เมื่อซ่งหยุนดาได้ยินสีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นไม่ดีขึ้นมา
เขารู้อยู่แล้วเชียว ว่าเจ้าหมอนี้เอาแต่คิดถึงบุตรีบ้านตนทั้งวัน
ซ่งหยุนดาถลึงตาใส่ฉีเทียนเห้า “ถึงตอนนั้นข้าจะให้นักโหราศาสตร์ดูฤกษ์งามยามดี”
น้ำเสียงมีความขอไปทีอย่างยิ่ง
แม้จะมีหลานชายและหลานสาวแล้ว อีกทั้งพวกเขายังผ่านการคำนับฟ้าดิน
แต่นี่คือเมืองหลวง ในเมืองหลวงทั้งสองยังไม่ได้แต่งงาน ถึงฉีเทียนเห้าจะเป็นอ๋องเซ่อเจิ้ง นั่นก็ยังไม่เป็นไปตามธรรมเนียมอยู่ดี
ทว่าฉีเทียนเห้าไม่ใช่คนที่จะขอไปทีได้ง่ายๆ
“ไม่ต้องดูแล้ว สิบวันให้หลังก็คือฤกษ์งามยามดี” ฉีเทียนเห้าเอ่ยเรียบ
ซ่งหยุนดา “ไม่ได้!”
อย่าแม้แต่จะคิดว่าสิบวันให้หลังจะตกแต่งกับบุตรีของเขา
ฉีเทียนเห้าได้ยินแล้วจึงลุกขึ้น หมุนตัวจะไป
ซ่งหยุนดาขมวดคิ้ว ในใจยังคิดว่าฉีเทียนเห้าไม่ใช่คนที่จะยอมง่ายๆ จากนั้นก็ได้ยินฉีเทียนเห้าเอ่ยเรียบขึ้นว่า “ข้าจะไปหารือกับปิงเอ๋อร์”
ซ่งหยุนดา “...กลับมา!”
ซ่งหยุนดารู้สึกเพียงเส้นเอ็นตรงหน้าผากกระตุก
ไม่เคยพบเคยเห็นคนที่ไม่เห็นฮ่องเต้และพ่อตาอยู่ในสายตาอย่างนี้มาก่อน
หารือกับปิงเอ๋อร์?
พอนึกถึงซ่งฉงปิง ซ่งหยุนดาก็อัดอั้นตันใจขึ้นมาทันที
บุตรีดีๆ กลับถูกชายชั่วย่ำยีไปเมื่อไรก็ไม่ทราบ แถมเจ้าชายชั่วนี่ยังกำแหงวางอำนาจอีก...
ที่สำคัญคือ บุตรียังเข้าข้างคนอื่น
หากมิใช่เพราะเช่นนี้ สิบวันมานี้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้หรือ?
ฮ่องเต้ไม่ใช่งานที่คนจะทำ เรื่องเยอะเรื่องแยะสะสางไม่สิ้น เป็นอ๋องเฉยๆ ยังจะสบายกว่า
ซ่งหยุนดารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องฝึกฝนบุตรชายผู้น่าหนักใจบ้านตนโดยเร็วที่สุด
ปกปิดความสามารถมาหลายปี ไม่ทราบว่าเร่งเอาตอนนี้จะทันหรือไม่
เฮ้อ คิดแล้วก็เหนื่อยใจ
ซ่งหยุนดาทอดถอนใจในใจ ไม่แสดงบนสีหน้า “สามเดือนหน้าก็คือฤกษ์งามยามดี พวกเจ้าก็แต่งงานกันตอนนั้นเถอะ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยดูปฏิทินแล้ว สามเดือนหน้าเป็นเวลาพอดิบพอดี อีกทั้งหมู่มวลผกายังบานสะพรั่ง
“สิบวัน” ฉีเทียนเห้าหยุดเท้า หันกลับมามองซ่งหยุนดา ท่าทางไม่ยอมถอย
ซ่งหยุนดา “อีกสองเดือน จะเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ฉีเทียนเห้า “สิบวัน”
ไม่สั่นคลอนสักนิด
“วันที่สิบหกเดือนหน้า” ซ่งหยุนดาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถ้าเจ้ายังจะได้คืบเอาศอก พรุ่งนี้ข้าจะออกโองการเลือกราชบุตรเขยให้ปิงเอ๋อร์”
ซ่งหยุนดาใช้การขู่แล้ว
เขารู้อุปนิสัยของฉีเทียนเห้าดี อย่าคิดว่าเขาเป็นฮ่องเต้แล้วอีกฝ่ายจะกลัว เฮอะ เขามั่นใจได้เลย ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้เสด็จมา ฉีเทียนเห้าก็ยังไม่กลัวเกรงเหมือนเดิม
โอหัง!
โอหังที่สุด!
“ได้!” ฉีเทียนเห้าเหยียดยิ้ม จากนั้นก็นั่งลง
วันที่สิบหกเดือนหน้านั่นแหละที่เป็นเวลาตามที่เขาคิด
มิเช่นนั้นสิบวันจะรีบเร่งเกินไป ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงเดือน กำลังดี
เมื่อเห็นฉีเทียนเห้ารับปากฉับพลันอย่างนี้แล้ว สีหน้าซ่งหยุนดาก็ไม่สู้ดีนัก
เจ้าหมอนี่ อย่างไรปีนั้นเขาก็เคยสั่งสอนมาก่อน รู้ชัดนิสัยของเขาดี
การที่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจรับคำง่ายขนาดนี้ มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือเขาถูกอีกฝ่ายหลอกตะล่อม
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว สีหน้าซ่งหยุนดาก็แย่มาก “ตอนนี้พูดแผนการของเจ้าได้แล้วล่ะสิ?”
เดิมเป็นเพียงการปรึกษาเรื่องงาน แต่กลับคุยไปถึงเรื่องการแต่งงานของบุตรี ฮึ่ย!
“ในเมื่อแคว้นซีหรงต้องการทำสงคราม เช่นนั้นก็ทำต่อ ส่วนเป่ยอันในเมื่อต้องการจะทำสงครามด้วย นั่นย่อมทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้ แต่ เรื่องการแต่งงานเกี่ยวดองก็ยังต้องแต่ง...”
“ผู้ดูแลจางอยู่ที่โรงเพาะต้นกล้าขอรับ” คนผู้หนึ่งตอบ
เมื่อทราบว่าจางเอ้อหลางอยู่ที่ไหน ซ่งฉงปิงก็ไม่จำเป็นให้คนนำทาง แต่พาคนของตนเดินไปทางโรงเพาะต้นกล้าโดยตรง
เมื่อนางเดินไปถึงก็เห็นจางเอ้อหลางกำลังเปลือยท่อนบนถอนหญ้าในโรงเพาะต้นกล้าที่อบอุ่นอยู่
ในสภาวะร้อนชื้น ต้นกล้าเจริญดี หญ้าก็เจริญดีเช่นกัน
ในหมู่บ้านโรงเพาะต้นกล้าเป็นสถานที่สำคัญที่สุด ปกติแล้วจางเอ้อหลางจะมาถอนหญ้าด้วยตนเอง
ถอนหญ้าทุกวี่วัน หญ้าก็มีไม่มาก จางเอ้อหลางจึงจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว
เมื่อรู้สึกว่ามีลมเย็นพัดมาจากข้างหลัง จางเอ้อหลางก็เงยหน้าขึ้นและต้องตกใจจนหวิดจะหกล้มเพราะเห็นซ่งฉงปิง
สำหรับจางเอ้อหลาง การที่พี่สาวตัวเองกลายเป็นจวิ้นจู่ในพริบตาทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อมาก แต่ในระยะเวลาไม่นาน จวิ้นจู่ก็กลายเป็นองค์หญิงใหญ่อีก สำหรับจางเอ้อหลางที่เป็นชาวบ้านสามัญแทบเป็นเรื่องน่าตกตะลึงอย่างที่สุด
จางเอ้อหลางคิดไม่ถึงเลยว่าชาตินี้ตัวเองจะมีวันได้คบหาสมาคมกับองค์หญิงใหญ่
โดยเฉพาะตอนนี้ องค์หญิงใหญ่ยังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
แต่เขายังต้องสงบนิ่ง
ล้อเล่นน่า ต้นกล้าเหล่านั้นมีค่ามหาศาล หากตัวเองล้มทับไปต้องเสียของไม่น้อยแน่
เพื่อไม่ทำให้ต้นกล้าเหล่านั้นเสียของ ท่าทางจางเอ้อหลางก็พิลึกมาก
แต่จางเอ้อหลางก็ยังกระวีกระวาดรีบลุกขึ้นมา แล้ววิ่งไปที่ปากทางเข้า คุกเข่าทางซ่งฉงปิงอย่างรีบร้อน “ข้าน้อยคารวะ...”
“เอาล่ะ กับข้ายังต้องเห็นเป็นอื่นหรือ?” ซ่งฉงปิงเอ่ย
ก่อนหน้านี้จางเอ้อหลางทำผิด นางจึงวางมาด
ตอนนี้จางเอ้อหลางทุ่มเทกายใจทำงานให้ตน ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องวางมาดอย่างนั้นแล้ว
เพราะจางเอ้อหลางเป็นตัวตนที่เหมือนกับครอบครัวของนาง
เมื่อจางเอ้อหลางได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองซ่งฉงปิง พอเห็นรอยยิ้มอันคุ้นเคยตรงมุมปากของนาง กรอบดวงตาเขาก็แดงระเรื่อ
ระยะนี้เขาทำงานอย่างระมัดระวัง กลัวจะถูกพี่เสี่ยวปิงรังเกียจ
ตอนนี้เมื่อเห็นพี่เสี่ยวปิงมีท่าทางเหมือนดังเก่าก่อน เขาจึงวางใจได้สักที
พี่เสี่ยวปิงยังคงเป็นพี่เสี่ยวปิงคนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...