ทันทีที่องครักษ์เอ่ยออกมา ณ ที่แห่งนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง
เด็กๆ หนุ่มสาวทั้งสิบสองคนมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ไม่มีใครคาดคิดว่าจวิ้นจู่จะมาปรากฏตัวอยู่ในบ้านของพวกเขา
จวิ้นจู่!
สำหรับพวกเขาทั้งหลาย นี่คือบุคคลที่สูงส่งโดยแท้
ซ่งฉงปิงเห็นดังนั้นจึงส่งสายตาให้องครักษ์ สั่งให้เขาหยุดพูดไปก่อน
แม้ว่าจะร้อนใจ แต่เวลานี้องครักษ์ก็ไม่กล้าขัดความประสงค์ของจวิ้นจู่ ดังนั้นจึงทำได้แค่นิ่งเงียบ
ซ่งฉงปิงมองเด็กๆ และรอให้พวกเขากลับมามีปฏิกิริยาตอบสนอง
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋อง ไม่ใช่ว่านางไม่ร้อนใจ แต่นางรู้ว่าต่อให้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนแค่ไหนก็ไม่มีทางด่วนเท่าเรื่องตอนนี้
นอกจากนี้ร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้จัดการเรื่องตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังคิดว่าที่องครักษ์รีบร้อนมาหานางแบบนี้ เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่
ในเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาง นางจึงยิ่งไม่ต้องรีบร้อนมากนัก
ตุบ!
ตุบ!
มีเสียงดังขึ้นและเด็กๆ ก็คุกเข่าลงทีละคน
เห็นได้ชัดว่าได้สติคืนมากันแล้ว
“ราษฎร... ราษฎรผู้ต่ำต้อยคารวะจวิ้นจู่”
เสียงกับการกระทำไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไรนัก
ซ่งฉงปิงรอให้พวกเขาได้สติ ไม่ได้รอเพื่อให้พวกเขาคำนับนาง นั่นเองนางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยเรียบๆ ว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
ทุกคนมองหน้ากันไปมาและไม่ยอมลุก
ด้วยเหตุนี้ซ่งฉงปิงจึงมองหวู่เจียงและถามตรงๆ ว่า “เจ้าอยากให้เด็กพวกนี้มีจุดมุ่งหมายที่ดีหรือไม่”
หวู่เจียงได้ยินดังนั้นก็ชะงัก
จุดมุ่งหมายที่ดี?
หลังจากนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้า สบตากับสายตาของซ่งฉงปิง
สายตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยน ไร้ซึ่งความรู้สึกกดขี่บีบบังคับ
หวู่เจียงคิดทบทวนอยู่ในใจ ในที่สุดก็ฟังสิ่งที่ใจคิด “อยาก...”
“ลุกขึ้นก่อนแล้วค่อยตอบ” ซ่งฉงปิงเอ่ยเรียบๆ จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงบนก้อนหินทรงกลมพื้นผิวเรียบที่อยู่ข้างๆ
หวู่เจียงได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นทันที จากนั้นจึงบอกให้พี่น้องคนอื่นๆ ยืนขึ้นตาม
ซ่งฉงปิงไม่ได้มองใครอื่นนอกจากหวู่เจียง “ที่ขอให้เจ้าไปขอซื้อร้านค้าวันนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจะใช้มาทำอะไร”
หวู่เจียงส่ายศีรษะทันทีที่ได้ยิน
“ข้ากำลังเตรียมเปิดโรงหมอ” ซ่งฉงปิงบอกจุดมุ่งหมายของตนเอง
ใช่แล้ว เหรินยี่ถัง นางเลือกสถานที่ทางตะวันตกของเมืองซึ่งเป็นส่วนที่ยากจนที่สุด
หนึ่ง เพราะร้านทางตะวันตกของเมืองมีราคาถูก
สอง ผู้คนที่นี่มีความต้องการยิ่งกว่า นั่นยิ่งทำให้ความตั้งใจของนางสัมฤทธิผลเร็วขึ้น
ทว่าทันทีที่ซ่งฉงปิงเอ่ยออกมาแบบนั้น หวู่เจียงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “จวิ้น... จวิ้นจู่ ทางตะวันตกของเมืองมีคนไม่มากนักหรอกขอรับที่มีเงินมาหาหมอ”
ทางทิศตะวันตกของเมืองไม่มีโรงหมอเลยแม้แต่แห่งเดียว
เมื่อก่อนก็เคยมีอยู่แห่งหนึ่ง แต่เพราะบริหารจัดการต่อไปไม่ได้จึงต้องปิดตัวลง
ตอนนี้ทางตะวันตกของเมืองมีหมอเท้าเปล่า*อยู่คนหนึ่งที่พอรู้เรื่องตำรายาพื้นบ้านอยู่บ้าง ปกติถ้าเจ็บไข้ได้ป่วย ผู้คนก็จะไปหาเขาเพราะค่ารักษาของเขาถูกมาก เป็นคนที่รับผิดชอบดูแลอยู่ในขอบเขตของผู้ที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของเมือง (*คือหมอนอกระบบในพื้นที่ชนบท)
แต่ในทางกลับกัน ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ไม่ได้สูงส่งนัก
ตอนแรกๆ ที่น้องสาวตัวน้อยป่วย เขาก็นำเหรียญทองแดงทั้งหมดที่มีไปหาหมอเท้าเปล่าเพื่อซื้อยา ทว่าก็ไม่เป็นผล และในที่สุดน้องๆ ในบ้านก็ทยอยล้มป่วยกันหมด
“อืม ข้ารู้” ซ่งฉงปิงพยักหน้า
หวู่เจียงเห็นดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก
สำหรับเรื่องนี้ ซ่งฉงปิงก็พอใจอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นซ่งฉงปิงจึงถามหวู่เจียงว่า “ปกติข้าค่อนข้างยุ่ง เรื่องการปรับปรุงตกแต่งโรงหมอทางนี้ข้าคงไม่มีเวลามาดูแล เจ้าจะช่วยรับผิดชอบดูแลทั้งหมดได้หรือไม่”
หวู่เจียงชะงักทันทีที่ได้ยิน
รับผิดชอบการตกแต่งปรับปรุงโรงหมอทั้งหมดน่ะหรือ?
หน้าร้านทั้งสามร้านทะลุถึงกัน
ห้องที่อยู่ทางซ้ายสุดมีม้านั่งตัวยาวจัดไว้ด้านหน้า ตรงกลางเป็นห้องตรวจโรค ถัดไปข้างๆ เป็นโต๊ะยา
สิ่งที่ทำให้เขาฉงนที่สุดก็คือลานที่ด้านหลัง ส่วนที่เขาไม่คิดว่าจะใช้เป็นที่พักผ่อน ซึ่งที่นั่นจัดเป็นห้องๆ และมีเตียงจัดไว้ในแต่ละห้อง
นี่มัน... เขาไม่เคยเห็นโรงหมอที่ไหนมีเตียงเยอะขนาดนี้มาก่อน
หลังจากหายตะลึง หวู่เจียงจึงชี้ให้เห็นตรงจุดที่เขาไม่เข้าใจ และซ่งฉงปิงก็ตอบเขาทีละอย่างๆ
โชคดีที่แบบร่างของซ่งฉงปิงเรียบง่ายและเข้าใจได้ง่ายมาก ดังนั้นหวู่เจียงจึงไม่ได้มีคำถามอะไรมากมายและไม่ได้ทำให้เสียเวลามาก
หลังจากหารือเรื่องแบบร่างเสร็จ ซ่งฉงปิงจึงสั่งให้ไป๋ซู่นำเงินแปดสิบตำลึงก่อนหน้านี้มาให้หวู่เจียง จากนั้นจึงหยิบเงินอีกห้าร้อยตำลึงออกมาจากแขนเสื้อ
หวู่เจียงมองเงินห้าร้อยแปดสิบตำลึงในมือและไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนครั้งแรก แต่เขากลับเอ่ยว่า “จวิ้นจู่ นี่มันมาก...”
“รับไปก่อน มีประโยชน์”
ซ่งฉงปิงกล่าวพลางเหลือบมองเด็กคนอื่นๆ
จากนั้นจึงกล่าวว่า “ฟางอิงอยู่กับหวู่เจียง ส่วนเด็กคนอื่นๆ ข้าช่วยให้พวกเจ้าไปเรียนที่หมู่บ้านชิงเหอได้”
จากนั้นซ่งฉงปิงจึงเล่าเรื่องของหมู่บ้านชิงเหอให้ฟังอย่างกระชับๆ
ในตอนนั้นเอง เด็กสาวสองคนลุกขึ้นมาและยกมือขึ้นอย่างกังวล “จวิ้นจู่ พวกเราก็เรียนได้หรือเจ้าคะ”
ซ่งฉงปิงมองเด็กสาวทั้งสองและเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ได้สิ เป็นเด็กผู้หญิงควรจะเล่าเรียนให้มากกว่านี้”
เด็กสาวทั้งสองชะงักงัน
เป็นเด็กผู้หญิงควรเล่าเรียนให้มากกว่านี้ คำพูดแบบนี้พวกนางเพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก
ซ่งฉงปิงลูบศีรษะเด็กสาวทั้งสอง “ตราบใดที่ตั้งใจเล่าเรียน ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน”
คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนจะเป็นการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของเด็กสาวทั้งสอง และมันก็กลายเป็นคติที่พวกนางสองคนยึดถือไปตลอดชีวิต
โอกาสดีๆ เช่นนี้เด็กๆ ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย ซ่งฉงปิงจึงทิ้งองครักษ์สองคนไว้ที่นี่
คนหนึ่งทำหน้าที่ส่งเด็กๆ เหล่านั้นไปที่หมู่บ้านชิงเหอ คนหนึ่งมีหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยในการก่อสร้างของหวู่เจียงกับคนอื่นๆ คอยระวังไม่ให้พวกเขาถูกรังแก
ถึงอย่างไรไม่ว่าจะยุคสมัยไหนๆ ก็ต้องมีคนคอยหนุนหลังเป็นที่พึ่ง
หลังจากซ่งฉงปิงออกมาจากเรือนของหวู่เจียง นางจึงถามองครักษ์จากจวนอ๋องที่มาตามหานางว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...