แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 597

ความคิดของคนในวงศ์ตระกูล แน่นอนว่าฮัวหยงเฟิงไม่ใช่ว่าไม่รู้

แต่ว่า ฮัวหยงเฟิงมีข้อควรพิจารณาของตัวเขาเอง

ดังนั้น เมื่อเผชิญกับความร้อนรนใจของคนในตระกูล ฮัวหยงเฟิงเพียงแค่เหลือบมองพวกเราอย่างเย็นชาเพื่อเป็นการกล่าวเตือน แสดงเจตนาว่าพวกเขาอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม

หลังจากที่หยุดยั้งคนในตระกูลได้แล้ว สายตาของฮัวหยงเฟิงตกอยู่ที่ภาพด้านหลังของโอหยางฉี่หยู่ จับจ้องมองโอหยางฉี่หยู่ ยากจะดูว่าเขามีความลังเลเล็กน้อยหรือไม่

อย่างไรเสีย ที่โอหยางฉี่หยู่กลับมาเช่นนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะป้องกันโอหยางฉี่หยู่ที่จงใจปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้

หากคนหนึ่งไม่ดี ตระกูลฮัวทั้งหมดก็ไม่มีทางฟื้นคืนมาได้อีกต่อไป

เขาไม่สามารถปล่อยให้คนทั้งตระกูลฮัวตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ได้

แต่ทว่า ฮัวหยงเฟิงจ้องจนตาแสบแล้ว ก็ไม่เห็นว่าโอหยางฉี่หยู่จะหยุดช้าลง หรือลังเลใจที่จะอยู่ต่อเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าโอหยางฉี่หยู่กำลังจะเดินออกไปพ้นสายตาของพวกเขา ทุกๆ คนในตระกูลฮัวก็ยิ่งนั่งไม่ติด

"ฉี่หยู่——”

เวลานี้ นังมีคนในตระกูลที่อดทนไม่ไหว ตะโกนเรียกออกมา

แต่ทว่า โอหยางฉี่หยู่ไม่ได้คิดที่จะหยุด และไม่นานก็ได้หายไปจากสายตาของเขา

ฮัวหยงเฟิงเห็นเช่นนั้น จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วร้องเรียก "ฉี่หยู่!"

ฮัวหยงเฟิงคิดว่า หากตนเองเอ่ยปาก โอหยางฉี่หยู่จะต้องหันกลับมาอย่างนั้นหรือ?

แต่ว่า เปล่าเลย

เป็นเวลานานก็ไม่มี

จนกระทั่งคนรับใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และกล่าวว่า " เจ้า เจ้าบ้าน คุณชาย......โอหยางเขาออกจากจวนไปแล้วขอรับ"

คนตระกูลฮัวได้ยินเช่นนั้น ก็นั่งไม่ติดเลย

พวกเขาถึงกับลืมจุดประสงค์ที่มารวมตัวกันในวันนี้ของพวกเขาไปเลย ในหัวมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น : นั่นก็คือไม่สามารถปล่อยให้โอหยางฉี่หยู่จากไปแบบนี้ได้

ล้อกันเล่นหรือเปล่า มันยากแค่ไหนที่ตระกูลฮัวของพวกเขาอยากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโอหยางฉี่หยู่?

ต้องการให้โอหยางฉี่หยู่สนใจมันยากแค่ไหน?

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าโอหยางฉี่หยู่กลับมาที่ตระกูลฮัวด้วยตนเองเลย

การกลับมานี้ หากต้องการให้กิจการตกอยู่ในมือของเขาในอนาคตยังจะเป็นเรื่องอยากอยู่อีกหรือ?

ฉะนั้น ครั้งนี้คนตระกูลฮัวจึงพร้อมเพรียงกันอย่างยิ่ง รวมถึงฮัวหยงเฟิงด้วย ทั้งหมดวิ่งไล่ตามไปที่หน้าประตูทันที

เมื่อคนตระกูลฮัวไล่ตามไป โอหยางฉี่หยู่ได้ขึ้นรถม้าแล้ว และกำลังจะจากไป

คนตระกูลฮัวไม่สนใจศักดิ์ศรีอีกต่อไป จึงตรงเข้าไปขวางรถ ห้ามรถม้าไม่ให้ไป

"ฉี่หยู่ ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็อย่าไปเลยนะ อยู่ต่อเถอะ" ฮัวหยงเฟิงก็ยอมอ่อนข้อลง

ความมั่งคั่งร่ำรวยในตอนนั้นของตระกูลโอหยาง เขาก็สามารถยอมอ่อนข้อให้ได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความมั่งคั่งมหาศาลในตอนนี้ของโอหยางฉี่หยู่เลย?

และในรถม้า การแสดงออกของโอหยางฉี่หยู่ไม่ใช่การเกียจคร้านเหมือนก่อนหน้านี้

ในขณะนี้ แววตาของโอหยางฉี่หยู่ราวกับน้ำแข็ง เย็นชาอย่างน่ากลัว

โอหยางฉี่หยู่นั่งอยู่ในนั้น และไม่คิดที่จะเปิดม่านด้วยซ้ำ

"ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว ไม่อยากกลับไปที่ตระกูลฮัวแล้ว พวกท่านหลีกทางไปเถอะ" น้ำเสียงเย็นชา และดูไม่เป็นมิตร

แต่ทว่า โอหยางฉี่หยู่ยิ่งทำเช่นนี้ คนตระกูลฮัวก็ยิ่งวางใจ

และยิ่งทุ่มเทมากยิ่งขึ้น

หลังจากนั้น ฮัวหยงเฟิงจึงกล่าวว่า : "ฉี่หยู่ ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยินยอมกลับมาที่ตระกูลฮัว?"

กล่าวจบ ฮัวหยางเฟิงยังพูดอีกว่า : "เอาอย่างนี้ ข้าจะให้เจ้าอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลฮัว จดบันทึกภายใต้ชื่อแม่ใหญ่ของเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร?"

ในความคิดของฮัวหยงเฟิง นี่เป็นเงื่อนไขที่น่าสนใจอย่างมาก

เพราะว่า การที่คนนอกจะกลายเป็นทายาทได้ ไม่ว่าจะขอร้องอ้อนวอนแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้

แต่ในรถม้า เมื่อโอหยางได้ฟังคำพูดนี้ของฮัวหยงเฟิง แววตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

ฮัวหยางเฟิงเขาคิดจริงๆ หรือว่าตนเองจะหวงแหนฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลฮัว?

น่าขบขันอย่างยิ่ง

เขา เกิดในตระกูลโอหยาง และจะตายเป็นวิญญาณของตระกูลโอหยาง คิดอยากจะให้เขาเป็นคนตระกูลฮัว มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

"เอาคนมา ไปนำตัวคุณชายใหญ่มา——"

ไม่เข้าถ้าเสือจะได้ลูกเสือมาได้อย่างไร เพื่อผลประโยชน์แล้วฮัวหยงเฟิงมักจะเป็นคนใจดำอำมหิตเสมอมา

ยามค่ำคืน

ในห้องขังเงียบสงัด

อย่างไรก็ตาม องครักษ์ที่คุมตัวซ่งฉงปิงอยู่ไม่กล้าหละหลวมเลยแม้แต่น้อย

ไม่ใช่เพราะอื่นใด เพียงเพราะในคืนก่อน พวกเขาทั้งหมดถูกจัดการจนล้มลง

โชคยังดี ที่ไม่ได้เกิดความผิดพลาดจากความสะเพร่า

แต่ว่า ซ่งฉงปิงเป็นจุดสนใจที่สำคัญของฝ่าบาท พวกเขาจึงไม่กล้าประมาทเลินเล่อ

แต่ทว่า เมื่องครักษ์ปรากฏตัวข้างๆ ซ่งฉงปิง จู่ๆ ขาก็อ่อนลง จากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น และท้ายที่สุดก็หมดสติไป

ทันทีที่องครักษ์ล้มลง เงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏอยู่ที่หน้าประตูห้องขัง

คนคนนี้ คือฉีเทียนเห้า

แท้ที่จริงแล้ว เงาดำลึกลับในวันนั้นก็คือฉีเทียนเห้านี่เอง

ฉีเทียนเห้าจัดการเรื่องที่เขตชายแดนเสร็จ และเรื่องที่เขตชายแดนไม่มีอะไรจะต้องเป็นกังวลแล้ว ฉีเทียนเห้าจึงได้เดินทางกลับ

เพียงแต่ว่าระยะเวลาล่าช้าไปหน่อย ฉะนั้นเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง ก็ล่วงเลยไปเป็นครึ่งเดือนแล้ว

ยังไม่ทันได้เข้าประตูเมืองเลย ก็ได้รับข่าวว่าซ่งฉงปิงถูกคุมขังอยู่ในคุก จึงตรงไปที่คุกทันที

อย่างไรก็ตาม ฉีเทียนเห้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัวเร็วขนาดนี้ ฉะนั้นจึงไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นในเวลานี้

เมื่อซ่งฉงปิงเห็นฉีเทียนเห้า ใบหน้าก็เปื้อนรอยยิ้ม และลุกขึ้นจากพื้น

ฉีเทียนเห้านำกุญแจมาเปิดประตูห้องขัง จากนั้นก็นำซ่งฉงปิงมาไว้ในอ้อมกอด "ลำบากเจ้าเลย"

หากนางไม่ยืนหยัดมุ่งมั่น เวลานี้นางก็คงไปนานแล้ว

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนั้น กลับหัวเราะ "เอาล่ะ เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากทะเลแห่งทุกข์นี้ เรารีบไปกันเถอะ"

สำหรับนางแล้ว การล่อปลาให้ติดเบ็ดจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ลำบากไม่ลำบาก ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง