แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 586

เหยียนขวนไม่กล้าหันกลับไปมอง

เขากลัวว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด

แต่เขาก็เอาแต่บอกตัวเองไม่หยุดว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

เพราะหมู่บ้านต้าซิงอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนในหมู่บ้านมาอยู่ในเมืองหลวง

แต่ถึงแม้เหยียนขวนจะไม่หันกลับไปมอง หูของเขาและความอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นๆ ก็ยังคงเปิดการรับรู้

เพราะมีคนในฝูงชนรู้จักเหยียนขวน ในตอนนั้นใครคนหนึ่งจึงถามอย่างอยากรู้ว่า “เจ้ารู้จักซิ่วฉายผู้นั้นรึ? เช่นนั้นเจ้ารีบบอกมาทีเถิดว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับเขาและเจียเล่อจวิ้นจู่”

“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว” เสียงของคนผู้นั้นแฝงไปด้วยความดูถูก “ข้าเป็นคนจากหมู่บ้านข้างๆ กัน เหยียนขวนผู้นั้นน่ะ... เฮอะๆ เขาไม่ใช่แค่เป็นซิ่วฉายคนแรกของหมู่บ้านต้าซิง แต่ยังเป็นคนที่ล้อมหมูจนเจ็บตัวด้วย”

คำพูดของคนผู้นี้ทำให้เหยียนขวนตกตะลึงและรีบหันกลับไปมองอย่างตื่นตระหนก

หลังจากมองไปยังฝูงชนที่อยู่รอบๆ ในที่สุดเขาก็มองเห็นร่างที่ค่อนข้างคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง

“เจ้า...” จริงๆ ด้วย เป็นสงเจียเฉียงที่อยู่หมู่บ้านสงเจียซึ่งอยู่ข้างๆ จริงๆ ด้วย

สงเจียเฉียงผู้นี้เคยเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนของเขา ต่อมาเมื่อเรียนต่อไม่ได้จึงไปเกณฑ์ทหาร เพิ่งจะกลับมาหมู่บ้านสงเจียเมื่อสองปีก่อนนี่เอง

เพียงแต่... เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่

เหยียนขวนทั้งตกใจ ทั้งนึกโกรธและเป็นกังวล เขาตวาดอย่างตื่นตระหนกว่า “สงเจียเฉียง เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นพล่อยๆ!”

“หืม?” สงเจียเฉียงมองเหยียนขวนอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ไหนเจ้าว่ามาสิว่าข้าใส่ร้ายเจ้าพล่อยๆ ตรงไหน ข้าพูดพล่อยๆ ว่าข้ากับเจ้ารู้จักกัน? หรือที่ข้าบอกว่าเจ้าเป็นซิ่วฉายคนแรกของหมู่บ้านต้าซิง? หรือที่ข้าบอกว่าเจ้าล้อมหมู”

เมื่อเห็นเหยียนขวนโกรธจนหน้าแดงและแทบจะถลันเข้ามาหา แววแห่งความดูถูกในสายตาของสงเจียเฉียงก็ยิ่งเห็นเด่นชัด “เข้าใจละ ที่เจ้าล้อมหมู...”

“หุบปาก” เหยียนขวนโกรธ

ล้อมหมูๆๆ! คำนี้คือฝันร้ายของเขาที่ไม่ควรพูดย้ำออกมาอีกเหยียนขวนกำลังจะเป็นบ้า

แต่เห็นได้ชัดว่าสงเจียเฉียงไม่ได้รับรู้ถึงความต้องการของเหยียนขวน

แน่นอน... ต่อให้รับรู้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาต้องพูดในสิ่งที่ควรพูด

“ให้ข้าหุบปากงั้นรึ? เหยียนขวน เจ้าคงไม่ได้โกรธเพราะรู้สึกเสียหน้าที่ข้าพูดเรื่องที่เจ้าล้อมหมูหรอกนะ แต่ถึงจะโกรธไปก็เปล่าประโยชน์ ก็เจ้าล้อมหมูจริงๆ นี่นา”

หลังจากนั้นเหยียนขวนก็ไม่ได้ยินแล้วว่าสงเจียเฉียงพูดอะไรต่อ ในหัวของเขามีแต่คำว่าล้อมหมูดังแว่วไปมา

“นี่เหยียนขวน เจ้าไม่รู้หรือ หลังจากที่เจ้าจากมา หมูที่เจ้าล้อมมาก็ไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว แม้จะไม่ใช่เจ้าที่ล้อมมันจนตาย แต่เจ้าก็เป็นคนไปล้อมมันมา คนในครอบครัวเบื่อหน่ายก็เลยขายให้คนขายเนื้อเอาไปฆ่า เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย”

สงเจียเฉียงทำท่าเหมือนปลอบใจ แต่ในแววตากลับยังแฝงไปด้วยการเยาะเย้ย

ส่วนเหยียนขวนก็โกรธจนตาลาย

เมื่อฝูงชนที่กำลังเงี่ยหูฟังได้ยินเรื่อง ‘ล้อมหมู’ ของสงเจียเฉียง พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เจ้า... ที่เจ้าพูดเรื่องล้อมหมูนั่น หมายถึงหมูจริงๆ รึ”

สงเจียเฉียงมองคนผู้นั้นด้วยสีหน้าที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก “ไม่ใช่หมูจริง จะให้เป็นหมูปลอมรึ”

ทุกคน “.....”

แววตาของเหยียนขวนดูผิดไปจากปกติ

คนที่กระตือรือร้นที่จะล้อมหมูแบบนี้จะเป็นคนดีไปได้อย่างไร

สมน้ำหน้าแล้วที่ตอนนั้นจวิ้นจู่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับคนอื่น

ส่วนเรื่องทะเบียนสมรสที่เหยียนขวนบอกว่าเป็นของปลอมน่ะหรือ

แน่นอนว่าก่อนที่จะมาเป็นพยาน จ้งฉางต้องถามสงเจียเฉียงก่อนว่าทำไมเขาจึงเข้ามาในเมืองหลวง ถึงอย่างไรก็ยากที่จะเชื่อเรื่องความบังเอิญในการคลี่คลายคดี

สงเจียเฉียงตอบไปทีละอย่างๆ

ปรากฏว่าก่อนหน้านี้สงเจียเฉียงกับชาวบ้านในหมู่บ้านไปเข้าร่วมที่สำนักคุ้มภัยเปียเก๊กแห่งหนึ่งและได้เป็นผู้คุ้มภัย เวลานี้ได้เข้ามาในเมืองหลวงเพื่อส่งเครื่องปรุงให้หอฝูหม่าน มีร่องรอยให้ติดตามและไม่ใช่เรื่องที่จะปลอมแปลงขึ้นมาได้

หลังจากนั้นจ้งฉางจึงสอบถามสงเจียเฉียงว่าสิ่งที่สองแม่ลูกเหยียนขวนพูดมาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

สงเจียเฉียงได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองสองแม่ลูกเหยียนขวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก

“จริงหรือ? จะไปจริงได้อย่างไร” หลังจากเยาะเย้ย สงเจียเฉียงจึงกล่าวว่า “รายงานใต้เท้า ตอนนั้นก่อนที่ข้าน้อยจะเข้ารับราชการทหาร ทั้งสองคนหมั้นหมายกันจริงๆ แต่ตอนนั้นลั่ว... ตอนนี้ข้าน้อยควรจะเรียกนางว่าจวิ้นจู่สินะ ตอนนั้นหลังจากเกิดเรื่องกับจวิ้นจู่ คนสกุลเหยียนก็เพิกเฉยและถอนหมั้นกับลั่ว... กับจวิ้นจู่ทันที ต่อมาเหยียนขวนผู้นี้ก็ทำตัวไม่ชัดเจนกับแม่นางคนอื่นในตระกูลลั่ว ต่อมาจึงแต่งงานกับบุตรีของตระกูลเศรษฐี แต่นางเสียชีวิตตอนคลอดบุตร”

ว่าแล้วก็ทำท่าราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สงเจียเฉียงกล่าวต่อไปว่า “จริงด้วย ก่อนหน้านี้พวกข้าที่อยู่บ้านติดๆ กันไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจวิ้นจู่ โดยพื้นฐานแล้ว คนตระกูลเหยียนกับตระกูลลั่วเป็นคนบอกออกมาให้รู้โดยทั่ว พวกข้าคิดว่าจวิ้นจู่... แต่ว่าเมื่อปีที่แล้ว สวามีของจวิ้นจู่กลับไปที่หมู่บ้านต้าซิง เอาทะเบียนสมรสออกมายืนยันกับทุกคนในตอนนั้น”

ว่าแล้วสงเจียเฉียงจึงมองเหยียนขวน “เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วมิใช่รึ ตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้ล้อมหมู ตอนนี้จะมาร้องแรกแหกกระเชอทำไม? หรือว่าล้อมหมูมันจะต้องใช้สมองล้อมด้วย”

คำพูดของสงเจียเฉียงทำให้เหยียนขวนพูดไม่ออก

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอื่นๆ ในหมู่บ้านสงเจียมาเป็นพยานร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่สงเจียเฉียงล้วนเป็นความจริง

และเขาก็ถือโอกาสสรรเสริญซ่งฉงปิงไปด้วย

ว่ากันว่าเมื่อก่อนชาวบ้านในหมู่บ้านต้าซิงยากจนข้นแค้นจนไม่มีข้าวกิน แต่ตอนนี้กลับมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับหมู่บ้านในละแวกใกล้ๆ กัน ทำให้ผู้คนนึกอิจฉา

จากคำพูดของชาวบ้านหมู่บ้านสงเจีย ซ่งฉงปิงที่ทุกคนรู้จักกับซ่งฉงปิงในข่าวลือของเหยียนขวนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้ทุกคนต่างมองสองแม่ลูกเหยียนขวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ลูกเหยียนขวนมาพูดโป้ปด พวกเขาจะมาก่อความวุ่นวายด้วยได้อย่างไร

หลังจากจ้งฉางได้ยินเรื่องทั้งหมด เขาจึงเคาะไม้ปลุกสติเสียงดัง ‘ปึง’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง