลให้เสบียงอาหารเกิดความขัดสนจนต้องพ่ายแพ้ปราชัยไป เหลียงโจวทั้งหมดจึงถูกผ่าออกไปครึ่งหนึ่ง
ชาตินี้ นางจะต้องอาศัยเสบียงอาหารเหล่านั้นเพื่อพลิกชีวิตให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ในแววตาของลั่วเสี่ยวจู๋ เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...