ซ่งฉงปิงไม่ได้กลับจวนอ๋องทันทีแต่ว่าตรงไปยังศาลต้าหลี่ และกลองร้องทุกข์ของศาลต้าหลี่ก็ดังขึ้น
ศาลต้าหลี่อยู่ในย่านใจกลางเมือง ทันทีที่เสียงกลองดังขึ้นจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนให้หยุดมองได้ทันที
เมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวหน้าตาสะสวยกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงหน้ากลองร้องทุกข์ ผู้คนจำนวนมากจึงหยุดมองอย่างสงสัยใคร่รู้
หลังจากเสียงกลองดังขึ้น ในไม่ช้ามือปราบก็วิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
บังเอิญว่ามือปราบที่วิ่งออกมาเคยพบซ่งฉงปิงมาก่อน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าคนที่มาตีกลองร้องทุกข์คือซ่งฉงปิง มือปราบผู้นั้นจึงตกใจมาก
จากนั้นเขาจึงยกมือคำนับซ่งฉงปิง “ข้าน้อยคารวะเจียเล่อจวิ้นจู่”
ทุกคนที่พากันมามุงดูนึกประหลาดใจทันทีที่ได้ยินชื่อของเจียเล่อจวิ้นจู่
บางคนไม่เคยได้ยินข่าวลือและพากันสงสัยว่าเพราะเหตุใดเจียเล่อจวิ้นจู่จึงมาตีกลองร้องทุกข์ บางคนที่รู้เรื่องข่าวลือพอจะได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ใจ
กล่าวก็คือทุกคนไม่เคยพบไม่เคยเห็นจวิ้นจู่มาตีกลองร้องทุกข์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นในชั่วครู่เดียวคนจึงมารวมตัวกันมากยิ่งกว่าเดิม
ในไม่ช้าซ่งฉงปิงก็ทำไปตามขั้นตอนและถูกนำตัวเข้าไปในศาลต้าหลี่
ตอนที่ซ่งฉงปิงเข้าไป หลางซิงเหอก็อยู่ที่นั่นด้วย
จ้งฉางกับหลางซิงเหอประหลาดใจมากเมื่อเห็นซ่งฉงปิงเดินเข้ามา
แต่ว่าทั้งสองคนก็ประหลาดใจได้เพียงแค่ครู่หนึ่ง
“ในเมื่อเจียเล่อจวิ้นจู่ลั่นกลองร้องทุกข์ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดจะร้องทุกข์หรือ” จ้งฉางสอบถามตามขั้นตอนปกติ
“วันนี้ออกมาข้างนอก ทันทีที่เดินไปตามถนนก็ได้ยินข่าวลือหนาหู ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอใต้เท้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วย...” ซ่งฉงปิงเล่าถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดอย่างกระชับ
......
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนที่หน้าอยู่หน้าจวนอ๋องยังไม่รู้ว่าซ่งฉงปิงไปลั่นกลองร้องทุกข์มาแล้ว
ทุกคนต่างรอให้ประตูจวนอ๋องเปิดออก รอให้คนข้างในออกมาพิสูจน์ว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ตามปกติคนธรรมดาไม่มีทางกล้ามารบกวนคนของราชวงศ์
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่มีคนมากมาย แต่ยังมีคนที่เป็นผู้นำโดดเด่นด้วย ดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่นึกกลัวเลย
แต่ท้ายที่สุดแล้วมือปราบของศาลต้าหลี่ก็มาถึงก่อนที่จะมีใครเปิดประตูออกมา
“ผู้ใดที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นของเจียเล่อจวิ้นจู่ จงออกมา” มือปราบถามเสียงดังทันทีที่มาถึง
หลังจากสิ้นเสียง สถานที่แห่งนั้นก็เงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง
และคนที่พอจะกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของซ่งฉงปิงได้ก็คือเหยียนขวน
ดังนั้นสองแม่ลูกที่อยู่หน้าจวนอ๋องอี้วก็คือสองแม่ลูกเหยียนขวนนั่นเอง
สองแม่ลูกหายตัวไปหลายเดือนและไม่รู้เลยว่าเข้ามาที่เมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตั้งแต่ตอนไหน ว่าซ่งฉงปิงคือจวิ้นจู่แห่งจวนอ๋องอี้ว
กล่าวก็คือ สองแม่ลูกฉวยโอกาสเข้าหาซ่งฉงปิงโดยใช้โอกาสจากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
เดิมทีสองแม่ลูกคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ผู้คนมาวุ่นวายเก็บเกี่ยวหาผลประโยชน์ แต่ใครจะรู้ว่ามือปราบจะมาถึงที่นี่
สองแม่ลูกเคยเห็นอะไรแบบนี้เสียที่ไหน
มือปราบในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่ได้เหมือนกับมือปราบในเมืองเมืองหลินอาน
ดังนั้นเมื่อมือปราบเอ่ยขึ้นมา สองแม่ลูกจึงไม่กล้าขยับเขยื้อน ไหนเลยจะกล้ายอมรับว่าพวกเขาคือคนที่มือปราบตามหา
แต่ถึงเหยียนขวนจะไม่ยอม คนอื่นก็ต้องช่วยชี้ตัวเขาอยู่แล้ว
ในไม่ช้ามือปราบก็เข้ามากักตัวสองแม่ลูกเอาไว้
ในที่สุดสายตาของหัวหน้ามือปราบก็จับจ้องมาที่เหยียนขวน “เจ้าคือชายที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นของเจียเล่อจวิ้นจู่งั้นรึ”
สีหน้าของมือปราบทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เหยียนขวนกลืนน้ำลายเงียบๆ “ปะ... เป็นข้าน้อยเอง ที่ข้าน้อยพูดไปเป็นเรื่องจริงทั้งหมด...”
“ที่เจ้าพูดมาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น เราค่อยไปพูดกันเมื่อไปถึงหยาเหมิน” มือปราบขัดขึ้นอย่างเย็นชา
เขามีหน้าที่ตามหาคน ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินคดี
การตัดสินคดีเป็นกิจธุระของใต้เท้า
ว่าแล้วมือปราบจึงเตรียมจะจับกุมตัว
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ชนเหมยจึงเอะอะโวยวายทันทีว่า “ ท่านจับบุตรชายข้าทำไม บุตรชายของข้าเป็นถึงท่านซิ่วฉาย ทุกสิ่งที่เราพูดล้วนเป็นความจริง พวกท่านจะจับกุมเขาเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นจวิ้นจู่ไม่ได้ ช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก!”
เสียงที่แหลมแสบแก้วหูของหลี่ชนเหมยดังผ่านฝูงชนออกมา
มือปราบปวดหัวเพราะเสียงตะโกนของหลี่ชนเหมยและตวาดออกไปอย่างอดไม่ได้ว่า “พอได้แล้ว จะตะโกนหาอะไร? ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นซิ่วฉายหรือขุนนาง หากมีคนมาลั่นกลองร้องทุกข์ที่ศาลต้าหลี่ของพวกข้า พวกข้าก็ต้องมาพาตัวคู่กรณีไป”
ไม่ว่าตอนนี้ซ่งฉงปิงจะมีฐานะเช่นไร พวกเขาก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคนแบบไหน
รู้ว่าไม่มีทางหวนกลับ และเหตุผลเดียวที่มีก็คือ ‘ความโลภ’
ความโลภทำให้คนเป็นบ้า
ดังนั้นเมื่อจ้งฉางเคาะไม้ปลุกสติ ถามเหยียนขวนสองแม่ลูกว่าเพราะเหตุใดจึงอ้างตนว่าเป็นคู่หมั้นของเจียเล่อจวิ้นจู่
ตอนแรกสองแม่ลูกจึงชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็สงบสติได้และให้ความร่วมมือ เริ่มเล่าความคับข้องใจออกมา
“ใต้เท้า หลังจากข้าน้อยเข้าร่วมการสอบซิ่วฉายเมื่ออายุสิบห้า ข้าน้อยก็หมั้นหมายกับตระกูลลั่ว... ไม่สิ กับเจียเล่อจวิ้นจู่ในอดีต เดิมทีตั้งใจจะแต่งงานเมื่อเจียเล่อจวิ้นจู่ถึงวัยแต่งงาน แต่ว่า... เมื่อหกปีก่อน มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเจียเล่อจวิ้นจู่... ข้าน้อยจึงยังไม่ได้แต่งงานจนกระทั่งถึงบัดนี้”
หลี่ชนเหมยรีบเสริมว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านใต้เท้า เรามีสัญญาหมั้นเป็นข้อพิสูจน์ ในตอนนั้นลูกชายของข้าไม่ได้นึกรังเกียจเลยที่จวิ้นจู่... ไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์ และเขาก็ยังคงรอจวิ้นจู่ รอให้จวิ้นจู่แต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรา แต่พอได้ดี จวิ้นจู่ก็ถีบหัวส่งลูกชายของข้า เราสองแม่ลูกรู้สึกเหมือนถูกทำลายความรู้สึกที่สั่งสมมานานหลายปี ดังนั้นจึงต้องลำบากลำบนมายังเมืองหลวง อยากมาร้องขอความยุติธรรม ขอใต้เท้าโปรดทำเพื่อเราด้วย”
สองแม่ลูกประสานเสียงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย สวมบทเป็นสองแม่ลูกผู้ถูกทรยศอย่างสมบทบาท ประหนึ่งว่าซ่งฉงปิงเป็นเฉินซื่อเหม่ยฉบับผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าซ่งฉงปิงไม่รู้เรื่องราว นางคงคิดว่าที่ทั้งสองคนพูดมาคือเรื่องจริง และคิดว่านางเป็นคนทำผิดต่อเขา
นอกจากนี้รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนบัณฑิตใสซื่อบริสุทธิ์ของเหยียนขวนยังทำให้คนฟังอดเชื่อไม่ได้ ว่าเขาเป็นฝ่ายธรรมะ
และเหล่าผู้คนที่มามุงดูอยู่ด้านหน้าก็ยิ่งนึกขุ่นเคืองในความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น
เนื่องจากผู้ที่มามุงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ดังนั้นคนเหล่านี้จึงย่อมเข้าใจปัญหาในมุมของเหยียนขวนได้ดียิ่งขึ้น
ลองคิดดูสิ เราปฏิบัติต่อคนคนหนึ่งอย่างดีสุดหัวใจ ยอมเผชิญทุกข์สุขไปด้วยกัน แต่คนผู้นั้นกลับได้ดีแล้วถีบหัวส่ง เป็นเรา เราจะรู้สึกอย่างไร?
ทุกคนคิดว่าซ่งฉงปิงเป็นคนทรยศ
แม้ว่าสองสามีภรรยาอ๋องอี้วรวมถึงซ่งเฮงจะไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของสองแม่ลูกเหยียนขวน พวกเขาก็เกิดโทสะขึ้นมาทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่ซ่งฉงปิงส่งมาในตอนแรก พวกเขาคงจะเข้าไปถีบทั้งคู่ให้รู้แล้วรู้รอด
คิดจะเล่นอะไรกัน
มาเล่นอะไรแบบนี้ คิดว่านางเป็นตัวอะไรกันแน่?
เมื่อเห็นว่าคนครอบครัวของนางโมโหจนทนไม่ไหว ซ่งฉงปิงจึงรีบส่งสายตาปลอบโยนพวกเขาทันที
จากนั้นนางจึงมองเหยียนขวนกับหลี่ชนเหมยและเอ่ยเสียงเย็นว่า “ที่พวกเจ้าพูดมา ถ้าไม่ใช่ความจริง พวกเจ้าได้ลำบากแน่”
เมื่อได้ยินเสียงของซ่งฉงปิง ทั้งคู่ก็ใจสั่นสะท้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...