แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 591

หลังจากที่ซ่งฉงปิงทิ้งประโยคนี้เอาไว้ ก็หันตัวกลับแล้วเดินเข้าไปด้านใน

ส่วนการรับคำพูดเช่นนี้สามารถทำให้คนพูดว่านางใช้อำนาจบาตรใหญ่หรือหยิ่งยโสโอหังหรือไม่?

หึ เช่นนั้นแล้วเป็นอย่างไรเล่า?

เมื่อเทียบกับเรื่องที่ตนเองต้องการจะทำให้วันนี้แล้ว การใช้อำนาจบาตรใหญ่นี้จะถือว่าอะไรเล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อ ก็ย่อมมีอำนาจเป็นทุนเดินอยู่แล้ว

และหลังจากวันนี้ไป เหรินยี่ถังของตนเองก็จะต้องเป็นที่รู้จักทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างแน่นอน

ชื่อเสียง ก็เพราะความมีชื่อเสียงของเหรินยี่ถังไม่น้อย

และในเวลานี้ คนเหล่านั้นที่เตรียมพร้อมที่จะฉวยโอกาสทำเรื่องบางอย่าง เวลานี้ได้เห็นองครักษ์เหล่านั้นของจวนอ๋องแล้ว ความคิดที่จะจัดการบางเรื่องก็ไม่มีแม้แต่น้อย

เมื่อครู่นี้ ฉวยโอกาสจากคนจำนวนมาก พวกเขาต้องการหาประโยชน์บางอย่างให้ตัวเอง คิดว่าถ้าหากต่อไปสามารถจ่ายยาและการรักษาเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ได้ เช่นนั้นก็จะสามารถประหยัดเงินได้ไม่น้อย

แต่ว่า ตอนนี้หลังจากที่ซ่งฉงปิงชักสีหน้าใส่พวกเขา ก็ไม่ได้มีความคิดนี้อีกต่อไป

ล้อเล่นหรือเปล่า คืนมีความคิดนี้อีก แล้วในอนาคตจะไม่กลายเป็นเหรินยี่ถังที่ถูกปฏิเสธเช่นนี้หรือ?

พอนึกถึงสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจากคนคนเดียว ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปรออีกฝ่าย

หลังจากนั้น เมื่อมองเข้าไป ก็เห็นว่ามีคนรู้จักสถานะของอีกฝ่าย

"เจ้าไม่ใช่เถ้าแก่ของฝูหลินถังหรือ......"

อีกด้านหนึ่ง เมื่อซ่งฉงปิงเดินเข้าไปด้านใน ก็ได้เผชิญหน้ากับชายรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อเห็นซ่งฉงปิง ชายรูปร่างสูงใหญ่ก็รู้สึกชะงักงัน ลังเลใจ แล้วก็ทุกข์ใจเล็กน้อย

"จวิ้น......จวิ้นจู่....." ชาบรูปร่างสูงใหญ่ขยับริมฝีปาก และชั่วพิบตาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

ซ่งฉงปิงเพียงแค่มองชายรูปร่างสูงใหญ่อย่างนิ่งๆ ไปได้ส่งเสียงพูด

นางไม่ร้อนใจ

เวลาที่เขาสมควรพูด ก็จะต้องพูดอย่างแน่นอน

ชายรูปร่างสูงใหญ่ลังเลใจอยู่นาน ในที่สุดก็ได้พูดคำที่ต้องการพูดออกมา

ที่แท้ ที่ชายรูปร่างสูงใหญ่มาเหรินยี่ถัง อันที่จริงโรงหมออื่นจงใจแนะนำให้มา

โรงหมออื่นบอกกับชายรูปร่างสูงใหญ่ว่า ถ้าหากเด็กไม่ได้รับการช่วยชีวิต เช่นนั้นไม่เพียงแค่หลอกเงินจำนวนหนึ่งของเหรินยี่ถังได้ แต่พวกเขายังสามารถช่วยครอบครัวของชายรูปร่างสูงใหญ่ให้ไปหาหมอได้อีกด้วย

ที่แท้ ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ดูแข็งแรงกำยำ แต่ที่ยากจนเช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

เพราะว่าภรรยาและแม่ของชายรูปร่างสูงใหญ่ ต่างก็ป่วยไข้ ป่วยมาหลายปี คนทั้งครอบครัว ต่างก็พึ่งพาอาศัยชายรูปร่างสูงใหญ่เพียงคนเดียว

เงินทั้งหมดที่ชายรูปร่างสูงใหญ่หามาได้ ล้วนกลายเป็นค่ารักษาหมด

ชายรูปร่างสูงใหญ่พูดพลาง มองไปยังซ่งฉงปิงแล้วคุกเข่าลง: "จวิ้นจู่ ข้าน้อยต้องขอโทษด้วยจริงๆ ท่านช่วยชีวิตลูกของข้าน้อยเอาไว้ แต่ข้าน้อยยังคิดร้ายกับจวิ้นจู่ ข้าน้อยมันไม่ใช่คน——"

ชายรูปร่างสูงใหญ่พูดพลาง เริ่มทำร้ายตบตีตนเองขึ้นมา

เมื่อซ่งฉงปิงเห็น ก็กล่าวถามอย่างนิ่งๆ ว่า "คนในบ้านของเจ้าป่วยเป็นอะไรหรือ?"

เพียงชายรูปร่างสูงใหญ่ได้ยิน ก็แทบไม่ได้สนใจที่จะทำร้ายตัวเอง และรีบตอบกลับว่า "แม่ของข้าน้อยไอเป็นเลือด ก่อนหน้านี้หมอต่างก็บอกว่าหลอดเลือดปอดถูกทำลาย ส่วนภรรยาของข้านางเป็นโรคหอบหืด เพราะในครอบครัวยากจน ฉะนั้นจึง......."

ชายรูปร่างสูงใหญ่กล่าวพลาง แสดงสีหน้าละอายใจ

ซ่งฉงปิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้ได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร จึงกล่าว: "พาพวกนางมาตรวจดูที่เหรินยี่ถังเถิด"

สำหรับที่ชายรูปร่างสูงใหญ่กล่าวมา นางไม่ใช่ว่าไม่ถือสา

แต่นางก็รู้ดีว่า ไม่ใช่ชายรูปร่างสูงใหญ่ก็คงจะเป็นคนอื่นๆ ไม่ใช่เด็กที่ได้รับบาดเจ็บ ก็คงจะเป็นผู้ป่วยคนอื่นๆ

เพียงแค่วันหนึ่งตนเองได้ทำลายผลประโยชน์ของโรงหมอ วันนั้นพวกเขาก็จะคิดได้

เพียงแต่ หลังจากที่รู้สถานะของตนเองแล้วยังกล้ามายั่วยวน แสดงให้เห็นว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง

คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นี้ นางสามารถส่งคนให้ไปตรวจสอบได้

เพียงชายรูปร่างสูงใหญ่ได้ยิน อันดับแรกก็คือดีใจ ต่อมาก็สับสนลนลาน

"แต่——แต่ว่า——" ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าแดง "ข้าน้อยไม่มีเงินแล้ว"

เงินยี่สิบเหวินก็ไม่มีแล้ว

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนี้ ก็เรียกไป๋ซู่ให้เข้ามา

ซ่งหยุนจางมองศีรษะของเว่ยหยวนหมิงอย่างเยือกเย็น แต่เมื่อเอ่ยปากสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา "อาจารย์เว่ยรีบลุกขึ้นเถิด"

ซ่งหยุนจางตรัสพลาง กระทั่งทำท่าทางจะเข้าไปประคอง

บนใบหน้าเว่ยหยวนหมิงไม่แสดงออก ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณว่า "ขอบพระทัยฮ่องเต้"

เว่ยหยุนจางทอดถอนใจ "อาจารย์เว่ย ท่านก็รู้ว่า ที่ข้าให้ท่านกลับมาเมืองหลวง อันที่จริงแล้วไม่ได้ให้ท่านไปสอนหนังสือที่โรงเรียน——"

เว่ยหยวนหมิงได้ยินเช่นนี้ ภายในใจก็ตึงเครียด แต่ไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับ

ซ่งหยุนจางเห็นเช่นนี้ จึงทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า "หลายปีขนาดนี้แล้ว ท้ายที่สุดอาจารย์เว่ยก็ยังคงห่างเหินกับข้า เพียงแต่บัดนี้ข้าก็อายุมากแล้ว แต่องค์ชายสองสามพระองค์กลับไม่ได้เรื่อง และเทียบไม่ได้กับซ่งเฮงหลานชายผู้นั้นของท่าน อาจารย์เว่ยคิดว่าอย่างไรเล่า?"

ภายในใจของเว่ยหยวนหมิงเคร่งเครียด จากนั้นบนใบหน้าก็ยังไม่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึก แล้วคำนับซ่งหยุนจาง "หลานชายผู้นั้นของกระหม่อม แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เรื่อง มิบังอาจคิดเปรียบเทียบกับองค์ชายทุกพระองค์พ่ะย่ะค่ะ"

ซ่งหยุนจางได้ยินเช่นนี้ ภายในใจก็รู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก แต่ปากยังตรัสต่อไปว่า "องค์ชายสองสามพระองค์ของข้านั้น ล้วนไม่ได้เรื่องเลย ข้าเป็นกังวลใจอย่างมาก จึงอยากเชิญให้อาจารย์เว่ยช่วยถ่ายทอดเรียนรู้ ไม่ทราบว่าอาจารย์เว่ยจะเต็มใจหรือไม่?'

เพียงเว่ยหยวนหมิงได้ฟัง ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น

"บัดนี้กระหม่อมอายุมากแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะทำภารกิจสำคัญเช่นนี้ได้จริงๆ ได้โปรดฝ่าบาทเลือกผู้ที่ปราดเปรื่องกว่าด้วยเถิด"

ในดวงตาของซ่งหยุนจางแฝงไปด้วยความโกรธเคือง

คราวนี้ เขาก็ถูกปฏิเสธอีกแล้ว

แต่ด้วยตำแหน่งสถานะของเว่ยหยวนหมิง ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้

ถ้าหากลงมือกับเขา เช่นนั้นลูกศิษย์ทั้งโลกของเขานั้นก็จะต้องต่อต้าน

จึงอดทนต่อความโกรธเคือง และซ่งหยุนจางโบกไม้โบกมือ ให้เว่ยหยวนหมิงออกไป

เพียงแต่หลังจากเว่ยหยวนหมิงออกไป ซ่งหยุนจางก็ทุบทำลายข้าวของในห้องหนังสือไปไม่น้อย

ไอ้แก่ตายยาก ไม่ยอมชี้แนะสอนสั่งองค์ชายของตนเอง เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะจงรักภักดี

หรือว่าเขาจะทำตัวเองให้มีตำแหน่งเทียบเทียมถึงฮ่องเต้?

คิดถึงเมื่อปีนั้นแล้ว ถ้าหากไม่ใช่——

ซ่งหยุนจางไม่ได้คิดอีกต่อไป และเรียกให้องครักษ์เข้ามา "ไป ให้หูหยานเฉียนไปพบข้าที่เก่า ข้ามีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือกับนาง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง