ซ่งหยุนดา ฉีเทียนเห้าและซ่งฉงปิงนั่งอยู่ในท้องพระโรง บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย
อันที่จริงซ่งฉงปิงแค่นั่งอยู่เงียบๆ นั่งรอการประลองความเงียบระหว่างเสด็จพ่อของตนกับฉีเทียนเห้า
ซ่งฉงปิงไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมผู้ชายถึงชอบประลองความเงียบกัน
จังหวะนี้เอง ในที่สุดซ่งหยุนดาก็อดส่งเสียงไม่ได้ “ข้าไม่คิดจะเอาบัลลังก์นี้”
ยี่สิบปีก่อนเขาไม่สนใจตำแหน่งนี้ ยี่สิบปีให้หลังเขาย่อมไม่สนใจเหมือนกัน
อำนาจอะไรมิใช่สิ่งที่เขาต้องการแสวงหา
หากมีเวลาห่วงงานใหญ่ของบ้านเมือง ก็ไปท่องเที่ยวภูเขาลำน้ำกับหวินซีไม่ดีกว่าหรือ?
อีกอย่าง ยี่สิบปีมานี้ ที่เขาวางแผนทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตัวเอง เขาไม่คิดเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องในราชสำนัก
ส่วนการปกครองเก้าปีมานี้ของฉีเทียนเห้า ต้าชิ่งนับว่าสงบสุขร่มเย็น หากเทียบกับตนแล้ว อีกฝ่ายยังจะมีความสามารถด้านการปกครองบ้านเมืองมากกว่า
เท่าที่เขาดู หากฉีเทียนเห้าไม่เป็นฮ่องเต้ ก็ช่างสิ้นเปลืองเหลือเกิน
สำหรับเรื่องเปลี่ยนเจ้าของแผ่นดิน?
เขาไม่ใส่ใจหรอก
ถึงอย่างไรที่ฉีเทียนเห้าตกแต่งด้วยก็เป็นบุตรีของเขา ในอนาคตแผ่นดินก็มีสายเลือดตระกูลซ่งของเขาเหมือนกัน
อีกอย่าง ฮ่องเต้แซ่อะไรก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ต่างหาก
“ข้าเป็นแค่อ๋องเซ่อเจิ้ง” ฉีเทียนเห้าค่อยๆ เอ่ยปาก
ตอนนี้เป็นการเจรจาของผู้มีชัยทั้งสอง และนาทีนี้ฐานะของพวกเขายังเป็นพ่อตาลูกเขยกันอีก
ซ่งหยุนดา “ในเมื่อเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งที่ดีได้ เช่นนี้สำหรับเจ้า การเป็นฮ่องเต้ก็ไม่คณามือ”
ซ่งหยุนดากล่าวอย่างมีขั้นมีตอน
ฉีเทียนเห้า “ข้าจะเป็นแค่อ๋องเซ่อเจิ้งเท่านั้น”
“เป็นฮ่องเต้อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น สูงส่งไม่...” ซ่งหยุนดาเกลี้ยกล่อมต่อ
“เช่นนั้นก็พอดี ท่านมาเป็น” ฉีเทียนเห้าสอดปากขัดคำพูดของซ่งหยุนดา
ซ่งหยุนดา “...”
ใครจะคิดว่าตำแหน่งที่ทุกคนแย่งชิงกันหัวร้างข้างแตก บุรุษสองผู้นี้กลับโยนกันไปโยนกันมา แทบจะเหมือนกับโยนรองเท้าเน่าแล้ว
เพียงคำเดียว นั่นคือถูก ‘รัก’ ควบคุม
แผ่นดินสาวงาม สำหรับทั้งสองแล้ว ล้วนได้มาโดยง่าย
ทว่าทั้งสองกลับรักสาวงาม ไม่รักแผ่นดิน
เมื่อซ่งฉงปิงเห็นทั้งสองโยนกันไปโยนกันมา
มองผู้ชายของตัวเอง แล้วมองเสด็จพ่อของตัวเองแล้วก็กระแอมกระไอทีหนึ่ง
สายตาของผู้ชายทั้งสองมองมาที่นางทันที
จากนั้นซ่งฉงปิงก็มองเสด็จพ่อของตัวเองเงียบๆ
“เสด็จพ่อ ถ้าเทียนเห้าเป็นฮ่องเต้ เกรงว่าต้องมีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ไปอีกหมื่นปีนะเจ้าคะ” ซ่งฉงปิงเอ่ยปาก
เพราะฉีเทียนเห้าแซ่ฉี ถ้าขึ้นนั่งบัลลังก์จริง เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนคิดคดทรยศจริงแล้ว
ซ่งหยุนดาได้ยินกลับไม่คิดเช่นนั้น “ไม่เป็นไร เขาหนังหนา”
ซ่งฉงปิง “...”
