หลัวหงในตอนนี้กล่าวได้ว่าหมดหวังอย่างสิ้นเขิง
เพราะคนที่เดินออกมาจากข้างหลังของทหารเหล่านั้น ก็คือฉีเทียนเห้าที่ใส่ชุดสีดำ
ฉีเทียนเห้าเดินมาถึงหน้าฝูงชน ไม่ได้มองหลัวหงแม้แต่ตาหนึ่ง แต่กลับเดินตรงไปทางซ่งฉงปิง ตอนนี้ในสายตาของฉีเทียนเห้า นอกจากซ่งฉงปิงแล้ว ไม่มีใครทั้งสิ้น
ไม่มีใครรู้ว่า หลังจากปล่อยให้ซ่งฉงปิงเข้าเมืองตามคนของหลัวหงแล้ว เขากังวลมากขนาดไหน
หลังจากจัดการกองทัพที่อยู่นอกเมืองของหลัวหงเสร็จแล้ว เขาก็รีบมา กลัวถ้ามาช้าปิงเอ๋อร์ของเขาจะเกิดอุบัติเหตุอะไร
องครักษ์ที่ล้อมรอบซ่งฉงปิงอยู่นั้น พอได้เห็นฉีเทียนเห้าที่เข้าใกล้เรื่อยๆ ก็เกิดความหวาดกลัวและตื่นเต้น
เพราะตอนนี้ อำนาจที่แพร่ออกมาจากร่างกายของฉีเทียนเห้านั้น ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
และชื่อเสียงของอ๋องเซ่อเจิ้ง พวกเขาก็เคยได้ยินมาก่อน
แต่เจ้านายของพวกเขาคืออู่หมิงโหว โหวเย๋ไม่ได้สั่ง พวกเขาไม่กล้าถอย ทันใดนั้น ก็เกิดความสับสนขึ้นมา
ตอนที่คนเหล่านี้กำลังลังเลอยู่ ฉีเทียนเห้าก็เดินไปถึงหน้าพวกเขา
"ไสหัวออกไป"
ฉีเทียนเห้าพูดด้วยเสียงเย็นชา ร่างกายเต็มไปด้วยความอาฆาต ทำให้คนรู้สึกเกิดความหนาวเย็นทั่วร่างกาย
องครักษ์ธรรมดาที่เกิดความหวาดกลัวนั้น ล้มลงกับพื้นโดยตรง สามารถเห็นถึงความน่าเกรงขามของเขา
องครักษ์มืดหลายคนเห็นเช่นนี้ มองหน้าเข้าหากัน จากนั้นพยายามทำใจให้ได้ แล้วโจมตีไปทางฉีเทียนเห้าพร้อมกัน
เสียดายที่ การกระทำของพวกเขาเป็นเพียงเอาไข่ไปกระทบหิน
ฉีเทียนเห้าไม่ได้ขยับอะไรเลย ทุกคนเห็นแต่เขายกมือขึ้น จากนั้นองครักษ์มืดหลายคนนั้นก็ถูกโยนออกไปราวกับเส้นโค้ง แล้วตกลงพื้นอย่างแรง ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ซ่งฉงปิงมองฉีเทียนเห้า สายตามีความนับถืออยู่
กำลังภายในของเทียนเห้าเหมือนลึกซึ้งกว่าเมื่อก่อน
ส่วนองครักษ์ที่ธรรมดาคนอื่นๅ หลังจากที่องครักษ์มืดเหล่านั้นโดนโยนจนกระเด็นออกไป พวกเขาก็ไม่กล้าขวางทางของฉีเทียนเห้าอีก ยิ่งไม่กล้าล้อมรอบซ่งฉงปิงอีกเลย ต่างถอยลงไป แล้วคุกเข่าพร้อมกัน
พอจัดการอุปสรรคเสร็จ ฉีเทียนเห้าก็มาถึงต่อหน้าของซ่งฉงปิง
วินาทีก่อนเขายังเย็นชาต่อคนอื่น ทำตัวเหมือนยมราชที่มาจากนรก แต่ตอนนี้กลายเป็นผู้ชายที่อบอุ่นแล้ว สายตาที่มองซ่งฉงปิงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
โดยเฉพาะตอนที่เห็นว่าสายตาของซ่งฉงปิงมีความนับถืออยู่ด้วย ฉีเทียนเห้าก็เกือบจะยับยั้งความรู้สึกไม่อยู่ อยากจะซ่อนนางขึ้นมาและจูบนางสักหน่อย
ถึงแม้ไม่สามารถจูบได้ แต่ฉีเทียนเห้าก็ยังคงกอดซ่งฉงปิงเข้าอก และถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง"เป็นไรหรือเปล่า?"
ซ่งฉงปิงส่ายหน้า"ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร"
ซ่งฉงปิงจะไม่พูดหรอกว่าตอนที่ตัวเองวิ่งออกมาจากจวนโหว รู้สึกปวดท้องเล็กน้อย ไม่อย่างงั้นถึงเวลานั้นนางจะถูกปกป้องอย่างดีอีกครั้งหนึ่ง
ยังไงตัวเองก็เป็นหมอ ได้จับชีพจรให้ตัวเองแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ดังนั้นถึงแม้โกหกซ่งฉงปิงก็โกหกแบบไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย
แต่ฉีเทียนเห้าไม่ได้เชื่อหมด มองสังเกตซ่งฉงปิง หลังจากยืนยันว่าซ่งฉงปิงไม่ได้รับบาดเจ็บ และสีหน้าก็ยังใช้ได้ ถึงโล่งใจลง
"จับตัวคนพวกหลัวหงที่ก่อกบฏ"
ตอนที่ฉีเทียนเห้าเงยหน้าขึ้นมา ก็กลับมาเป็นความเย็นชาเหมือนเดิม และสั่งลูกน้องข้างใต้
เพิ่งพูดออกมา หลัวหงที่กำลังกลัวอยู่นั้นก็ถูกจับได้
จากนั้นก็มีทหารวิ่งเข้าไปในจวนอู่หมิงโหว
ในช่วงเวลานี้ ฉีเทียนเห้ายังสั่งให้คนไปเอาเก้าอี้จากจวนโหวออกมา
เพราะปิงเอ๋อร์ของเขายืนอยู่ที่นี่นานแล้ว ก็คงเหนื่อยแล้ว ต่อมายังมีเรื่องหลายๆอย่างอีก นั่งดูดีกว่า
และข้างๆของเงินทองเหล่านี้ยังมีสมุดบัญชีที่หนาๆเล่มหนึ่ง ข้างในก็ระบุอย่างชัดเจนว่า ก้อนเงินและเงินทองแดงเหล่านี้ล้วนเป็นภาษีที่หลัวหงเก็บมาจากประชาชนในหลายเดือนนี้
ฉีเทียนเห้าเพียงมองสมุดบัญชีทีหนึ่งเท่านั้น ก็ยื่นให้ซ่งฉงปิงที่อยู่ในอ้อมอก"เงินเหล่านี้เจ้าเตรียมจะจัดการอย่างไร?"
ไม่ใช่ว่าฉีเทียนเห้าจัดการไม่ได้ แต่สำหรับฉีเทียนเห้า หลังจากที่ภรรยาของตัวเองเข้าเมืองแล้วได้รับคำด่ามากมาย ทำให้เขาไม่พอใจยิ่งนัก ไม่ค่อยอยากจะสนใจชีวิตของชาวบ้านโง่เหล่านี้
แน่นอนว่า จะปล่อยไปอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ ใครว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นพ่อตาของตัวเองล่ะ?
ให้ปิงเอ๋อร์ไปจัดการนังดีกว่าให้เขาจัดการ
ไม่เพียงแต่ปิงเอ๋อร์สามารถจัดการเงินก้อนนี้ได้อย่างดี ยังเป็นเพราะว่าฉีเทียนเห้าคิดไว้ตั้งนานแล้ว จะใช้เงินนี้ช่วยภรรยาเอาหน้าคืนมาให้ได้ ให้ชาวบ้านโง่ๆพวกนั้นรู้ว่า ตอนแรกที่พวกเขาด่าว่าภรรยาของเขามันไร้สาระขนาดไหน
การทำให้หน้าแตกก็เป็นเช่นนี้แหละ
ซ่งฉงปิงรู้อยู่แล้วว่าฉีเทียนเห้าจะใช้นามของตัวเองในการจัดการ ก็ไม่ได้ถ่อนตัว แต่กลับพูดตรงๆว่า"จัดการสักหน่อย เงินเหล่านี้มาจากไหนก็เอาไปที่ไหนเลย"
เดิมทีประชาชนในเมืองหลีล้วนลำบากมากแล้ว ถ้าไม่คืนเงินเหล่านี้ให้ กลัวว่าประชาชนเหล่านี้ยังจะเกิดปัญหาใหม่
ดังนั้นที่ไปที่ดีที่สุดของเงินเหล่านี้ก็คือ เอามาจากประชาชนก็ส่งคืนให้ประชาชน
พอซ่งฉงปิงพูดเช่นนี้ออกมา เหล่าประชาชนก็ล้วนร้องไชโยขึ้นมา
หลังจากร้องไชโยเสร็จ พวกเขาก็รู้สึกอับอาย เพราะนึกถึงตอนที่องค์หญิงใหญ่เข้าเมือง พวกเขามีการประพฤติที่ไม่ดีต่อองค์หญิงใหญ่
"ทรงพระเจริญองค์หญิงใหญ่ พันปี พันๆปี!"
ไม่ทราบว่าใครนำหน้าก่อน จากนั้นเหล่าประชาชนก็เหมือนนัดกันคุกเข่าพร้อมกัน ร้องว่า'ทรงพระเจริญองค์หญิงใหญ่ พันปี พันๆปี'
ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังสู่ท้องฟ้า
และในเวลานี้ ทหารก็ได้เอาหลักฐานมาอีกหนึ่งอย่างที่สามารถทำให้หลัวหงโทษถึงขั้นประหารชีวิต......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...