“ถ้าไม่อยากตาย ทางที่ดีที่สุดหลายวันนี้เจ้าอย่าแสดงความผิดปกติออกมา” คนขายของ น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
พูดไป ก็โยนถุงเงินในมือไปด้านข้าง “นี่คือเงินที่ขายสินค้าของเจ้าในวันนี้ ข้างในยังมือค่าตอบแทนที่ยืมใช้ฐานะเจ้า เรื่องในวันนี้ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าบอกใคร รวมถึงภรรยาของเจ้าด้วย มิเช่นนั้นก็รอภัยพิบัติได้เลย”
หลังจากพูดประโยคนี้จบอย่างเรียบเฉย “คนขายของ” ก็แก้มัดให้กับคนขายของ หมุนตัว ถอดเสื้อของคนขายของออก เหลือเพียงเงาด้านหลังในชุดดำออกไปจากหน้าจากให้กับคนขายของ
ไม่นาน “คนขายของ” ก่อนหน้านี้ก็มาถึงจวนอ๋องเซ่อเจิ้ง
แน่นอน เขาในตอนนี้ ไม่ใช่ใบหน้าคนขายของนั้นแล้ว
ส่วนคนที่ปลอมตัวเป็นคนขายของคนนี้ ไม่ใช่คนอื่น คืออั้นจิ่ว
อั้นจิ่วคนนี้ ถนัดเรื่องแปลงโฉมที่สุด
เขาแปลงโฉม ยังไม่ใช่แค่การแปลงโฉมเท่านั้น แต่สามารถเลียนแบบพฤติกรรมทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างคล้ายคลึงมาก ถือว่าเป็นลูกน้องคนเก่งที่หาได้ยากของฉีเทียนเห้าเลย
ฉีเทียนเห้ารออยู่ตรงนั้นนานแล้ว รออั้นจิ่วเข้ามา ถึงแม้ว่าใบหน้าจะสงบดูอารมณ์อะไรไม่ออก แต่ว่าสายตากลับอยู่บนตัวของอั้นจิ่วเป็นอันดับแรก
อั่นจิ่วคุกเข่าลง พูดว่า “ข้าน้อยเห็นพระชายาแล้ว”
สืบค้นลับมาทั้งคืน พวกเขาพบหมู่บ้านตรงเชิงเขาที่ดูเหมือนปกติ แต่ไม่ปกตินั้น
เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ฉะนั้นถึงให้อั้นจิ่วเข้าไปสืบดูสถานการณ์
พอฟังว่าซ่งฉงปิงอยู่ตรงนั้นจริง ฉีเทียนเห้าอดกลั้นอาการชั่ววูบที่จะให้คนไปช่วยซ่งฉงปิงกลับมาทันที ถามว่า “ได้พูดกับนางหรือไม่?”
อั้นจิ่วพยักหน้า เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฉีเทียนเห้าฟังอย่างง่ายๆ
ฉีเทียนเห้าได้ยิน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นางบอก ไปค้นหาในภูเขาดูก็จะสมหวัง?” ฉีเทียนเห้ามองอั้นจิ่วแล้วถาม
อั้นจิ่วได้ยิน พยักหน้า “พระชายาพูดเช่นนี้”
เมื่อฉีเทียนเห้าได้คำตอบที่เชื่อมั่นแล้ว ก็ออกคำสั่งอย่างไม่มีความลังเลใดๆ “ส่งคนไปสืบค้นอย่างลับๆบนเขานั้น เวลาเดียวกันก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของหมู่บ้านนั้น จำไว้ ความปลอดภัยของพระชายาเป็นหลัก”
อั้นจิ่วรับคำสั่งออกไป
ส่วนฉีเทียนเห้าก็ไปจัดการอย่างอื่นแล้ว
ส่วนวันรุ่งขึ้น ทางด้านเป่ยอันส่งข่าวมา บอกว่า ให้เวลาสามวันสุดท้าย หากไม่ยอมมอบดินแดนคูเมือง คนในครอบครัวของขุนนางเหล่านั้นก็จะเหลือแค่วิญญาณ
พอข่าวนี้ออกไป เหล่าขุนนางร้อนรนแล้ว ก็คือเฉิงเซี่ยงใหม่เป้ยเจิ้งชิงสีหน้าก็หม่นหมองหลายวันแล้ว คิ้วขมวดกันจนจะผูกเข้าหากันแล้ว
“ฝ่าบาท.......ถึงแม้ว่าการมอบดินแดนคูเมืองไม่สมควรอย่างมาก แต่........ต้าชิ่งในตอนนี้คือปีที่มีเรื่องมาก ข้าน้อยคิดว่า ไม่ควรขืนสู้”
ขุนนางที่พูดประโยคนี้ คืนขุนนางบุ๋นระดับสาม ครั้งนี้ลูกสาวสุดที่รักของเขาก็อยู่ในรายชื่อญาติขุนนางที่ถูกจับ
“ข้าน้อยเห็นด้วย ข้าน้อยคิดว่า วันนี้ถึงแม้ว่าต้าชิ่งจะมอบดินแดนคูเมืองออกไป รอบ้านเมืองสงบ ปีหน้าพวกเราต้าชิ่งก็ไม่กลัวที่จะเอาคูเมืองกลับมา” คนที่พูดประโยคนี้ คือขุนนางระดับสอง ภรรยาของเขาถูกจับตัวไป
“.......”
ทันใดนั้น ในท้องพระโรง ต่างก็พูดถึงแต่ “โชคร้าย”ทั้งนั้น
ส่วนคนที่พูดแต่ความโชคร้ายนั้น แทบจะเป็นคนที่คนในครอบครัวถูกจับไปทั้งหมด หรือเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์กับคนที่ถูกจับตัวไป
มีเพียง เฉิงเซี่ยงใหม่เป้ยเจิ้งชิงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรเลย
ส่วนฝ่าบาทซ่งหยุนดาอยู่ที่สูง ตอนนี้ไม่ได้แสดงออกอะไร แค่นั่งอยู่ตรงนั้น ฟังพวกเขาเหล่านี้โต้เถียงกัน บนหน้าไร้อารมณ์
เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่สับสนอลหม่านแล้ว
นี่ฝ่าบาทไม่แสดงออกเลยคือหมายความว่าอย่างไร?
ทุกคนต่างก็มองไปที่เฉิงเซี่ยงใหม่เป้ยเจิ้งชิง
ถึงแม้ว่า เป้ยเจิ้งชิงยังอายุน้อย แต่ว่าหลายวันนี้มา ทุกคนถือว่าได้เห็นฝีมือของเขาแล้ว
หรือว่า วินาทีนี้ ในใจของพวกเขา บางทีเป้ยเจิ้งชิงยอมออกเสียง เรื่องก็คงสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว
แต่เป้ยเจิ้งชิงกลับยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ทำให้ทุกคนต่างก็อดกังวลในใจต่างๆนานาไม่ได้
จากนั้น ท้องพระโรงที่เสียงดัง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เงียบลงอย่างกะทันหัน ทั้งท้องพระโรง เงียบสงบไร้เสียง
ขุนนางคนนี้ เป็นขุนนางบุ๋นระดับสองคนหนึ่ง
พูดไปแล้ว สมัยฝ่าบาทหย่งเฉิง เขาถือว่าถูกให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย
หลังจากฝ่าบาทองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่มีผลงานความดีความชอบมากนัก อำนาจในมืออยู่ในสถานะที่ถูกยืดไปเกือบหมดแล้ว สำหรับฝ่าบาทหย่งคังถึงแม้จะมีความไม่พอใจ แต่ก็กลับซ่อนไว้ในใจเท่านั้น สถานะในตอนนี้ เกรงว่าก็คือรักษาตำแหน่งขุนนางของตัวเองไว้
แต่ใครจะรู้ แม่ที่บ้านของเขา กลับถูกจับตัวไปพร้อมกับลูกสาวที่บ้าน
ก็แค่ยกคูเมืองไม่กี่แห่งเท่านั้น รอต้าชิ่งผ่านเรื่องไม่ดีมากมายเหล่านี้ไปก่อนค่อยเอากลับมาก็พอแล้วมิใช่หรือ?
ทำไมฝ่าบาทถึงไม่ยอม? แต่กลับจะปะทะกับเป่ยอัน?
นี่จะไม่ห่วงความปลอดภัยของญาติของเหล่าขุนนางแล้วจริงหรือ?
ยิ่งคิด ใบหน้าของขุนนางคนนี้ก็ยิ่งโมโห
อย่างไรเสีย กลับเปลี่ยนเป็นฝ่าบาทหย่งเฉิง เรื่องนี้ก็ไม่ล่าช้ามานานหลายวันแบบนี้ คนในบ้านเหล่านั้น ก็ไม่ถึงขั้นถูกจับไม่รู้เป็นหรือตาย
เพียงแค่ ตอนที่ขุนนางคนนี้กำลังโทษฝ่าบาทในใจ กลับมองไม่เห็น สายตาอันเย็นชาของซ่งหยุนดา ขณะนี้กำลังจ้องเขาอยู่
ส่วนคนอื่นๆ เสมือนสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ไม่ปกติของฝ่าบาท ออกห่างจากขุนนางคนนี้หลายก้าวอย่างสัญชาตญาณ
แต่ว่า เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
“เจ้าให้ข้าคิดรอบคอบ คิดรอบคอบอะไร?” ซ่งหยุนดาถาม น้ำเสียงเรียบเฉย
ขุนนางคนนั้นไม่ได้คิดเลย พูดว่า “แน่นอนว่าเรื่องยกดินแดนให้เป่ยอัน”
คำพูดนี้ พูดได้อย่างสมเหตุสมผล
ซ่งหยุนดาโมโหเกือบหัวเราะออกมา
“ข้ายังไม่รู้ ว่าในท้องพระโรงของข้านี้ กลับมีคนขายชาติอย่างเจ้าเช่นนี้” เสียงของซ่งหยุนดา เสมือนมีคลื่นพายุอยู่ด้วย
ส่วนขุนนางคนนั้น ตอนนี้ถึงเรียกสติคืนมาได้ มองดูสายตาเย็นชาโกรธเคืองของฝ่าบาท ขุนนางรู้สึกเพียงขนหัวลุก ตะโกนในใจ จบแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...