มองเสด็จพ่อของตนด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “แล้วข้าเล่า?”
ซ่งหยุนดา “...”
ซ่งหยุนดาเริ่มคิดหนัก
หากฉีเทียนเห้ามีชื่อเสียงเหม็นโฉ่หมื่นปี เช่นนั้นบุตรีของตัวเองก็ต้องถูกรมจนเหม็นโฉ่ไปด้วย?
ไม่ได้!
“ที่ปิงเอ๋อร์พูดก็มีเหตุผล...” แต่พอเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ ซ่งหยุนดาก็เพิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ถลึงตาพยัคฆ์กับซ่งฉงปิง “มีผู้ชายแล้วเจ้าก็ลืมพ่อหรือ?”
นังตัวดี ลูกสาวเติบใหญ่แล้ว ก็รู้แต่จะช่วยคนอื่น
ละเหี่ยใจ
เมื่อซ่งฉงปิงได้ยินดังนั้นก็รีบปฏิเสธ “เปล่านะเจ้าคะ”
จากนั้นจึงเอ่ย “เสด็จพ่อ ท่านลองคิดดูสิ ตอนนี้เฮงเอ๋อร์ก็สิบขวบแล้ว ท่านฝึกฝนเขาไม่กี่ปีก็สืบทอดตำแหน่งได้แล้ว ถ้าท่านอยากอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ยี่สิบปีรอได้ จะรออีกไม่กี่ปีมันเหมือนกันใช่ไหม?”
นี่ต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่จึงจะถูก
หลังจากสองพ่อตาลูกเขยหารือเรื่องใครจะขึ้นครองราชย์เสร็จ ก็เริ่มเตรียมเรื่องการขึ้นครองราชย์
กำหนดให้การขึ้นครองราชย์เป็นอีกสิบวันให้หลัง อย่างไรเสียการผลัดเปลี่ยนเก่าใหม่จำเป็นต้องใช้เวลา
สำหรับเรื่องการจัดการอดีตฮ่องเต้ฮ่องเต้หย่งเฉิงและทายาททั้งหมดของเขา ฉีเทียนเห้าและซ่งหยุนดาได้เรียกเหล่าขุนนางมาร่วมหารือในคืนนั้น
สุดท้าย สำหรับเหล่าองค์ชายที่ไม่ได้กระทำผิดก็แบ่งเขตพื้นที่ให้ไปปกครอง
ที่เหมือนกันหมดก็คือ เขตพื้นที่ไม่ใหญ่และไม่มีอำนาจมาก
เพราะซ่งหยุนดาไม่อยากเลี้ยงดูคนทะยานอยากอยากขึ้นเป็นเจ้าอย่างนั้นอีก
ส่วนอ๋องจั๋วที่มักใหญ่ใฝ่สูง ซ่งหยุนดาให้เขาอยู่ในเมืองหลวง แบบนี้จะได้สะดวกในการควบคุมที่สุด
ส่วนอ๋องคัง ความผิดที่ก่อร้ายแรงยิ่ง หญิงในจวนอ๋องมากมายล้วนออกมาเป็นพยาน นิสัยเป็นอย่างไรน่ะหรือ? นั่นคือย่ำแย่ถึงกระดูก
ท้ายที่สุดจึงสั่งประหารชีวิต
ลงทัณฑ์ในวันที่ห้าหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงในวัง
เนื่องจากมีกฎระเบียบว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ต้องประทานอภัยโทษทั่วหล้า ส่วนคนอย่างอ๋องคังเช่นนี้นั้น ไม่มีสิทธิ์ได้รับการอภัยโทษ
ทำร้ายผู้คนมากมายเหลือเกิน
ฮันจิ้นพาหลิวจิ้งเซียนไปร่วมชมในวันที่ลงทัณฑ์ด้วย
ขณะศีรษะของอ๋องคังผู้ชั่วช้าสามานย์ตกลงพื้น หลิวจิ้งเซียนตาไม่กะพริบ ไม่เหมือนสตรีอื่นที่ตกใจจนหวีดร้องหรือเบือนหน้าหนี
เพียงแต่ สุดท้าย ดวงตาของหลิวจิ้งเซียนก็ถูกปิดไว้
“อย่าดู”
เป็นเสียงของฮันจิ้น
เสียงอันอ่อนโยน หนักแน่น และพกพาความรู้สึกปลอดภัยเต็มเปี่ยมของฮันจิ้น
ฮันจิ้นไม่ให้ดู หลิวจิ้งเซียนจึงไม่ดูอีกจริงๆ
เวลานี้ นางคล้ายกับได้รับการปลดปล่อย
และขณะที่หลิวจิ้งเซียนและฮันจิ้นหมุนตัวออกจากลานลงทัณฑ์ ก็เห็นคนที่อยู่บนรถม้าไม่ไกล ทั้งสองพลันชะงักงัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...