แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 659

ซ่งฉงปิงรู้ ครั้งนี้ฮองเฮาจริงจังแล้ว

แต่ว่า นางไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเลย เพราะว่านางรู้ ฉีเทียนเห้าก็อยู่ข้างนอก นางไม่เกิดเรื่องแน่นอน

แต่ว่า ถึงจะเป็นเช่นนี้ คำพูดของฮองเฮา นางก็ไม่ยอมรับอย่างแน่

เพราะฉะนั้น มองดูสายตาอันบ้าคลั่งของฮองเฮา ซ่งฉงปิงกลับพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฮองเฮาพูดอะไรเพคะ ข้าไม่รู้เลย หากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากมีความสัมพันธ์กับอ๋องคัง ถ้าหากฮองเฮาคิดว่าการหายตัวไปของอ๋องคังเกี่ยวข้องกับข้า ก็ขอให้ฮองเฮาเอาหลักฐานที่แน่ชัดออกมา”

“หลักฐาน?” ความบ้าคลั่งในสายตาของฮองเฮายังไม่คลี่คลาย “ข้าบอกว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับการหายตัวของอ๋องคัง เจ้าก็เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอ๋องคัง ยังต้องการหลักฐาน?”

ถึงแม้ว่าการสงสัยของฮองเฮาถูกต้อง

แต่ก่อนที่จะมีหลักฐาน ความสงสัยทุกอย่างก็คือการโวยวายไร้เหตุผล

ดังนั้น ซ่งฉงปิงเลือกที่จะหมุนตัวออกโดยตรง

ฮองเฮาเห็นซ่งฉงปิงเวลาแบบนี้แล้ว ยังกล้าสามหาวขนาดนี้ ทันใดนั้นก็ยิ่งโมโห

“ซ่งฉงปิง เจ้ากล้า!”

ฮองเฮาแยกเคี้ยวกัดฟัน

แต่ว่าชัดเจนมาก ว่าซ่งฉงปิงกล้า

ฮองเฮาเห็นเช่นนี้ ความโกรธก็ขึ้นมาถึงจุดสุดขีด

ก็ขี้เกียจพูดไร้สาระกับซ่งฉงปิง เรียกคนโดยตรง “ให้คนเข้ามา——”

ฮองเฮาตะโกนเสียงดัง

เพียงแค่ ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีเสียงคนตอบรับ

ฮองเฮาอึ้ง จากนั้นขมวดคิ้ว “เรียกคนเข้ามา——”

เสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ขณะนี้ ซ่งฉงปิงก็เดินถึงหน้าประตูแล้ว

เห็นฮองเฮายังตะโกนอยู่ อดหันกลับมาเตือนอย่างหวังดีไม่ได้ “หรือว่าฮองเฮาไม่รู้ ว่าวันนี้ข้าพาองครักษ์มาด้วยหรือ?”

ฮองเฮาได้ยินก็ตกใจ

ซ่งฉงปิงพาองครักษ์มาด้วย แน่นอนว่านางรู้

แต่......เป็นไปไม่ได้

ซ่งฉงปิงก็พาองครักษ์มาแค่คนเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำ ซ่งฉงปิงจะกล้าลงมือกับคนของนางได้อย่างไร?

อย่างไรเสียนางก็เป็นฮองเฮาคนหนึ่ง

สายตาฮองเฮามองดูซ่งฉงปิงอย่างตกใจและไม่อยากเชื่อ ซ่งฉงปิงเห็นเช่นนี้ สายตายังคงเรียบเฉย “ฮองเฮามีเวลาว่างเช่นนี้มาหาเรื่องข้า สู้เอากำลังไปหาเบาะแสของอ๋องคังดีกว่า”

พูดจบ ซ่งฉงปิงก็เดินออกจากตำหนักฮองเฮา ท่ามกลางสายตาอันโมโหของฮองเฮา

ตอนออกไป ซ่งฉงปิงมองผู้ชายผิวดำหน้าตาธรรมดาอย่างที่สุดที่ยืนอยู่ตรงนั้น โก่งริมฝีปาก “ไปเถิด เสี่ยวเทียน”

ซ่งฉงปิงอารมณ์ดีมาก

มองดูฉีเทียนเห้าแต่งตัว “น่าเกลียด” ขนาดนี้ อารมณ์จะไม่ดีได้อย่างไร?

นี้เทียบไม่ได้แม้กระทั่งตอนที่เขาเสียโฉมเลยด้วยซ้ำ

ฉีเทียนเห้ามองดูรอยยิ้มในสายตาของซ่งฉงปิงที่เด่นชัดนั้น ในสายตาก็มีความเอือมระอา

แต่ว่า ก็พูดอย่างให้ความร่วมมือ “ขอรับ จวิ้นจู่”

จากนั้น ก็เป็นเหมือนดั่งองครักษ์คนหนึ่งเดินอยู่ข้างหลังของซ่งฉงปิง

สำหรับคนเหล่านั้นในตำหนักฮองเฮา.......

ซ่งฉงปิงและฉีเทียนเห้าทั้งสองคนถึงจะกำเริบเสิบสาน และไม่กลัวเรื่อง

แต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะก่อเรื่อง

ดังนั้น ก่อนเข้าวัง ซ่งฉงปิงก็ให้ของที่ทำคนล้มกับฉีเทียนเห้า

อืม เพื่อไม่สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น ดังนั้นขอยังทำขึ้นเป็นพิเศษ

ก็คือ สามารถทำให้คนล้มได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็จะเห็นผลเพียงเวลาธูปครึ่งดอกเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทั้งสองออกไปได้อย่างใจเย็น

ส่วนฮองเฮาเมื่อเดินออกมาจากตำหนักวังของตัวเอง ก็เห็นคนนอนกันเป็นกองอยู่นอกตำหนักวังตัวเอง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนใต้การดูแลของนาง

ฮองเฮาโกรธจัด

“มีอย่างที่ไหน อยู่ในตำหนักของข้ายังกล้าสามหาวเช่นนี้”

หลังจากฮองเฮาโกรธจัด ก็เรียกข้าหลวงข้างกายเข้ามา “เข้ามา ไปรายงานฝ่าบาท”

นางจะรอดู เมื่อฮ่องเต้รู้ว่าซ่งฉงปิงกล้าทำร้ายองครักษ์ของนางอย่างไม่เกรงกลัวใครในวังของนาง จะยังสามารถปล่อยนางไปไหม

อย่างไรเสีย ไม่มีฮองเฮาอย่างนางอยู่ในสายตา ก็เท่ากับว่าไม่มีฮ่องเต้อยู่ในสายตา

แต่ทว่าข้าหลวงข้างกายไปเชิญคนไม่นาน องครักษ์เหล่านั้นที่เดิมทีหมดลมหายใจต่อหน้าฮองเฮาแล้ว กลับตื่นขึ้นมาพร้อมกัน

ไม่รอฮองเฮาตอบสนอง ยังไม่ทันได้โต้ตอบ ฮ่องเต้ซ่งหยุนดาที่ได้รับข่าวก็มาอย่างเร่งรีบ

เมื่อเห็นวังของฮองเฮา เหล่าองครักษ์ชุดดำยืนกันเป็นกองไม่มีเรื่องอะไรเลย เพียงแค่ร่างเปื้อนโคลน คิดเพียงฮองเฮาทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ต่อว่าฮองเฮาไปยกหนึ่ง

และพูดว่า “ช่วงนี้ข้าก็วุ่นวายมากพอแล้ว เจ้าจะหยุดสักนิดไม่ได้หรือ”

เรื่องเล็กนิดเดียวก็มารบกวนฮ่องเต้อย่างเขาคนนี้ คิดว่าเขาเป็นฮ่องเต้ว่างมากหรือ?

ฮองเฮาเดิมทีก็ลำบากพออยู่แล้ว

เรื่องของอ๋องคัง ก็ทำให้นางตกใจมากมาย ซ่งฉงปิงยังมาทำให้นางโมโหอีก ตอนี้ฮ่องเต้ต่อว่าไปยกหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้ในของของฮองเฮารู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

สุดท้าย ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ซักถามซ่งหยุนดา “ฮ่องเต้ ตอนนี้อ๋องคังหายตัวไป ท่านไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อยหรือ? เขาเป็นลูกของท่านนะเพคะ”

ซ่งหยุนดาถูกซักถาม ไม่พอใจอย่างมาก “ข้าให้คนไปหาแล้วมิใช่หรือ?”

พูดไป ซ่งหยุนดาสีหน้าเคร่งขรึม “หรือว่าเจ้าอยากจะให้ข้าไปหาด้วยตัวเองหรือ?”

อย่างไรเสีย คือเขาที่ให้เล่าจุดอ่อนให้อ๋องคังฟัง อ๋องคังถึงไปหาซ่งฉงปิง

เพียงแค่ องครักษ์ที่เขาให้เฝ้าคุมเว่ยเจ๋อฉีหายตัวไป เว่ยเจ๋อฉีก็กลับบ้านแล้ว

ส่วนอ๋องคัง ก็หายตัวไป........

เรื่องมากมาย เสมือนเชื่อมโยงกัน และเสมือนไม่ได้เชื่อมโยงกันโดยตรง

อย่างไรเสีย เวลาสถานที่ไม่เหมือนกัน หาช่องเวลาเชื่อมโยมกันไม่ได้

ขณะที่มู่กุ้ยเหรินกำลังคิดจนปวดหัว คนของฮองเฮามาแล้ว เชิญมู่กุ้ยเหรินเข้าวัง

มู่กุ้ยเหรินสั่งลงไป ให้คนหามู่ต้าฮ่าวต่อ ก็เข้าวังอย่างรีบร้อน

พอเข้าไปถึงวัง มู่กุ้ยเหรินก็เห็นฮองเฮาที่ดวงตาแดงก่ำ สีหน้ามืดมน จนตกใจ

“ฮองเฮา นี่ท่าน?” มู่กุ้ยเหรินสีหน้าไม่เข้าใจ

แน่นอน แรงอาฆาตทั้งหน้าของฮองเฮา ก็ทำให้เขาตกใจกลัว

ถึงแม้ฮองเฮาเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา แต่อย่างไรเสียฮองเฮาก็คือฮองเฮา เขาก็ยังเกรงกลัวอยู่

“พี่ชาย ข้าต้องการซ่งฉงปิงตาย”

ฮองเฮาเปิดปากพูด น้ำเสียงแหบแห้ง ส่งความมืดมน

มู่กุ้ยเหรินรู้สึกถึงความผิดปกติของฮองเฮา รีบพูดปลอบ “ฮองเฮา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

ขอแค่อ๋องคังอยากไปถึงตำแหน่งนั้น ก็จะล่วงเกินจวนอ๋องอวี้ตอนนี้ไม่ได้

“ไม่ใช่เวลาเหมาะสม? ถ้าเช่นนั้นท่านบอกข้า เมื่อไหร่ถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะสม?” ฮองเฮาจ้องมู่กุ้ยเหริน สภาพเหมือนหากมู่กุ้ยเหรินไม่ตอบ ก็จะเอาเรื่องเขาเช่นนั้น

มู่กุ้ยเหรินได้ยิน สีหน้าเปลี่ยน

ในใจร้อนรน

คำพูดหลังจากนั้นเขาไม่สามารถไม่รับปาก แต่ก็ไม่สามารถรับปาก

คิดถึงจุดนี้ มู่กุ้ยเหรินก็ถามอย่างระวัง “ฮองเฮา ข้าน้อยไม่เชื่อว่าคนที่ถูกเผาคนนั้นคืออ๋องคัง คนมงคลย่อมมีรูปลักษณ์ที่เป็นมงคล เราไม่สามารถตัดสินเพียงแค่สิ่งของข้างกายศพไหม้นั่นว่าเป็นอ๋องคัง”

คำพูดนี้ เป็นเหตุผลที่ฮองเฮาใช้มาปลอบใจตัวเองตลอด ตั้งแต่หลายชั่วยามมา แต่กลับล้มเหลว

แต่ว่า พูดออกมาจากปากของมู่กุ้ยเหริน นางกลับเหมือนถูกช่วยเหลือเช่นนั้น เหมือนจับเชือกช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายอย่างนั้น มองดูมู่กุ้ยเหริน “ถ้าเช่นนั้นท่านว่า อ๋องคังอยู่ไหน?”

แน่นอนว่ามู่กุ้ยเหรินพูดไม่ออกว่าอ๋องคังอยู่ไหน

แต่ว่า คิดไปคิดมา มู่กุ้ยเหรินถึงเปิดปากพูด “ฮองเฮา ข้าน้อยยินดีที่จะไปช่วยท่านชันสูตรศพ”

เขารู้ หลังจากที่ฮองเฮาได้ศพนั้นมา ก็ให้คนเฝ้าไว้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้น ยิ่งไม่มีคนสามารถตัดสินว่าศพนั้นเป็นจริงหรือปลอม

แต่ว่า เขากลับรู้สึกว่า ไม่ว่าคนนั้นคืออ๋องคังหรือไม่ ก็จำเป็นต้องยืนยันฐานะของคนคนนั้น

หรืออาจจะ คืออ๋องคังจริงล่ะ?

เพียงแค่ ฟังคำว่า “ชันสูตรศพ” สีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง