แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 708

เดิมที ก่อนหน้านี้เว่ยเจ๋ออิงมีคู่หมั้นแล้ว อีกทั้งยังหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กอีกด้วย

หากไม่เกินคาด เว่ยเจ๋ออิงก็น่าจะได้อยู่กับอีกฝ่ายนานแล้ว ตอนเขาอายุสิบแปดปีก็ได้แต่งงาน แต่ตอนนี้ เว่ยเจ๋ออิงอายุยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ตัวคนเดียว

เรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่เว่ยเจ๋ออิงอายุสิบเจ็ดปี และผู้หญิงคนนั้นอายุสิบสี่ปี

เว่ยเจ๋ออิงอยู่ในตระกูลเว่ย เป็นคนที่ได้รับการปกป้องดูแลมาตั้งแต่เด็ก

เพียงเพราะว่า เว่ยเจ๋ออิงคลอดก่อนกำหนด

ว่ากันว่าคลอดก่อนเจ็ดเดือนมีความเสี่ยงคลอดก่อนแปดเดือนมีโอกาสรอดยาก ซึ่งเว่ยเจ๋ออิงคือคนที่คลอดก่อนกำหนดแปดเดือน

การคลอดก่อนกำหนดทำให้เว่ยเจ๋ออิงร่างกายอ่อนแอป่วยไข้มาตั้งแต่เด็ก โดยส่วนใหญ่ก็คือเพียงแค่ลมพัดคนก็ป่วยแล้ว

และด้วยเหตุผลนี้ ในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือพี่ขายน้องชาย สำหรับเว่ยเจ๋ออิงแล้ว ต่างก็ปกป้องดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ในสายตาของคนนอก เว่ยเจ๋ออิงก็คือหม้อต้มยาจีนหม้อหนึ่ง

ในเวลานั้น คนตระกูลเว่ยไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ตนเองก็ไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่เป็นผู้หญิงของครอบครัวที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม

การหมั้นหมายของทั้งสองครอบครัวนั้น ยังได้รับการร้องของจากผู้อาวุโสในครอบครัวของฝ่ายหญิง

แต่เรื่องนี้ คู่หมั้นของเว่ยเจ๋ออิงไม่ได้รู้เรื่อง จนกระทั่ง ในวันนั้นเป็นวันเกิดของเว่ยเจ๋ออิง อีกฝ่ายพาผู้หญิงเข้ามาอวยพรวันเกิด เมื่อมาถึงบ้าน ผู้หญิงคนนั้นก็จงใจเข้าไปหาเว่ยเจ๋ออิง แล้วแสดงความไม่พอใจกับเว่ยเจ๋ออิงเรื่องการแต่งงานโดยตรง และหวังว่าเว่ยเจ๋ออิงจะถอนหมั้น

แน่นอนว่า เด็กผู้หญิงอายุสิบสี่คนหนึ่งที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่พอใจในส่วนเรื่องการแต่งงาน คำพูดที่พูดออกมาก็ไม่น่าฟังอย่างมาก

คนป่วยกระเสาะกระแสะ ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการดูถูก

เรื่องนี้ ส่งผลกระทบเลวร้ายอย่างมาก

ถึงแม้ว่าคนตระกูลเว่ยจะไม่ปล่อยให้คนในครอบครัวถูกเอาเปรียบ และถอนหมั้นกับตระกูลนั้นภายในวันนั้น และต่อจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อระหว่างสองตระกูลอีก แต่ท้ายที่สุดแล้ว คำพูดของผู้หญิงตระกูลนั้น ก็ทำร้ายเว่ยเจ๋ออิง

และนับตั้งแต่นั้นมา เว่ยเจ๋ออิงก็เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ ทุกวันเริ่มฝึกดาบตั้งแต่ไก่ขัน จนลืมกินลืมนอน

เริ่มแรก คนตระกูลเว่ยก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรการเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ถึงแม้จะทำให้ร่างกายของเว่ยเจ๋ออิงรับไม่ไหวอยู่หลายครั้ง แต่ตามเวลาที่ผ่านไป คนตระกูลเว่ยก็พบว่าร่างกายของเว่ยเจ๋ออิงแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก จึงไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายมากนัก

อีกอย่าง เรื่องการแต่งงาน คนตระกูลเว่ยค่อนข้างสบายๆ มาแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่ลูกชอบ ก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงมากนัก

เห็นได้ว่าบัดนี้เว่ยเจ๋อฉาวยังไม่ได้แต่งงาน และเพิ่งจะคบหากับอวี้หนิง

ฉะนั้น ในตระกูลเว่ย ที่เว่ยเจ๋ออิงหมั้นหมายตั้งแต่เด็ก ก็ถือเป็นข้อยกเว้นของตระกูลเว่ย

ถึงอย่างไร ร่างกายของเว่ยเจ๋ออิงก็ค่อนข้างแย่ ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ก็ยากที่จะได้รู้จักผู้หญิงคนอื่น

แต่ไม่เคยคาดคิดว่า จะเป็นการกระทำที่ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม

หลังจากนั้น คนตระกูลเว่ยก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเรื่องการแต่งงานของเว่ยเจ๋ออิงอีกเลย

ประการแรกคือ เกรงว่าเอ่ยขึ้นมาแล้ว เว่ยเจ๋ออิงจะเสียใจ

ประการที่สองคือ อยากจะดูว่าเว่ยเจ๋ออิงจะสามารถหาคู่ได้เองหรือไม่

แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนตระกูลเว่ยก็พบว่า เว่ยเจ๋ออิงคล้ายกับไม่มีความสนใจต่อผู้หญิง ต่อมาก็แอบไปอยู่ค่ายทหาร

ถึงแม้คนตระกูลเว่ยจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังมีเว่ยเจ๋อฉาวผู้มีฝีมือสูงเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ไม่มีใครสักคนที่จะเดินบนเส้นทางทหาร แต่เว่ยเจ๋ออิงผู้ที่ป่วยไข้ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก บัดนี้ยังมีความดีความชอบ และยังเป็นนายพลลำดับห้าในกองทัพอีกด้วย

จุดจุดนี้ ทำให้คนรู้สึกเกินความคาดหมายจริงๆ

แต่เรื่องการแต่งงานของเว่ยเจ๋ออิง ทำให้คนตระกูลเว่ยรู้สึกกังวลใจ

ถ้าหากเป็นคนอื่นๆ ในตระกูลเว่ย จะแต่งงานช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสตระกูลเว่ยล้วนไม่ใช่คนที่จะไปบีบบังคับให้แต่งงาน

แต่เว่ยเจ๋ออิงไม่เหมือนกัน

คนตระกูลเว่ยเป็นกังวลว่า เว่ยเจ๋ออิงจะกีดกันผู้หญิง และจะหัวเดียวกระเทียมลีบไปชั่วชีวิต

ใช่แล้ว คนตระกูลเว่ยไม่ได้คิดถึงการมีบุตรสืบสกุลอะไร

มีหลานชายคนอื่นๆ แล้ว ตระกูลเว่ยก็ถือว่ามีคนสืบสกุลแล้ว

แต่ที่คนตระกูลเว่ยเป็นกังวล คือเว่ยเจ๋ออิงไม่มีคนรู้ใจเคียงข้างไปจนเจ้า่เฒ่า

นี่ก็คือปัญหาที่ฉวี่ซื่อเป็นกังวลอยู่ขณะนี้

"ปิงเอ๋อร์ พี่สามของเจ้าตั้งแต่เด็กไม่เคยทำให้ใครเบาใจเลย บัดนี้ก็อายุยี่สิบห้าปีแล้ว ข้าอยากให้เขากลับมาครั้งนี้แล้วไปหาคู่ แต่ก็เกรงว่าเขาจะกีดกัน เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ควรจะทำอย่างไรดี?"

มองหาคู่ นี่คือสิ่งที่ไม่ได้พบบ่อยในตระกูลเว่ย กระทั่งพูดก็ไม่มี

แต่นี่ไม่ใช่คนของเว่ยเจ๋ออิงหรือ?

หลังจากได้ฟังฉวี่ซื่อบรรยายเหตุผล นอกจากซ่งฉงปิงจะรู้สึกว่าคู่หมั้นคนก่อนนั้นของพี่สามของตนเองนั้นตาบอดแล้ว ก็ยังรู้สึกดีใจที่พี่สามของตนเองโชคดีอีกด้วย

รู้ว่าไม่ใช่คู่กันก่อนแต่งงาน ก็ดีกว่าจะต้องเป็นศัตรูกันหลังแต่งงาน

ซ่งฉงปิงเข้าข้าง ฉะนั้นซ่งฉงปิงจึงมองว่า ท่านพี่ของตนเองคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุด

กล่าวได้ว่า ตนนี้มีหลายสิบตระกูลมาฝากฝังเอาไว้ หลังจากตระกูลเว่ยทำความเข้าใจพื้นฐานแล้ว จึงได้ทิ้งข้อมูลของแม่นางทั้งสิบคนเอาไว้

ถึงเวลาที่เว่ยเจ๋ออิงจะต้องนัดดูตัวจริงๆ แม่นางเหล่านี้หนึ่งวันจะเข้าไปในช่วงเวลาที่ต่างกัน และเว่ยเจ๋ออิงกับซ่งฉงปิงจะสื่อสารผ่านผ้าม่านที่กั้นไว้ ฉะนั้นอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่เห็นซ่งฉงปิงอย่างแน่นอน และไม่สามารถทราบได้ว่าด้านในมีซ่งฉงปิงอยู่ด้วย

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนั้น จึงคิดๆ ดู เพื่อพิจารณาและกล่าวว่า "เมื่อถึงเวลานั้นค่อยดูว่าพี่สามมีความคิดเห็นอย่างไร ถ้าหากพี่สามไม่คัดค้าน ข้าจึงจะไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร"

หลังจากพูดคำพูดนี้จบ หัวข้อสนทนานี้ก็ไม่ได้พูดคุยกันต่ออีก

ไม่นาน เว่ยเจ๋ออิงก็กลับมา

เมื่อเห็นซ่งฉงปิง ใบหน้าของเว่ยเจ๋อฉีก็มีความสุข อย่างไรเสียหากไม่มีซ่งฉงปิง อาจจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะมีปัจจุบันนี้กับจีเหวินจุนได้

ต่อจากนั้น หลังจากที่ซ่งฉงปิงรับประทานอาหารเย็นร่วมกับตระกูลเว่ยแล้ว จึงนั่งรถม้ากลับไปที่จวนองค์หญิงใหญ่

เพียงแต่ว่า เพิ่งจะเข้าไปถึงประตูใหญ่ของจวนองค์หญิงใหญ่ ก็ถูกคนดึงเข้าไปไว้ในอ้อมกอด

คนคนนี้เป็นใคร ไม่ต้องมองซ่งฉงปิงก็รู้ ว่าเป็นฉีเทียนเห้าอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม ฉีเทียนเห้าไม่เคยทำเช่นนี้ที่หน้าประตู

โดยจิตใต้สำนึก ซ่งฉงปิงจึงมองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีคนรับใช้เดินผ่านไปมาหรือไม่

ถึงอย่างไรการโอบกอดกันต่อหน้าสาธารณชน ยังทำให้คนหน้าอายเล็กน้อย

"วางใจเถอะ หากมีคนเดินผ่านไปมา ก็ไม่กล้ามองเราสองคนหรอก" ฉีเทียนเห้ากล่าว ทันทีหลังจากนั้นยังกล่าวเสริมอีกว่า "ใครมอง ก็ควักลูกตาออกเสีย"

ซ่งฉงปิง : "......เจ้ามีธุระอะไรหรือ?"

ไม่ได้กล่าวอะไรมากกับฉีเทียนเห้า ซ่งฉงปิงเอ่ยถามโดยตรง

อย่างไรเสีย หากฉีเทียนเห้าไม่มีธุระอันใด ก็จะไม่สามารถรอตนเองอยู่ที่นี่ได้

ฉีเทียนเห้าได้ยินเช่นนั้น จึงยิ้มและกล่าวว่า "เจ้าเป็นเหมือนพยาธิที่อยู่ในใจของข้าจริงๆ"

ซ่งฉงปิง : "......ใครอยากจะเป็นของอย่างนั้นล่ะ"

พูดจบ ก็หันกลับมา และเมื่อเห็นว่าฉีเทียนเห้ายังต้องการพูดไร้สาระอีก จึงรีบถลึงตาใส่ฉีเทียนเห้า และกล่าวว่า "มีธุระอะไรก็พูดมา"

ฉีเทียนเห้าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอ่อน "ข้าปิดบังเจ้าไม่ได้จริงๆ"

พูดจบ ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย "จะพาเจ้าไปดูการแสดงดีๆ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง