ตอนที่ทุกคนล้วนตึงเครียดอยู่ อยู่ๆข้างนอกก็มีคนเข้ามารายงาย
"ฝ่าบาท"
ถึงแม้ซ่งหยุนจางไม่ค่อยสบายใจ แต่ยังไงก็โล่งใจลง
เขาไม่อยากยอมรับว่า จริงๆแล้วตัวเองมีความกลัวซ่งหยุนดา
ซ่งหยุนจางระบายความไม่พอใจให้องครักษ์ที่มาโดยตรง"เรื่องอะไรมาโวยวายที่ท้องพระโรง"
องครักษ์กลัวจนคุกเข่าโดยตรง ไม่คำนึงถึงว่าตัวเองถึงหน้าซ่งหยุนจางแล้วหรือยัง พูดโดยตรงว่า"ฝ่าบาทขอประทานโทษพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมีเรื่องจะรายงานพ่ะย่ะค่ะ"
อยู่ต่อหน้าเหล่าขุนนาง ซ่งหยุนจางก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่ให้องครักษ์พูดรายงาน ดังนั้นเลยถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง"เรื่องอะไร?"
องครักษ์หยิบจดหมายลับซองหนึ่งออกมาจากอ้อมอก"นี่เป็นจดหมายลับที่ส่งมาจากแคว้นเป่ยอัน เชิญฝ่าบาททรงอ่านพ่ะย่ะค่ะ"
แคว้นเป่ยอัน?
เวลานี้แคว้นเป่ยอันส่งจดหมายลับอะไรมา?
ทุกคนล้วนเกิดความสงสัยในใจ
แม้กระทั่งฮ่องเต้ซ่งหยุนจางก็เกิดความสงสัย
แต่ซ่งหยุนจางก็ยังให้ขันทีใหญ่ข้างๆไปเอาจดหมายลับซองนั้นมา
ซ่งหยุนจางเปิดจดหมายลับออก หลังจากดูจบ สีหน้าของเขาก็ดูซับซ้อนยากที่จะอธิบาย
เงียบขรึมไปสักครู่หนึ่ง ซ่งหยุนจางถึงโบกมือให้ขันทีใหญ่
ขันทีเดินหน้าขึ้นไป ใช้ถาดไปรับจดหมายลับ
จากนั้น ซ่งหยุนจางอ้าปาก"เอาไปให้น้องชายของข้าดูสิ"
ตอนที่พูดเช่นนี้ มือของซ่งหยุนจางสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเต้นเกินไปหรืออย่างอื่น
โดยรวมคือ คนที่กล้าเงยหน้ามองฮ่องเต้ในเวลานี้ ล้วนมองไม่ออกว่าสีหน้าของฮ่องเต้บ่งบอกถึงอะไร
แต่สิ่งที่คาดเดาได้คือ ฮ่องเต้นำจดหมายลับให้อ๋องอวี้ซ่งหยุนดาดู น่าจะเกี่ยวข้องกับอ๋องอวี้
แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เหล่าขุนนางเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
ส่วนซ่งหยุนดาหลังจากที่อ่านจดหมายลับที่ขันทียื่นมาแล้ว สีหน้าค่อนข้างจะไม่ดี
ตามด้วยเสียง"ปัง"ซ่งหยุนดาโยนจดหมายลับไปบนถาดที่ขันทีใหญ่ถืออยู่
เหล่าขุนนางเห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยมากขึ้น
ในจดหมายลับของแคว้นเป่ยอันเขียนอะไรอยู่?ทำให้อ๋องอวี้โกรธขนาดนี้?
เหล่าขุนนางเพิ่งคิดแบบนี้ ก็ได้ยินฮ่องเต้พูด
"ทีนี้เจ้าจะมาโทษเสด็จพี่ไม่ได้แล้วนะ"ซ่งหยุนจางพูด
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดถึงโทษฮ่องเต้ไม่ได้?
"ตอนนี้แคว้นเป่ยอัน ก็จะให้เจียเล่อไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรีเช่นกัน ไม่งั้นก็จะส่งกองทัพทำสงครามกับต้าชิ่ง ถึงแม้น้องชายสามารถนำกองทัพไปทำสงครามกับซีหรง แล้วยังสามารถแยกร่างไปทำสงครามกับแคว้นเป่ยอันได้หรือ?เรื่องนี้เจ้าต้องพิจารณาให้ดี เพราะเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ"
ในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ ซ่งหยุนจางไม่มีความไร้ยางอายหรือกังวลแม้แต่นิด นับบัดนี้ในใจของเขามีแต่ยินดีปรีดาในความทุกข์ของซ่งหยุนดา
เจ้าโปรดปรานลูกสาวของเจ้าไม่ใช่หรือ?
สถานการณ์ตอนนี้ ลูกสาวของเจ้าต้องไปแต่งงานเด็ดขาด เขาจะลองดูว่า เขาจะจัดการปัญหานี้ยังไง
ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เขาบังคับเขาแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างเด็ดขาด
ซ่งหยุนจางรู้สึกดีใจมาก
ส่วนเหล่าขุนนาง ต่างแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ
อะไรนะ?
ในจดหมายลับของแคว้นเป่ยอัน เขียนไว้ว่าให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี?
ถ้าไม่ไปแต่งาน ยังจะทำสงครามกับต้าชิ่งหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ขุนนางบางคนที่ขี้กลัวก็รีบเดินหน้าขึ้น พูดว่า"ฝ่าบาท ทำสงครามกับซีหรงมานานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ผล หากเป่ยอันมาโจมตีอีก ต้าชิ่งคงจะรับไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ"
"ใช่สิ ฝ่าบาท ไม่สามารถให้ต้าชิ่งกลายเป็นสถานการณ์ที่ถูกสองประเทศโจมตีขนาบ"
ขุนนางคุยกันทีละประโยค ล้วนเห็นด้วยที่จะให้ซ่งฉงปิงไปแต่งงาน เพราะไม่อยากทำสงคราม
ในเวลานี้พวกเขาลืมไปอย่างสมบูรณ์เลยว่าซ่งฉงปิงมีเพียงคนเดียว ไม่สามารถไปแต่งงานสองประเทศได้
แต่ถึงแม้จำไม่ได้ก็ไม่มีผลอะไรต่างกัน
สำหรับพวกเขา แค่ตามใจประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็ถือว่าได้รับผลประโยชน์
ต้องยอมรับว่า คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กลัวตาย
หรือว่า ถ้าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกอื่น ก็เป็นเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย
แถมยังมีคนโน้มน้าวให้อ๋องอวี้โดยตรง"อ๋องอวี้ เพื่อราชวงศ์ต้าชิ่ง ท่านก็ยอมรับเรื่องส่งไปแต่งงานละกัน?"
"ใช่ไง อ๋องอวี้ เป็นเพียงจวิ้นจู่คนหนึ่งเท่านั้น ใช้จวิ้นจู่คนเดียวสามารถแลกความสันติสุขของทุกคน นั่นก็เป็นความโชคของจวิ้นจู่......"
มีหลายคนคัดค้านคำพูดนี้เช่นกัน
"ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นความโชค ทำไมไม่ให้ลูกสาวของเจ้าไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรีล่ะ?"
"ใช่ไง นำโชคลาภที่ดีเช่นนี้ให้ลูกสาวของเจ้าดีไหม?"
ขุนนางคนนั้นถูกเถียงจนหน้าซีดขวา ตอบแบบไม่พอใจ"ข้า......คนเขาก็ไม่ได้อยากได้ลูกสาวของข้าเลย......"
เห็นได้ชัดว่า ความหมายของเขาคือ ถ้าคนเขาอยากได้ลูกสาวของเขา เขาก็ยอม
อย่างที่คิด มีบางคนไม่เคยที่จะตระหนักถึงความสำคัญของผู้หญิงเลย
ในมุมมองของพวกเขา ผู้หญิงสมควรที่จะดูแลลูกในบ้าน หรือสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ได้เลย
และในเวลานี้ มีคนเห็นด้วย แน่นอนก็จะมีคนปฏิเสธ
เพราะบางคนไม่อยากต้องพึ่งผู้หญิงไปแลกเปลี่ยนอะไรมา พวกเขามีความหยิ่งในตัว
แต่คนเหล่านี้เป็นจำนวนน้อย
แต่ไม่ว่าจะเผชิญกับเสียงแบบไหน ซ่งหยุนดาก็ไม่ได้ให้คำตอบ เงียบขรึมอยู่ตลอด ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
แต่คนที่มีแววตาที่ดีก็มองออกว่า ตอนนี้อ๋องอวี้อารมณ์แย่มาก
เหมือนไม่ว่าจะเลือกยังไงล้วนไม่ค่อยถูก
นานมาก ซ่งหยุนจางถึงได้พูดแก้เขิน"เจ้าพูดอะไรกัน?เจ้ากลับไปคิดดีๆก่อน ยังไงก็ยังมีเวลาอีกสามวัน"
ระหว่างที่พูด ไม่ได้รอซ่งหยุนดาพูดอะไร ก็โบกมือ"เจ้ากลับก่อนเถอะ"
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ภาพลักษณ์ของเขาที่เป็นฮ่องเต้ที่ดียังคงมีอยู่
อย่างน้อย ในมุมมองของซ่งหยุนจาง ตัวเองยังคงเป็นฮ่องเต้ที่ดี หรือว่า ฮ่องเต้ผู้ทรงธรรม
ซ่งหยุนดาไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปโดยตรง
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากซ่งฉงปิงและฉีเทียนเห้าตื่นขึ้นมาแล้ว คนที่ซ่งหยุนดาส่งมาก็ได้บอกสถานการณ์ให้ทั้งสองคนทราบ
ฉีเทียนเห้าให้คนไปตรวจสอบข้อมูลในเวลาแรก
และไม่นาน ฉีเทียนเห้าก็ได้รับข่าวสาร
สีหน้าของฉีเทียนเห้า มืดมิดไปหมด
แคว้นซีหรงและแคว้นเป่ยอัน กล้ามาแย่งภรรยาของเขาหรือ?
ฉีเทียนเห้าลงสองคำสั่งทันที คำสั่งที่หนึ่ง หายี่ชินอ๋องของเป่ยอันออกมาให้ได้ ไม่ว่าทุกกรณี คำสั่งที่สอง จับตัวซื่อจื่อของจวนยี่ชินอ๋อง
พอได้ออกสองคำสั่งนี้ คนใต้บังคับบัญชาของฉีเทียนเห้าก็ล้วนยุ่งมาก
ส่วนในเวลานี้ ซ่งหยุนดายังไม่ออกจากพระราชวัง นอกวังก็มีข่าวลือเกี่ยวกับที่ให้จวิ้นจู่ของจวนอ๋องอวี้ไปแต่งงานเพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรี
"เจ้าได้ข่าวหรือเปล่า แคว้นซีหรงจะให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี และสัญญาว่าถ้าเจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี ก็จะไม่มีสงคราม จะเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพยี่สิบปีโดยตรงเลย"
"ที่ข้าได้ยินมานั้นแตกต่างกับที่เจ้าได้ยินมา ข้าได้ข่าวว่าเป่นอันจะให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี ไม่อย่างงั้นก็จะโจมตีต้าชิ่ง"
"ข่าวของพวกเจ้าล้วนล่าช้าไป ข้าได้ข่าวว่าทั้งสองประเทศล้วนให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรี"
"แต่ เรามีเจียเล่อจวิ้นจู่เพียงคนเดียวเอง ทำอย่างไรดี?ไปแต่งงานกับใครดีเนี่ย?"
"ก็ต้องเป็นเป่ยอันสิ เดิมทีเราก็ทำสงครามกับแคว้นซีหรงอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ฝั่งเป่ยอันก็เกิดสงครามเนอะ?"
"ก็ไม่แน่นะ ไม่ว่าจะพูดยังไง แคว้นซีหรงก็มีกำลังทหารที่แข็งแรง น่ากลัวกว่าเป่ยอันนะเนี่ย"
"......"
ทุกคนพูดกันทีละประโยค ปรึกษากันอยู่ว่าจะให้เจียเล่อจวิ้นจู่แต่งงานกับใคร ถึงจะส่งผลประโยชน์ต่อต้าชิ่งมากที่สุด
และในตอนที่ซ่งหยุนดาเพิ่งเข้าประตูจวนอ๋องอวี้ ข่าวที่อ๋องอวี้ไม่ยอมให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงานผูกสัมพันธ์ไมตรีนั้นก็แพร่หลายไปทั่วเมืองหลวง
ทันใดนั้น ประชาชนล้วนเดือดขึ้นมา
"หากเจียเล่อจวิ้นจู่ไม่ไปแต่งงาน แล้วเกิดทำสงครามขึ้นมา คนที่ต้องลำบากก็คือประชาชนอย่างเราแล้วสิ?"
"ใช่ไง เจียเล่อจวิ้นจู่จะมาทิ้งชีวิตของประชาชน เพื่อตัวเองไม่ได้นะ"
เห็นได้ชัดว่า มีคนในฝูงชนตั้งใจที่จะก่อเหตุขึ้น
แต่เหล่าประชาชนแยกแยะไม่ออก เลยถูกนำพาอารมณ์
พอเป็นเช่นนี้ เหล่าประชาชนก็ล้วนล้อมรอบอยู่หน้าจวนอ๋องอวี้ด้วยความโกรธขรึม บังคับให้เจียเล่อจวิ้นจู่ต้องไปแต่งงาน
หลายวันนี้ คนในตระกูลเว่ยเข้ามาในจวนอ๋องอวี้ผ่านประตูหลังหลายครั้ง เพื่อมาปรึกษาเรื่องนี้
พอถึงวันที่สามซึ่งเป็นวันครบกำหนด ตอนที่คนตระกูลเว่ยเข้าไปในจวนอ๋องอวี้อีกครั้ง ในมือก็มีกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพิ่มกล่องหนึ่ง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...