แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 514

ในชั่วพริบตาเดียววันนี้ก็ถึงงานเลี้ยงพระราชวังแล้ว

เวลานี้ตระกูลเว่ยทั้งหมดมาถึงกันแล้ว และไป๋เสาก็กลับมาอยู่ข้างกายซ่งฉงปิงแล้วเช่นกัน

เช้าตรู่ เว่ยหวินซีกับซ่งหยุนดาได้มารวมตัวกันที่ลานบ้านของซ่งฉงปิง

ซ่งหยุนดาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว เป็นธรรมดาที่จะดื่มชารออยู่นอกห้อง และเว่ยหวินซีก็ตามไป๋ซู่ไปเลือกเสื้อผ้าให้ซ่งฉงปิง

"ชุดสีชมพูชุดนี้เหมาะกับปิงเอ๋อร์นะ"

"ข้าน้อยรู้สึกว่าชุดสีม่วงก็เหมาะสมนะเจ้าคะ?"

"ไอ๋หย๋า สีเขียวนี้ก็ดูดีเช่นกัน......"

"จัดเข้าคู่กับกิ๊บติดผมจึงจะดี......"

"ปิ่นระย้าสองสามอันนี้ก็เหมาะสมกับคุณหนูเป็นอย่างยิ่ง......"

ทั้งสองคนเลิกกันจนตาลาย ซ่งฉงปิงทำได้เพียงนั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

พอดีกับว่าเวลานี้ มีสาวใช้ถือถาดเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู

"พระชายา คุณหนูรอง คนของหอปิงอวี้ส่งชุดมาให้เจ้าค่ะ"

เว่ยหวินซีกับไป๋ซู่ที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

เป็นธรรมดาที่พวกนางรู้จักหอปิงอวี้

แต่ว่า เหตุใดหอปิงอวี้จึงส่งเสื้อผ้ามามห้ด้วยตนเองนะ?

เว่ยหวินซีมองไปยังไป๋ซู่ ไป๋ซู่นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้จึงบอกเล่ากับเว่ยเหวินซีอย่างง่ายๆ อีกครั้งหนึ่ง

เอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ไป๋ซู่ยังคงสุขใจอย่างมากมาจนถึงวันนี้

เพื่อให้สามารถจัดการคุณหนูเหล่านั้นได้อย่างไม่ต้องเสียแรง จึงทำให้บรรดาคุณหนูเหล่านั้นจ่ายเงินเป็นสองเท่าจนกระทั่งหลายๆ ตำลึงเพื่อซื้อเสื้อผ้าของหอปิงอวี้ คุณหนูของตนนั้นเก่งจริงๆ

แต่ทว่า หลังจากที่เว่ยหวินซีได้ฟังคำพูดของไป๋ซู่ ขอบตานางก็แดงก่ำ

"เสด็จแม่ เป็นอะไรไปหรือเพคะ?"

เห็นเว่ยเหวินซีเป็นเช่นนั้น ซ่งฉงปิงจึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย

ตอนนี้นางรู้แล้ว ว่าสิ่งที่ตนเองกลัวที่สุดก็คือน้ำตาของเสด็จแม่

เว่ยหวินซีขอบตาแดงก่ำ กล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง "ปิงเอ๋อร์เจ้าวางใจเถอะ งานเลี้ยงพระราชวังวันนี้ เสด็จแม่จะต้องช่วยอัญเชิญตำแหน่งจวิ้นจู่ลงมาให้เจ้าให้จงได้"

ไม่ใช่ของปลอมที่ยังเป็นจวิ้นจู่หรอกหรือ ปิงเอ๋อร์ของตนเองจึงต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมถูกคนพูดจาฉีกหน้าเช่นนี้

ปิงเอ๋อร์ของนางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของจวนอ๋อง สิ่งของเหล่านั้นกล้ามากลั่นแกล้งปิงเอ๋อร์ของนางได้อย่างไรกัน?

"ไม่ได้สิ ข้าต้องให้เสด็จพ่อของเจ้าช่วยเจ้าทวงคืนความยุติธรรมให้ได้" ใบหน้าเว่ยหวินซีเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม

"เสด็จแม่ อย่า......" ซ่งฉงปิงต้องการจะห้ามปราม

"ใครกลั่นแกล้งปิงเอ๋อร์หรือ?" ซ่งฉงปิงยังไม่ทันพูดจบ น้ำเสียงของซ่งหยุนดาก็ดังเข้ามาจากด้านนอก

เดิมทีซ่งหยุนดาเพื่อการดื่มชาอยู่ด้านนอกเพียงคนแล้ว อีกทั้งยังเห็นมีสาวใช้นำเสื้อผ้าอาภรณ์ของหอปิงอวี้มาส่งให้ จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูสักเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดของเว่ยหวินซีที่ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ซ่งฉงปิงเรื่องนี้

