ซ่งฉงปิงได้ยินว่าฉีเทียนเห้าจะพาตนเองไปดูการแสดงดีๆ จึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
และต่อจากนั้น ซ่งฉงปิงก็ถูกฉีเทียนเห้าพาไปที่เรือนจำ
เห็นประตูใหญ่ของเรือนจำ ซ่งฉงปิงก็ยิ่งประหลาดใจ
"เจ้าพาข้ามาทำอะไรที่นี่?"
ฉีเทียนเห้ามองซ่งฉงปิง เพียงแค่พูดว่า : "เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง"
เมื่อกล่าวจบ ก็จับมือซ่งฉงปิงโดยตรง และเดินวางมาดเข้าไปที่เรือนจำ
บรรดาผู้คุมเห็นว่าซ่งฉงปิงกับฉีเทียนเห้ามา แน่นอนว่าก็ไม่ได้ขัดขวาง หากฉีเทียนเห้าไม่ยับยั้งด้วยสายตา พวกเขาก็คงเข้ามาต้อนรับด้วยความเคารพแล้ว
ฉีเทียนเห้าพาซ่งฉงปิงเข้าไปด้านใน ไม่นานก็ถึงด้านในสุดของเรือนจำ แซ่งฉงปิงก็ได้เห็นหลัวเจิ้งหยาง
เพียงแค่ว่า ฉีเทียนเห้าไม่ได้พาซ่งฉงปิงไปอยู่ต่อหน้าหลัวเจิ้งหยาง แต่พามายืนนิ่งๆ อยู่ในมุมมืดมุมหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้ สามารถมองเห็นหลัวเจิ้งหยางที่อยู่ตรงนั้นได้ แต่หลัวเจิ้งหยางทางด้านนั้นกลับมองไม่เห็นตรงนี้
ซ่งฉงปิงจึงรู้ว่า หลัวเจิ้งหยางน่าจะเป็นการแสดงในวันนี้
เพียงแต่ว่า หลัวเจิ้งหยางในเวลานี้กำลังขดตัวอยู่ในมุมห้อง และมองไม่เห็นท่าทีของเขาในเวลานี้ แต่กลับมองออกว่า ในขณะนี้เขาดูผิดหวังอย่างมาก
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ปรึกษาหารือในวังก่อนหน้านี้ ซ่งฉงปิงมองไปยังฉีเทียนเห้าด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หรือว่า เรื่องนั้นสำเร็จแล้ว?
แต่นี่มันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ?
ดวงตาของซ่งฉงปิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่ฉีเทียนเห้ากลับพยักหน้า ถือเป็นการยืนยันการคาดเดาของซ่งฉงปิง
และไม่นาน ทางด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังเข้ามา จากไกลมาใกล้
มีคนมาหรือ?
ซ่งฉงปิงกลั้นลมหายใจ ไม่ขยับเคลื่อนไหวอีก
ไม่นาน ก็ได้เห็นภาพเงาที่คุ้นเคย เดินมายังหน้าห้องขังหลัวเจิ้งหยางอย่างรีบร้อน
คนคนนี้ หากไม่ใช่หลัวหงยังจะเป็นใครไปได้อีก?
อาจเป็นเพราะว่าได้ยินเสียงฝีเท้า หลัวเจิ้งหยางจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างมึนงง
เมื่อเห็นหลัวหงยืนอยู่หน้าห้องขัง หลัวเจิ้งหยางก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพียงแค่มีสายตาซับซ้อน และมีความสับสนเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะโง่เขลาเพียงใด แต่ผ่านไปหลายวัน เขาก็น่าจะเข้าใจทางเลือกของท่านพ่อของตนเองแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อมีข่าวโทษประหารชีวิตของตนเองแพร่ออกมา เขายังไม่อยากจะเชื่อ และเขาก็คิดว่า ท่านพ่อจะต้องคิดหาวิธีช่วยตนเองอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ไม่มีเลย
ท่านพ่อของเขา ไม่ให้ใครมาเยี่ยมมามองตนเองด้วยซ้ำ
บวกกับคำพูดของบรรดาผู้คุมที่ได้รั่วไหลออกมา เขาจึงรู้ว่า ตนเองกลายเป็นลูกที่ถูกพ่อทอดทิ้ง
หลังจากที่ผิดหวังอย่างสุดซึ้ง เมื่อได้เห็นท่านพ่ออีกครั้ง หลัวเจิ้งหยางจึงดูสงบลงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ท่านพ่อของเขาที่ทอดทิ้งเขาไป กลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง ยังจะสามารถทำอะไร หรือว่ากล่าวอะไรอีก
เวลานี้ หลัวเจิ้งหยางคิดว่าที่หลัวหงมาที่นี่ก็เพื่ออำลาตนเท่านั้น
และการเปลี่ยนแปลงไปของหลัวเจิ้งหยางนั้น เป็นธรรมดาที่หลัวหงจะเห็นมันอยู่กับตา
เพียงแต่ว่า หลัวหงไม่ได้ร้อนใจที่จะเอ่ยปากออกมา
เมื่อเห็นบุตรชายที่ถูกทอดทิ้งอยู่ตรงหน้าตนเอง พอที่จะกล่าวได้ว่ามันมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปอยู่ในใจของเขา
หากไม่ใช่เพราะว่าได้รับข่าวอย่างกะทันหันจากข้าหลวง บางทีบุตรชายคนนี้ ชั่วชีวิตนี้เขาอาจไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว
แต่ตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือก
เขามีบุตรชายหลายคน มีทั้งหมดห้าคน
หลัวเจิ้งหยางเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวง เป็นลำดับที่สาม
กล่าวได้ว่า ด้านบนมีคนโตสองคน ด้านล่างมีคนเล็กสองคน หายไปหนึ่งคน ยังเหลืออีกสี่คน
แต่ตอนนี้ เขากับรู้สึกว่า บุตรชายคนที่สองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และคนโตก็ขาหัก
และในช่วงเวลาอันสั้น บุตรชายทั้งห้าคน สูญเสียไปแล้วสองคน......บุตรชายที่พิการ ในความเห็นของหลัวหง ก็คือไม่มีประโยชน์อันใด อย่างน้อยๆ ก็ไม่สามารถกลายเป็นทายาทของตนเองได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเหลือเพียงสองคนต่อมาเท่านั้น
แต่ว่า สองคนนั้น คนหนึ่งก็ไม่ค่อยเฉลียวฉลาด ส่วนอีกคนหนึ่งก็ยังเด็กเกินไป และไม่สามารถรับประกันได้ว่าเด็กสองคนนี้จะไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ
ฉะนั้น เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หลัวหงยังคงต้องมาที่นี่
การทอดทิ้งหลัวเจิ้งหยาง เขาเคยพิจารณามันอย่างรอบคอบแล้ว
และตอนนี้ ที่คิดอยากจะรักษาหลัวเจิ้งหยางเอาไว้ เขาก็คิดมานานมากแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถตัดสินใจทำออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมเลย
หากจะทอดทิ้งเขา เขาก็จะไม่มีบุตรชายที่ใช้ประโยชน์ได้แล้ว
ถ้าไม่ทอดทิ้งเขา เรื่องที่เขากระทำความผิด จะต้องนำตัวเขาออกมาได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ว่า จะต้องมีราคามหาศาลที่จะต้องจ่าย
เพราะเหตุนี้ เขาจะต้องพิจารณาดูว่า ราคานี้ สำหรับเขาแล้ว มันคุ้มค่าหรือไม่
เพราะว่าความคิดเช่นนี้ ดังนั้นหลัวหงจึงรู้สึกต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในใจเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเห็นแววตาของหลัวเจิ้งหยางก็ยิ่งรู้สึกยุ่งเหยิง
"ทำอะไรนะหรือ?" ผู้คุมคนหนึ่งหัวเราะ "พวกเราสองคนเห็นเจ้าแล้วรู้สึกไม่สบายใจ"
พูดจบ ก็ไม่รีรอต่อไป พวกเขาชกต่อยเตะตีหลัวเจิ้งหยางอย่างโหดเหี้ยม
ถึงแม้ว่าจะเข้าคุกมาเป็นเวลาหลายวัน แต่หลัวเจิ้งหยางกลับไปเคยได้รับความบาดเจ็บทางกายเลย
หลัวเจิ้งหยางที่เคยใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีมาก่อน จะทนต่อการชกต่อยเตะตีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เดิมที หลัวเจิ้งหยางก็สามารถต่อต้านได้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จึงไม่สามารถคว้าโอกาสไว้ได้
ในท้ายที่สุด ทั้งห้องขัง ก็ได้ยินเพียงแค่เสียงร้องโหยหวนและขอความเมตตาของหลัวเจิ้งหยางเท่านั้น
จนกระทั่งผู้คุมพึงพอใจ จึงออกไป
และก่อนหน้านี้ ซ่งฉงปิงกับฉีเทียนเห้าได้ออกจากเรือนจำไปแล้ว
ซ่งฉงปิงมองฉีเทียนเห้า "ผู้คุมสองคนนั้นเป็นคนของเจ้าหรือ?"
ฉีเทียนเห้าพยักหน้า "ใช่"
ซ่งฉงปิง : "ตอนนี้หลัวหงเตรียมจะช่วยเหลือหลัวเจิ้งหยางแล้ว เจ้าให้คนไปทุบตีเชา ไม่กลัวว่าเขาออกมาแล้วจะเจ้า้แค้นผู้คุมเหล่านั้นหรอกหรือ?"
หลัวเจิ้งหยางจะถูกปล่อยตัวออกไป นี่คือสิ่งที่นางรู้มาก่อนแล้ว
แต่ว่า ผู้คุมเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์
ฉีเทียนเห้าได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่ได้ตอบกลับซ่งฉงปิงในทันที แต่เพียงแค่มองไปยังซ่งฉงปิงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
ถูกฉีเทียนเห้าใช้แววตาเช่นนี้มองมา ซ่งฉงปิงก็พูดอะไรไม่ออก
นี่ มองนางทำไมกัน?
ใบหน้าของนางมีอะไรหรือ?
ไม่รอให้ซ่งฉงปิงได้เข้าใจ ฉีเทียนเห้าก็เอ่ยปากว่า "เขาบังอาจอยากจะได้เจ้า ข้าจะยกโทษให้เขาง่ายๆ ได้อย่างไร?"
ั
ซ่งฉงปิง : "......"
ไม่ง่ายจริงๆ เลย
เพียงแต่ว่า ผู้ชายคนนี้ผูกอาฆาตเพื่อตนเองอย่างนี้ นางก็รู้สึกดีใจ
ซ่งฉงปิงรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ และหลังจากนั้น ก็เข้าใจแล้ว
"ไม่ใช่ว่าเจ้า——"
"ใช่!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...