เวลานี้ คนที่นั่งยองๆอยู่ด้านหน้าประตูคือจีเหวินจุน
แม้เมื่อสมัยนั้นจีเหวินจุนมาเมืองหลวงกับนาง แต่หลังจากมาเมืองหลวง เพราะฐานะทางสังคมของจีเหวินจุน พวกนางเลยเจอกันน้อย
เพราะพ่อของจีเหวินจุน เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถของฮ่องเต้
หลายปีมานี้ ฮ่องเต้ซ่งหยุนจางไม่เชื่อใจใครอย่างแท้จริงเลย
เมื่อก่อน ตอนจีซิงยี่อยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ซ่งหยุนจางยังวางใจให้ครอบครัวของนางติดตามอยู่ จีซิงยี่เป็นคนอย่างไร ซ่งหยุนจางรู้ดี
แต่ตอนนี้ แม้จีซิงยี่จะถูกพระองค์ย้ายไปอยู่ที่ชายแดนตะวันตกเพื่อรับเอาทหารที่ฉีเทียนเห้านำมา แต่สุดท้ายพระองค์ยังกังวลใจว่าทั้งสองคนจะร่วมมือกัน เพราะฉะนั้นเมื่อรู้จีเหวินจุนเข้ามาเมืองหลวง ซ่งหยุนจางเลยสั่งให้คนไปพาจีเหวินจุนมาเพื่อต้อนรับดูแล จัดการหาที่พักให้
ในช่วงหนึ่งนั้น ทำให้เหล่าคุณหนูแม่นางจำนวนไม่น้อยอิจฉา
แน่นอน ยังมีคนคาดเดา ว่าฝ่าบาทกระทำแบบนี้คือต้องการเอาจีเหวินจุนเข้าวังหลังแล้ว
ฝ่าบาทต้องการให้จีเหวินจุนเข้าวังหลังหรือไม่นั้นตอนนี้ซ่งฉงปิงไม่รู้หรอก แต่นางรู้ว่าจีเหวินจุนได้รับการปรนนิบัติดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ ไม่ใช่การได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่มันเป็นการตบตาเรื่องการจับตาดูและบีบบังคับ
ซ่งฉงปิงอยากไปหาจีเหวินจุน แต่เกรงว่าจะกระทบถึงจีเหวินจุน จึงสั่งให้คนไปไถ่ถาม เมื่อรู้ว่าจีเหวินจุนสบายดี เลยไม่ได้ไปรบกวน คิดเพียงว่ารอให้ทางด้านของนางมั่นคงแน่วแน่ก่อนค่อยไปหานาง แต่ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอจีเหวินจุนที่หน้าประตูแห่งนี้เสียแล้ว
อีกทั้งดูแล้วเหมือนจีเหวินจุนมีเรื่องที่คิดหนักไร้ซึ่งความช่วยเหลือ
และเวลานี้จีเหวินจุนกำลังนั่งยองๆเอามือกอดเข่าอยู่ทางด้านนั้น พอมองดูแล้วเหมือนเจอเรื่องทุกข์ใจอะไรมา แม้กระทั่งซ่งฉงปิงเดินมาทางนางนางยังไม่รู้เลย
“เจ้าเป็นอะไรหรือ?”ซ่งฉงปิงกล่าวถาม
จีเหวินจุนได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เลยเงยหน้าด้วยความตื่นเต้น และตอนที่นางพบว่าได้เจอคนที่นางอยากเจอแล้ว ใบหน้าของจีเหวินจุนเต็มไปด้วยความดีใจ กล่าวว่า “พี่เสี่ยวปิง——”
ตอนที่ตะโกนเรียกซ่งฉงปิง จีเหวินจุนได้ยืนขึ้นแล้ว
แต่เมื่อตะโกนเรียกแล้ว จีเหวินจุนถึงได้สติกลับมา ว่าตอนนี้ฐานะของซ่งฉงปิงไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ด้วยเหตุนี้เลยนึกเรื่องที่แม่นมในพระราชวังสอนนางเกี่ยวกับกฎเกณฑ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ขึ้นมาได้ นางหันไปทำความเคารพซ่งฉงปิง “เหวินจุนน้อมเคารพจวิ้นจู่ จวิ้นจู่——”
“พอแล้ว——”เห็นจีเหวินจุนทำความเคารพ ซ่งฉงปิงเห็นแล้วปวดหัว นางค่อนข้างคุ้นชินกับท่าทางเมื่อก่อนของจีเหวินจุน กระตือรือร้นคึกคักน่ารักเป็นคนง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เลยกล่าวว่า “เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นเถอะ อย่าเปลี่ยนเพราะว่าข้าเป็นลูกของใครเลย——”
พูดแล้ว หยุดไปพักหนึ่ง ซ่งฉงปิงเลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า “อีกอย่าง เจ้าไม่ใช่น้องสาวข้าหรือ?”
จีเหวินจุนได้ยินแล้วถึงกับชะงักงัน
เพราะเมื่อก่อนเป็นนางที่ตามเรียกพี่เสี่ยวปิงว่าพี่ แต่พี่เสี่ยวปิงไม่ได้ยอมรับโดยตรง นางนึกว่าตัวเองรู้สึกเพียงคนเดียวมาโดยตลอด
อีกอย่าง ตอนนี้พี่เสี่ยวปิงคือจวิ้นจู่ แม้ฐานะทางสังคมนางไม่ได้ต่ำต้อย แต่ยังแย่กว่าพี่เสี่ยวปิงอยู่
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า พี่เสี่ยวปิงจะยอมรับว่าตัวเองเป็นน้องสาวของนางด้วยตัวเองเลย
ช่างมีความสุขเหลือเกิน!
นัยน์ตาจีเหวินจุนเปล่งประกาย เฉิดฉายอร่ามตา
ซ่งฉงปิงเห็น เลยยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อมาแล้ว เข้าไปนั่งด้านในกันเถอะนะ”
และไม่ได้ถามจีเหวินจุนว่าเพราะเหตุใดถึงมานั่งยองๆด้านนอกนี้
หากนางอยากพูด แน่นอนว่าจะพูดเอง
จีเหวินจุนไม่ได้ปฏิเสธ
ซ่งฉงปิงพานางเข้าไปด้านในจวนอ๋องอี้ว แต่เพิ่งจะเข้าไป ทั้งสองคนก็เจอเข้ากับเว่ยหวินซี
เป็นครั้งแรกที่เว่ยหวินซีเห็นลูกสาวของตัวเองพาสหายมา แปลกประหลาดใจอย่างมาก แล้วก็ตื่นเต้นด้วย เพราะรู้สึกว่าในที่สุดลูกสาวของตัวเองก็มีสหายแล้ว
แต่ยิ่งมอง เว่ยหวินซียิ่งรู้สึกว่าสหายของลูกสาวตัวเองช่างคุ้นหน้าคุ้นตานัก
“เจ้าคือ——ลูกสาวของเมิ่งจูหรือ?”
เมื่อก่อน เว่ยหวินซีกับจงเมิ่งจูเคยเป็นสหายกัน แต่เมื่อสมัยนั้นหลังจากจงเมิ่งจูแต่งงานกับจีซิงยี่แล้ว ก็อยู่ที่เขตชายแดนกับจีซิงยี่ตลอด ทั้งสองเลยไม่ได้เจอกันอีก
ช่วงก่อนหน้านี้ นางก็ได้ยินว่าลูกสาวของแม่ทัพจีกลับมาที่เมืองหลวง อีกทั้งพักอาศัยอยู่ด้านในพระราชวัง เมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้นางใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุขแล้ว ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายอีก
เมื่อได้ยินอย่างนี้ซ่งฉงปิงกับเว่ยหวินซีเลยสบตากัน และไม่ได้พูดอะไรอีก
เพราะช่วงนี้เวลานี้ พูดอะไรไปก็คือมากกว่าความจำเป็น
หลังจากนั้นทั้งสามคนเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนากัน
และเวลานี้ เว่ยหวินซีเพิ่งจะรู้จากปากของจีเหวินจุนว่าซ่งฉงปิงได้ช่วยจงเมิ่งจูแม่ลูกไว้ เรื่องที่เป็นลูกสาวบุญธรรมของจงเมิ่งจูและพูดเรื่องบุพเพสันนิวาสอย่างตรงไปตรงมา
แม้ว่า เว่ยหวินซีอยากอยู่พูดคุยด้วยอีกสักหน่อย แต่นางเป็นคนฉลาดหลักแหลม พูดคุยได้ประมาณหนึ่งแล้ว จึงได้ขอตัวลา เว้นช่องว่างให้เด็กทั้งสองคน
รอเว่ยหวินซีไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมลง
ซ่งฉงปิงกับจีเหวินจุนก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกันชั่วขณะหนึ่ง
ซ่งฉงปิงรู้ดี ว่าที่จีเหวินจุนมาหานางนั้นคือมีธุระ
แต่จีเหวินจุนยังไม่ได้คิดจะกล่าวพูดออกมา นางเองก็ไม่ได้ไปคะยั้นคะยอ ซ่งฉงปิงรอนางคิดอย่างมั่นใจแล้วค่อยกล่าวพูดออกมา
เวลาค่อยๆผ่านไป ในที่สุดก็กล่าวพูดออกมา
“พี่เสี่ยวปิง——”
จีเหวินจุนก้มศีรษะลง น้ำเสียงทุ้มต่ำ ฟังจากเสียงก็สามารถฟังออก ว่าตอนนี้นางไม่มีความสุข “ท่านแม่ของข้า อีกสิบวันจะมาเมืองหลวงแล้ว”
ซ่งฉงปิงยังคงเงียบฟังนาง
เอ่ยปากขึ้นครั้งนี้ จีเหวินจุนเงียบอึมครึมอยู่นาน
แต่คำพูดที่ตามมาของจีเหวินจุน กลับทำให้ซ่งฉงปิงขมวดคิ้วเป็นปมอย่างอดไม่ได้
“พี่เสี่ยวปิง ฝ่าบาทตรัสว่าท่านแม่ของข้ามาเมืองหลวง ก็จะพระราชทานงานแต่งให้ข้า——”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...