เว่ยหวินซีได้ยิน ก็ไม่ได้คำนึงถึงการห้ามปรามของซ่งฉงปิง และรำต้นสายปลายเหตุของเรื่องมาบอกกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

ซ่งหนุนดาคล้อยตามเว่ยหวินซีเสมอมา เมื่ได้ฟังคำพูดของเว่ยหวินซี ซ่งหยุนดาก็โกรธอย่างจริงจัง

"ในเมื่อตาเฒ่าเจียงผู่สอนหลาวสาวไม่ดีเอง วันพรุ่งนี้ก็อย่าโทษว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน" ซ่งหยุนดากล่าวด้วยความโกรธ

เห็นท่าทีของเสด็จพ่อเสด็จแม่ตนเอง ซ่งฉงปิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย "เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ข้าได้แก้แค้นคืนด้วยตนเองแล้ว เสด็จพ่อเสด็จแม่อย่าได้กังวลใจเลย"

นางไม่เพียงแต่ไม่เสียเปรียบ ยังทำเงินได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย

เดิมทีแล้ว เหตุการณ์ที่พบเจอนั้นนางปิดกั้นบรรดาคุณหนูเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้พวกนางไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่ตนเองชอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เบื้องหลังของนางมีครอบครัวนางคอยปกป้องอยู่ นางก็จะต้องทำให้คนอื่นรู้ว่า นางมีครอบครัวที่น่ารักเหล่านั้นอยู่

ก่อนที่จะกลั่นแกล้งตนเอง ก็ต้องดูก่อนว่าพวกนางมีความสามารถนั้นหรือเปล่า

อย่างไรเสีย นางก็ไม่ใช่ว่าว่างมากนัก ไม่มีเวลาที่จะไปจัดการเรื่องทะเลาะวิวาทเหล่านั้นบ่อยๆ หรอก

แน่นอนว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการโฆษณาหอปิงอวี้ไปโดยธรรมชาติ

ถึงแม้ว่าในเวลาอันสั้นเพียงหนึ่งเดือนทำยอดขายได้มากมาย แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่แพร่หลาย เช่นเดียวกับคนเหล่านั้นในวังที่ไม่ได้ไปหอปิงอวี้เพื่อซื้อเสื้อผ้าเลย

สาวงามสามพันคนในวัง อีกทั้งเงินไม่ได้ขาดแคลน ถ้าสามารถดึงดูดความคิดของพวกเขาได้ จะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ?

เว่ยหวินซีเห็นท่าทางที่เชื่อมั่นของซ่งฉงปิง จึงรู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง

ต่อมา เมื่อจัดเข้าชุดกับเครื่องประดับศีรษะ เว่ยหวินซีก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

หลังจากนั้นซ่งฉงปิงก็ชี้ไปที่เครื่องประดับศีรษะชุดหนึ่งซึ่งเหมาะสมกับตนเองและไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น

อย่างไรเสียเครื่องประดับศีรษะที่เป็นจุดสนใจ ไม่ใช่ว่าจะเหมาะสมกับทุกคน การจัดเข้าคู่ที่ไม่ดีจะมีผลตรงกันข้าม

เว่ยหวินซีเห็นว่าซ่งฉงปิงเลือกแล้ว จึงไม่ได้ยุ่งวุ่นวายต่อไป

เพียงแต่ว่าเมื่อหวีผมให้ซ่งฉงปิง เว่ยหวินซีได้หวีเป็นทรงที่แม่นางยังไม่ได้แต่งงานให้แก่ซ่งฉงปิงโดยจิตใต้สำนึก

"สิ่งที่เสด็จแม่เสียใจที่สุดคือไม่ได้เห็นหน้าตาของเจ้าก่อนจะแต่งงานเลย แต่ตอนนี้ได้เห็นแล้ว เสด็จแม่รู้สึกชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง"

ซ่งฉงปิงได้ฟัง ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวว่า "ในเมื่อเสด็จแม่ชื่นชอบ เช่นนั้นอีกไม่กี่วันข้าจะใช้ทรงผมนี้ไปร่วมงานเลี้ยง"

ในฐานะคนยุคสมัยใหม่ นางไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก ทรงผมสำหรับนางแล้วสามารถใช้ได้ทั่วไป หากดูดีก็ใช้ได้เลย ไม่สนใจว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่ง

อย่างไรเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่ใช่การเอาใจคนอื่น แต่คือการเอาใจตนเอง

แต่ซ่งฉงปิงกลับไม่รู้เลยว่า ของตัดสินใจของตนเองในวันนี้ หลังจากนั้นไม่นานจะนำพาปัญหาใหญ่มาให้นาง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง