วันนี้ซ่งฉงปิงตื่นมาสายเลย
แน่นอนว่าคนที่ตื่นสายพร้อมกับนางยังมีฉีเทียนเห้า
แต่ในขณะเดียวกัน อ๋องอวี้ซ่งหยุนดามาถึงท้องพระโรงแล้ว
เดิมทีซ่งหยุนดาก็เป็นอ๋องที่ไม่มีตำแหน่งสำคัญ แน่นอนว่าไม่ต้องทรงว่าราชกิจทุกวัน
แต่วันนี้แต่เช้าเลย ซ่งหยุนดาก็ถูกคนในพระราชวังเรียกไปทางว่าราชกิจ
นี่เป็นเรื่องที่น้อยมากที่จะเกิดขึ้นในปกติ ดังนั้นพอทางพระราชวังส่งคนมา ซ่งหยุนดาก็สังเกตถึงสิ่งผิดปกติในนี้
รู้ว่ามีเรื่องจะเกิดขึ้น ดังนั้นก่อนจะไป ซ่งหยุนดาก็ให้คนไปสวนซูยู่
ถึงแม้เป็นเช่นนี้ แต่คนที่ซ่งหยุนดาสั่งไปนั้น ก็ไม่ได้คิดจะไปรบกวนคนพวกซ่งฉงปิง ได้รับคำสั่งว่ารอพวกเขาตื่นก่อนค่อยระบุสถานการณ์ให้ทราบ
ซ่งหยุนดาที่มีความสงสัยนั้น ก็เข้าพระราชวังไปแบบนี้
ตอนที่ซ่งหยุนดาไปถึง ทุกคนที่มาว่าราชกิจเกือบถึงหมด
ทุกคนได้เห็นซ่งหยุนดา ก็ไม่ได้รู้สึกแปลก
เพราะถึงแม้ซ่งหยุนดาไม่ต้องว่าราชกิจทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยมา ถึงแม้บางทีมาว่าราชกิจจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น แต่ก็ไม่รู้สึกแปลกมากนัก
เวลาว่าราชกิจเพิ่งถึง ก็มีขันทีตะโกน"ฮ่องเต้เสด็จ"
ขุนนางทุกคนคุกเข่าทำความเคารพ
มีเพียงซ่งหยุนดายืนทำความเคารพ
ก็ไม่ใช่ว่าซ่งหยุนดาเย่อหยิ่ง แต่เป็นตอนที่ซ่งหยุนจางเพิ่งราชครองราชย์ เพื่อจะแสดงให้ถึงความเมตตาที่มีต่อน้องชายคนนี้ เลยพูดต่อหน้าขุนนางทุกคนว่า ซ่งหยุนดาเป็นขุนนางที่ได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติ ดังนั้นต่อจากนี้ไป ถ้ามาว่าราชกิจไม่ต้องคุกเข่า
เช่นนี้ก็ไม่สามารถโทษว่าซ่งหยุนดาไม่คุกเข่า
สำหรับซ่งหยุนดาไม่คุกเข่านั้น เหล่าขุนนางไม่ได้รู้สึกว่าแปลกหรืออย่างไร
แต่ตอนที่ซ่งหยุนจางเดินมา เห็นว่าในท้องพระโรงมีเพียงซ่งหยุนดาคนเดียวที่ยืนอยู่ ก็เกิดความไม่พอใจในสายตาอย่างเห็นได้ชัด
ความไม่พอใจในเมื่อก่อน สะสมในใจทีละนิดละหน่อย
ความไม่พอใจในตอนนี้ เกือบจะถึงขีดสุด
แต่ในที่สุด ซ่งหยุนจางก็ไม่ได้ยั้งสติไม่อยู่ ได้นั่งลงภายใต้การประคองของขันทีใหญ่
นานมาก ซ่งหยุนจางถึงได้กล่าวว่าลุกขึ้นได้
เหล่าขุนนางลุกขึ้น รออยู่
แต่วันนี้ขันทีใหญ่ไม่ได้พูดต่อเหล่าขุนนางว่า'มีเรื่องก็รายงานมา ถ้าไม่มีเลิกประชุมได้' หลังจากฮ่องเต้ซ่งหยุนจางกล่าว'ลุกขึ้นได้'แล้ว ก็เงียบขรึมไปหมด
บรรยากาศแบบนี้ ทำให้เหล่าขุนนางค่อยๆรู้สึกถึงความไม่ปกติ
แต่ในการประชุมยามเช้า ไม่สามารถพูดคุยกันได้ มีแต่ต้องแอบสงสัยในใจ
แม้กระทั่งขุนนางที่มีเรื่องจะรายงานงั้น ก็ต้องเงียบปากในเวลานี้
นานมาก ซ่งหยุนจางถึงอ้าปาก
"เมื่อวาน ข้าได้รับจดหมายจากแคว้นซีหรง"
เหล่าขุนนางได้ยินเช่นนี้ ล้วนตั้งใจฟังกัน
ตอนนี้แคว้นซีหรงและราชวงศ์ต้าชิ่งกำลังทำสงครามอยู่ จะส่งจดหมายอะไรมา?
ตอนที่เหล่าขุนนางล้วนสงสัยอยู่ ซ่งหยุนจางก็พูดต่อ"เรื่องนี้มีความสัมพันธ์กับน้องชายของข้า"
ระหว่างพูด ซ่งหยุนจางก็มองไปทางซ่งหยุนดา
เหล่าขุนนางก็ล้วนมองไปทางซ่งหยุนดา
นี่มันมีความสัมพันธ์อะไรกับอ๋องอวี้?
ซ่งหยุนดาก็กระตุกใจทีหนึ่ง แต่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้า เงยหน้าเผชิญสายตากับซ่งหยุนจาง
"ไม่ทราบว่าจดหมายของแคว้นซีหรง มีความสัมพันธ์อะไรกับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ?"ซ่งหยุนดาถาม น้ำเสียงใจเย็นมาก ไม่มีความกระวนกระวายใจแม้แต่นิด
ซ่งหยุนจางเห็นซ่งหยุนดาทำหน้าใจเย็น พูดตรงๆ ในใจไม่สบายยิ่งนัก
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ความใจเย็นของซ่งหยุนดาล้วนทำให้เขาเกลียดชัง
แต่ซ่งหยุนดายืนตรงมาก"คนเดียวที่ฝ่าบาทพูดนั้น เป็นลูกสาวของกระหม่อม กระหม่อมไม่สามารถให้ลูกสาวของตัวเองไปแลกกับความสันติสุข กระหม่อมยอมนำกองทัพไปทำสงครามพ่ะย่ะค่ะ"
น้ำเสียงของซ่งหยุนดาเข้มแข็งมาก ระหว่างที่พูดซ่งหยุนดามองไปทางซ่งหยุนจาง"หากให้ลูกสาวของกระหม่อมไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี ไม่ทราบว่าประชาชนจะรู้สึกไหมว่าต้าชิ่งเราสู้แคว้นซีหรงไม่ได้"
ซ่งหยุนจางได้ยินเช่นนี้ สีหน้าแย่มาก
คำพูดนี้ เห็นชัดๆเลยว่าไม่ได้ไว้หน้าเขาในฐานะที่เป็นฮ่องเต้
"แถมลูกสาวของกระหม่อมยังมีสามีและลูกด้วย จะไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรีอย่างไรได้?"
ซ่งหยุนจางได้ยินเช่นนี้ ก็พูดว่า"เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเจียเล่อมีสามี?ตอนนั้นที่เจียเล่อเข้าร่วมงานเลี้ยงพระราชวัง ไม่ได้เป็นผมเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว"
ซ่งหยุนดารู้สึกว่า ปัจจุบันซ่งหยุนจางไร้ยางอายมาก
พูดต่อหน้าเหล่าขุนนางเช่นนี้ เขาหมายความอะไร?
ตอนที่ร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ทำเป็นผมของหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีลูกแล้ว นี่หมายความว่าปิงเอ๋อร์มีลูกก่อนแต่งหรือ!
และไม่ได้เป็นผมของหญิงแต่งงานแล้ว ก็ต้องไปแต่งงานเพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรีหรือ?
ในโลกนี้ไม่มีเรื่องแบบนี้เลย
เมื่อนึกถึงที่นี่ ซ่งหยุนดาก็มองซ่งหยุนจางด้วยสีหน้าที่แย่มาก
เมื่อเทียบกับซ่งหยุนจางที่เป็นฮ่องเต้มาหลายปี พลังรอบตัวของซ่งหยุนดาก็ไม่ได้อ่อนกว่าเลย แม้กระทั่งดูจนทำให้ซ่งหยุนจางรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
ให้ความรู้สึกว่าซ่งหยุนดาจะก่อการกบฎแล้ว
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้ซ่งหยุนจางนั่งตรงขึ้นมาด้วยจิตสำนึก ความทรงพลังที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาก็เพิ่มมากขนาด
ขุนนางเล็กๆบางคน กดดันในพลังของฮ่องเต้ จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ส่วนซ่งหยุนดาก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่นิด
ซ่งหยุนดาพูดว่า"ภายในสามวัน ถ้าสามีของเจียเล่อสามารถประกฎตัวได้ ข้าก็ไม่ดีที่จะไปแตกแยกครอบครัวของเจียเล่อ แต่หากอีกสามวัน สามีของเจียเล่อยังไม่ปรากฏตัว งั้นเจียเล่อก็ต้องไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรีแน่นอน"
คำพูดของซ่งหยุนจาง ทำให้ท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบขรึม หลายคนล้วนมองไปทางซ่งหยุนดาอย่างระมัดระวัง อยากจะดูว่าอ๋องอวี้จัดการยังไง
หากเวลานี้ อ๋องอวี้คัดค้านคำสั่งของฮ่องเต้โดยตรง งั้นก็ถึงได้ว่าเป็นการคัดค้านพระบรมราชโองการ
ทันใดนั้น บรรยากาศก็ดูตึงเครียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...