แม้ว่าน้ำเสียงของซ่งฉงปิงจะฟังดูสงบ แต่ทั้งเหยียนขวนและหลี่ชนเหมยต่างรู้สึกได้ว่าคำพูดของนางคือคำข่มขู่
ทว่าทั้งคู่ก็ใจสั่นหวั่นไหวเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
แทนที่ยอมถูกข่มขู่ กลับคิดจะแสวงหากำไรจากสิ่งนี้
สองแม่ลูกต่างเห็นพ้องต้องกันแม้ว่าจะไม่ได้สบตากันเลย
เหยียนขวนทำสีหน้า มองซ่งฉงปิงด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด “เสี่ยวปิง... ไม่สิ จวิ้นจู่... ถึงอย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เหตุใดท่านจะต้องข่มขู่ข้าน้อยด้วย ข้าน้อยก็แค่มาร้องขอความยุติธรรมเท่านั้น”
หลี่ชนเหมยเอ่ยอย่างคล้อยตามว่า “จวิ้นจู่เจ้าคะ แม้ว่าพวกข้าจะเป็นเพียงสามัญชนผู้อ่อนแอและยากจน แต่พวกข้าก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกหาความยุติธรรม เรื่องของความยุติธรรม ใต้เท้าย่อมเป็นผู้ตัดสินให้เอง”
ซ่งฉงปิงได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเยาะ จากนั้นจึงหันไปมองจ้งฉาง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใต้เท้าก็ไต่สวนเถิด”
ว่าแล้วจึงเสริมอีกว่า “เพียงแต่... ก่อนพิจารณาคดี ข้าอยากจะถามอะไรพวกเขาสักนิดหน่อย”
จ้งฉางได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า “อนุญาต”
เมื่อได้รับอนุญาตจากจ้งฉาง ซ่งฉงปิงจึงมองสองแม่ลูกเหยียนขวน
และสุดท้าย สายตาก็ไปจับจ้องอยู่ที่เหยียนขวน
เหยียนขวนอยากจะส่งสายตาให้ซ่งฉงปิงอย่างรักใคร่เสน่หา แต่พอสบตากับสายตาของซ่งฉงปิง เหยียนขวนกลับต้องก้มหน้าอย่างอดไม่ได้
เมื่อสบตากับนาง เขา... รู้สึกละอายใจ
ความคิดที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มือของเหยียนขวนกำเข้าหากันแน่น มีประกายแห่งความไม่เต็มใจฉายอยู่ในดวงตา และนอกเหนือจากนั้นก็คือความโลภที่มากขึ้น
“เจ้าสอบซิ่วฉายตอนอายุสิบห้า จะหมั้นกับข้าก็ไม่ผิด แต่เจ้าบอกว่าจนกระทั่งบัดนี้เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน เจ้าไม่รู้สึกละอายเลยหรือ”
“ถ้าจนถึงบัดนี้เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเฉินชิวฟางที่ตายทั้งกลมเพราะเจ้า”
เฉินชิวฟางคือภรรยาคนก่อนของเหยียนขวนที่เสียชีวิตตอนคลอดบุตร
เหยียนขวนหลบตาเล็กน้อยเมื่อถูกซ่งฉงปิงจ้องมอง
แต่มีคนจำนวนมากเฝ้าดูอยู่ ต้าหลี่ซื่อชิงก็กำลังมองจากด้านบน เขาจะไม่ตอบก็ไม่ได้
หลังจากขยับปากอ้ำๆ อึ้งๆ ครู่หนึ่ง เหยียนขวนจึงเอ่ยว่า “งั้น... งั้นเจ้าก็เหมือนกัน เรื่องที่เจ้ามั่วโลกีย์ คลอดลูกนอกสมรสเมื่อไม่กี่ปีให้หลังนั่น”
ซ่งฉงปิงยิ้ม
อันที่จริง เหยียนขวนไม่ได้แต่งงานใหม่ทันทีหลังจากที่เขากับเจ้าของเดิมยกเลิกการหมั้นหมาย
สาเหตุไม่ใช่เพราะเจ้าของร่างเดิม แต่เป็นเพราะตระกูลเหยียนอยากหาครอบครัวที่มีฐานะดีกว่าเดิม สิ่งนี้จะได้เป็นประโยชน์กับเหยียนขวน
บิดาของเฉินชิวฟางผู้นั้นเป็นจู่เหริน นอกจากนี้ยังเป็นจู่เหรินที่ค่อนข้างมีฐานะดีด้วย
หลังจากไปมาหาสู่กับครอบครัวที่ร่ำรวยและครอบครัวมีการศึกษามานาน สองแม่ลูกเหยียนขวนจึงเลือกเฉินชิวฟาง
ตอนที่เฉินชิวฟางแต่งงานเข้ามา นางได้นำสินเดิมของครอบครัวติดมาด้วยและทำให้ฐานะของตระกูลเหยียนดีขึ้นมาก
แต่น่าเสียดายที่ทารกในครรภ์ของเฉินชิวฟางตัวใหญ่เกินไป ทำให้คลอดยากและทำให้ตายทั้งกลม
เมื่อเฉินชิวฟางลาจากโลกนี้ไป ตระกูลเฉินก็ไม่ยอมรับลูกเขยอย่างเหยียนขวนและตีตัวออกไป ทำให้เหยียนขวนพึ่งพาคนที่คิดจะพึ่งพาไม่ได้
ซ่งฉงปิงไม่ได้นำมาเปิดเผย ณ ที่นี้และก็ไม่ได้โต้แย้งทันที แต่นางมองไปที่หลี่ชนเหมยและถามว่า “เจ้าบอกว่าพวกเจ้าสองแม่ลูกเดินทางมายังเมืองหลวงด้วยความยากลำบาก เท่าที่รู้มา ระยะทางระหว่างเมืองหลวงกับเมืองหลินอาน ต้องนั่งรถม้าอย่างต่อเนื่องนานกว่าครึ่งเดือน เมื่อดูจากฐานะครอบครัวของพวกเจ้า พวกเจ้าน่าจะไม่มีเงินมากพอที่จะนั่งรถม้า เช่นนั้นก็คงเดินมา...”
พูดมาถึงตรงนี้ซ่งฉงปิงก็หยุดไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “ดูจากที่พวกเจ้าสองแม่ลูกหายหน้าไปนาน ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ พวกเจ้าคงมีเวลาพอที่จะเดินมาถึงเมืองหลวง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น หน้าตาของพวกเจ้าก็น่าจะซีดเซียวซูบผอม แต่เพราะเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าตอนนี้พวกเจ้าดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมากเลยล่ะ การลำบากตรากตรำทำให้คนเราอ้วนท้วนขึ้นได้ขนาดนี้เชียวหรือ”
แค่สิ่งที่ซ่งฉงปิงถามเหยียนขวนก่อนหน้านี้ ก็ทำให้ภาพลักษณ์คนรักที่ดีของเหยียนขวนดูถดถอยลงไปมากแล้ว
เมื่อซ่งฉงปิงถามหลี่ชนเหมยอีก เวลานี้ทุกคนจึงยิ่งสนใจสองแม่ลูกเหยียนขวนมากขึ้น
ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้แม่เฒ่าผู้นั้นบอกว่าต้องเข้าเมืองหลวงมาอย่างลำบากลำบน แต่ท่าทีของสองแม่ลูกดูอยู่ดีกินดี แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ไม่เห็นเหมือนคนที่ลำบากเลยสักนิด
ดูเหมือนคำพูดระหว่างสองแม่ลูกจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด
ผู้คนที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจในตอนแรกดูสงบลงมากเพราะคำถามทั้งสองข้อของซ่งฉงปิง
ซ่งฉงปิงไม่ได้มองไปที่สองแม่ลูกเหยียนขวนอีก แต่นางมองไปที่จ้งฉาง “ใต้เท้า คุณชายเหยียนผู้นี้มีทะเบียนสมรสเป็นหลักฐาน ข้าก็มีทะเบียนสมรสเป็นหลักฐาน สองแม่ลูกคู่นี้เอาแต่บอกว่าข้าถีบหัวส่งพวกเขาเพราะข้ากลายมาเป็นบุตรสาวของท่านพ่ออ๋อง เอาแต่บอกว่าข้ามั่วโลกีย์และให้กำเนิดลูกนอกสมรส ข้าให้กำเนิดบุตรสองคนตอนฤดูใบไม้ผลิเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ข้ากับสามีก็จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ดังนั้นข้าจะฟ้องที่พวกเขากุเรื่อง ทำให้ข้าเสียชื่อเสียง!”
ว่าแล้วซ่งฉงปิงจึงหยิบทะเบียนสมรสออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นจึงให้ไป๋เสานำขึ้นไปส่ง
เมื่อจ้งฉางเห็นลายมือบนทะเบียนสมรส ตลอดจนชื่อของฝ่ายชาย เขาก็ชะงักงันและอดไม่ได้ที่จะมองซ่งฉงปิงด้วยความตกใจ
นาง...
นาง...
เป็นไปแล้วจริงๆ...
“บังอาจ!”
คราวนี้คนที่ส่งเสียงออกมาคือซ่งหยุนดา
บุตรสาวของเขาถูกใส่ร้ายสาดเสียเทเสียครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
หากยังทนต่อไปอีก เขาต้องกลายเป็นนินจาแน่
เมื่อซ่งหยุนดาลุกขึ้นยืน ความน่าเกรงขามก็แผ่ซ่านออกมาทันที “ใต้เท้ากล่าวไปแล้วว่ามีทะเบียนสมรสเป็นหลักฐาน แต่เจ้าก็ยังเอาแต่ใส่ร้ายบุตรสาวของข้า เจ้ามีจุดประสงค์อะไร แล้วใครเป็นคนบงการเจ้ากันแน่”
เหยียนขวนใจสั่นขึ้นมาเมื่อถูกจี้ตรงจุด
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
ไม่สำเร็จก็ล้มเหลว
ดังนั้นเหยียนขวนจึงยืดหลังตรงและเอ่ยเสียงเย็นว่า “พวกท่านเป็นคนของราชวงศ์ อยากจะกุเรื่องอย่างไรย่อมทำได้โดยง่าย ทะเบียนสมรสนั่นต้องเป็นของปลอมแน่ พวกท่านอย่าคิดมาหลอกกันเลย...”
กล่าวก็คือ แม้จะเป็นของจริงแต่ก็ต้องให้เป็นของปลอม
ไม่ว่าอย่างไรลูกๆ ทั้งสองของลั่วเสี่ยวปิงก็ต้องเป็นลูกนอกสมรส
ส่วนลั่วเสี่ยวปิง...
คราวนี้เหยียนขวนมองซ่งฉงปิงและสบตากับนางด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม
ถ้าไม่ได้ตัวนางมา ชื่อเสียงของนางก็ต้องป่นปี้ไปด้วย
หากเป็นแบบนี้ เขาจะยังคงได้ผลประโยชน์ที่เขาต้องการ
เมื่อคิดได้ดังนั้น มุมปากของเหยียนขวนก็แย้มเป็นเส้นโค้งจนเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งในฝูงชนส่งเสียงขึ้นมาว่า
“เอ๊ะ นั่นมันเหยียนขวนที่หายตัวไปจากหมู่บ้านต้าซิงเมื่อนานมาแล้วมิใช่รึ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เหยียนขวนก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีเอามากๆ จนหัวใจบีบรัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...