แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 701

ไม่ว่าภายในใจของหลัวหงจะมีความรู้สึกแปลกๆ มากแค่ไหน เมื่อฝ่าบาทให้กลับไป หลัวหงก็ยังต้องกลับไป และไม่สามารถอวดดีซักถามฝ่าบาทในพระราชวังได้ว่าทำไมถึงปล่อยเขาไปและไม่ลงโทษเขา?

หากทำเช่นนี้จริงๆ นั่นก็ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรือ?

เพียงแต่ เพียงออกไปยังหน้าประตูพระราชวัง ภายในใจของหลัวหงก็ยิ่งกดดันขึ้นเรื่อยๆ

พอออกจากพระราชวัง หลัวหงก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกนาน และกลับไปยังจวนโหวของตนเองทันที

เพียงแต่ เมื่อกลับไปถึง ก็คาดไม่ถึงว่าจะพบว่าจวนของตนเองถูกไฟไหม้ไปครึ่งหนึ่ง

หลัวหง: "......."

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะออกจากพระราชวังไปรับเงิน แต่ก็นำตราประทับติดตัวไปด้วย

ถึงแม้ของสิ่งนี้ที่นำติดตัวไปจะค่อนข้างปลอดภัย

ฉะนั้น หลัวหงจึงไม่ได้กลับไปที่จวนโหว ก็เพราะเหตุนี้ที่ในจวนถูกไฟไหม้เขาจึงไม่รู้เลย

และในเวลานี้ หลัวหงก็นึกออกว่าตอนที่ตนเองออกจากพระราชวัง ข้าหลวงได้เผชิญหน้ากับตนเองที่หน้าประตูพระราชวัง

ในเวลานั้นก็รู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของข้าหลวงนั้นแปลกๆ อีกทั้งยังทำท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ อีกด้วย เพียงแต่ในเวลานั้นภายในใจของเขารีบร้อนที่จะไปรับเงิน อีกทั้งเพราะเรื่องนั้นจึงโมโหอย่างมาก ฉะนั้นหลัวหงจึงไม่ได้ถามอะไรมาก และไม่ได้พูดอะไรมากกับข้าหลวง

บัดนี้คิดๆ ดูแล้ว ก็น่าจะเป็นในช่วงเวลานั้นที่ภายในจวนเกิดเรื่อง

การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เกือบจะทำให้หลัวหงโมโหจนเป็นลมที่ประตูหน้าบ้านตนเอง

โชคดีที่ ข้าหลวงมาประคองได้ทัน จึงไม่ทำให้เขาต้องขายหน้าบริเวณหน้าประตูใหญ่

เพียงแต่ ภายในใจของหลัวหงก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ

ฉากที่คุ้นเคยเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบ ก่อนหน้านี้ที่จวนโหวทางซีหนานของเขา.......

"ฉีเทียนเห้า!" หลัวหงกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาแดงก่ำ หายใจถี่

ถ้าหากทำได้ เขาก็อยากจะฉีกฉีเทียนเห้าทั้งเป็น

……

หลังจากหลัวหงออกจากพระราชวัง ซ่งหยุนดาก็โบกมือ ให้เป้ยเจิ้งชิงและคนอื่นๆ ให้ไปทำอะไรก็ไป

เป้ยเจิ้งชิงอ่านสถานการณ์ออก จึงถอยออกไปโดยตรง

เดินออกมาจากพระที่นั่ง หลางเจี้ยนจงก็ชำเลืองมองจ้งฉาง แล้วก็ชำเลืองมองเป้ยเจิ้งชิง และอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามว่า "ใต้เท้าทั้งสองท่านคิดว่า——"

เมื่อหลางเจี้ยนจงเอ่ยปาก จ้งฉางและเป้ยเจิ้งชิงก็มองมาที่หลางเจี้ยนจงตามๆ กัน

หลางเจี้ยนจง: "......ไม่มีอะไร"

คนทั้งสองจึงหันหน้ากลับไป แล้วเดินไปข้างหน้าต่อไป

หลางเจี้ยนจงมองคนทั้งสอง ด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิงอย่างมาก สุดท้ายก็ทอดถอนใจ และตามหลังคนทั้งสองไป

เพียงแต่ เมื่อเดินมาถึงสถานที่ที่รถจอดอยู่ หลางเจี้ยนจงยังอดไม่ได้ ที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

"ใต้เท้าทั้งสองท่านได้โปรดยั้งฝีเท้า"

เป่ยเจิ้งชิงและจ้งฉางหยุดฝีเท้าพร้อมกัน แล้วมองไปยังหลางเจี้ยนจง

คนทั้งสองคล้ายกับว่ารู้ใจกัน ใครต่างก็ไม่เอ่ยปากพูด รอให้หลางเจี้ยนจงเอ่ยปาก

หลางเจี้ยนจง: "......พวกท่านคิดว่า ฝ่าบาทจะไม่คิดอะไรเช่นนี้จริงๆ หรือ?"

ตามระดับความห่วงใยที่ฝ่าบาทมีต่อองค์หญิงใหญ่ ควรจะไม่ปล่อยอู่หมิงโหวไปแบบนี้ถึงจะถูก

เป้ยเจิ้งชิง: "ใต้เท้าหลางคิดว่า ถ้าหากว่าคิด แล้วควรจะทำอย่างไรหรือ?"

จ้งฉาง: "ข้าก็อยากฟังความคิดของใต้เท้าหลางเหมือนกัน"

หลางเจี้ยนจง: "......" เช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่เขาที่แปลกใจ แต่ทุกคนต่างก็รอให้เขาเอ่ยปากเช่นนั้นหรือ?

จริงๆ ......หลางเจี้ยนจงแทบจะโมโหจนหัวเราะออกมา

แต่ถึงอย่างไร เขาก็รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้อย่างมาก

สุดท้าย คนทั้งสามก็ไปที่หอปิงเยว่เพื่อหาที่นั่งดีๆ ในการพูดคุยเรื่องนี้

แต่ไม่รู้เลยว่า เนื้อหาทั้งหมดที่คนทั้งสามพูดคุยกัน ล้วนแพร่ไปถึงหูของฮ่องเต้และคนอื่นๆ

"สองสามคนนี้ช่างกล้าพูดจริงๆ" ซ่งหยุนดาแสดงความคิดเห็น ในน้ำเสียงฟังไม่ออกถึงความโกรธหรือดีใจสักเท่าไร

หลังจากพูดจบ ซ่งหยุนดาก็มองไปยังซ่งเฮง "บัดนี้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เฮงเอ๋อร์ไปเข้าเรียนเถิด"

เห็นได้ชัดว่า นี่คือซ่งหยุนดาต้องการจะไล่คนออกไป

แต่ซ่งเฮงได้ยินเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าไม่เต็มใจ "เสด็จพ่อ ข้าก็อยากฟังด้วยเหมือนกัน"

ซ่งเฮงรู้ว่า เสด็จพ่อพี่สาวพี่เขยและคนอื่นๆ ต้องการจะทำอะไรบางอย่าง

โอกาสดีๆ เช่นนี้ เขาจะสามารถจากไปในเวลานี้ได้อย่างไร?

และในจำนวนสามคน เป้ยเจิ้งชิงบัวลอยไส้งาดำผู้นี้แน่นอนว่าเป็นคนที่ดึงดูด

"ที่พวกเขาพูดมาทั้งหมด ล้วนเป็นไปได้"

ฉีเทียนเห้ากล่าวอย่างนิ่งๆ

ความคิดของหลางเจี้ยนจงคือ ซ่งหยุนดาเตรียมที่จะกักขังหลัวหงเอาไว้ในเมืองหลวง ใช้วิธีการน้ำอุ่นค่อยๆ ต้มกบในหม้อ ค่อยๆ รวบรวมกำลังของซีหนานทีละน้อย

และจ้งฉางคิดว่า น่าจะค้นหาหลักฐานแสดงการทำผิดของหลัวหง จากนั้นก็ใช้อำนาจทางการทหารเข้าปราบปราม

ส่วนหลางเจี้ยนจง คิดว่าน่าจะเป็นการโจมตีจากภายใน

วิธีการทั้งสามนี้ ล้วนเป็นไปได้จริงๆ

เพียงแต่ หลังจากที่ฉีเทียนเห้าแสดงความคิดเห็นของตนเองจบ ก็มองไปยังซ่งฉงปิง

ก่อนหน้านี้มีสีหน้าเย็นชา เวลานี้ก็แสดงสีหน้าที่อ่อนโยน "ปิงเอ๋อร์เห็นว่าเป็นอย่างไรหรือ?"

ซ่งหยุนดา: "......."

หากรู้เช่นนี้ ตนเองก็น่าจะเรียกฮองเฮาให้มาร่วมปรึกษาหารือร่วมกัน

หลังจากซ่งหยุนดาจ้องมองฉีเทียนเห้าอย่างโกรธเคืองแล้ว เมื่อมองไปยังบุตรสาวของตนเอง แววตาก็อ่อนโยนอย่างมาก

สรุปแล้ว พ่อตากับลูกเขย ก็ล้วนเป็นสองมาตรฐานอยู่แล้ว

ซ่งฉงปิงคิดๆ แล้ว จึงกล่าวว่า: "วิธีการของคนทั้งสาม ล้วนเป็นไปได้จริงๆ แต่การกักขังหลัวหงเอาไว้ในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่การทำให้สุนัขจนตรอกนั้นง่ายดาย แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ปล่อยเสือกลับเข้าภูเขาไปจะดีกว่า จากนั้นก็เชื่อมโยงความคิด การตรึกตรองของใต้เท้าทั้งสามท่านเข้าด้วยกัน"

เพียงซ่งเฮงได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าท่านพี่ ถ้าหากปล่อยตาเฒ่านั่นออกจากเมืองหลวง ไม่ใช่จะสะดวกสบายเกินไปหรือ ต่างก็บอกว่าเลี้ยงดูแต่ไม่อบรมเป็นความผิดของพ่อแม่ ตาเฒ่านั่นเลี้ยงลูกชายออกมาไม่เจียมตัวต่อท่านพี่เช่นนี้ พวกเราไม่ควรปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้นะ"

ซ่งเฮงกล่าวด้วยสีหน้าโกรธแค้น

สรุปได้ว่า คนที่รังเจ้าพี่สาว เขาไม่อยากปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้

ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่อาจระบายความโกรธได้จริงๆ

ฉีเทียนเห้าชำเลืองมองน้องชายภรรยาที่ปกป้องภรรยาของตนเอง ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ "ข้าเองก็ไม่อาจปล่อยคนไม่มีสติปัญญาเช่นนั้นไปอย่างง่ายๆ ได้"

พอฉีเทียนเห้าพูดจบ ซ่งหยุนดา ซ่งฉงปิงและซ่งเฮง ก็มองไปยังฉีเทียนเห้าตามๆ กัน

ภายใต้สายตาของแต่ละคนแฝงไปด้วยประกาย รอให้ฉีเทียนเห้าเอ่ยแผนการออกมา

ชัดเจนว่า สำหรับปัญหาการจัดการหลัวหงนี้ ความคิดเห็นของคนทั้งสามค่อนข้างตรงกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง