การเปลี่ยนถ่ายเลือด จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ยังตัดสินชี้ขาดไม่ได้
หลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น ซ่งฉงปิงก็ใช้ยาขี้ผึ้งทาบาดแผลของเยหลินเอาไว้
เดิมทีเป็นบาดแผลขนาดเล็ก หลังจากทายาขี้ผึ้งแล้ว จะฟื้นฟูเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น ซางฉงปิงก็ได้ป้อนน้ำแร่วิญญาณให้แก่เยหลิน ทำให้เยหลินฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น
ฉะนั้น เมื่อรอเยโม่กลับมา เยหลินก็เริ่มลุกขึ้นยืนและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้แล้ว บนใบหน้าไม่มีอาการอ่อนแรงแม้แต่น้อย ทำให้คนมองไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้นี้เขาเพิ่งผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายเลือดมา
เยโม่มองเยหลิน ด้วยใบหน้าเป็นห่วงเป็นใย : "เจ้าดีขึ้นแล้วเหรอ?"
แววตาของเยหลินมองเยโม่ด้วยความซับซ้อน และส่ายหัวทันที
เยโม่กำลังรู้สึกหดหู่ ก็ได้ยินเยหลินกล่าวว่า "ไม่รู้"
เยโม่ : "......" อะไรที่เรียกว่าไม่รู้?
ในชั่วพริบตานั้น เยโม่นึกไม่ออกเลยจริงๆ
แต่ว่าไม่นาน เยโม่ก็ตอบสนองกลับมา
ใช่สิ เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ จะรู้ได้อย่างไรว่าดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น?
"มิเช่นนั้น เจ้าออกไปดูที่หนานเจียงสักหน่อยไหม?" หากออกไปที่หนานเจียงแล้วรู้สึกสบายดี ก็แสดงว่าดีขึ้นแล้วกระมัง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อความคิดที่ไม่เข้าท่าของเยโม่ออกมา ก็ได้รับการมองค้อนจากทุกคน
"ดีไม่ดี ถูกชกสักทีก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?" ฉีเทียนเห้ากล่าวอย่างเย็นชา "ข้าทำแทนได้นะ ว่าอย่างไรล่ะ?"
เยโม่ : "......"
เยหลิน : "......"
ท้ายที่สุดแล้ว ยังต้องเลือกการชกต่อยเพื่อเป็นการพิสูจน์
แน่นอนว่า ไม่ฉีเทียนเห้าเป็นคนชก แต่เป็นเยโม่ที่ลงมือด้วยตนเอง
อย่างไรเสีย หมัดของฉีเทียนเห้าไม่เบาเลย ใครจะเชื่อว่าเขาจะไม่แก้แค้นเป็นการส่วนตัว?
เยโม่มองออกอย่างชัดเจน ฉีเทียนเห้าป็นคนจิตใจคับแคบ
แต่เมื่อชกเบาๆ เข้าไปที่เยหลินหนึ่งที คนทั้งคนเห็นได้ชัดว่ากระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
เนื่องจาก หมัดครั้งก่อนเรียกได้ว่าทำให้เขาเจ็บปวดจนเกือบตาย แต่เยหลินที่ถูกชกในตอนนี้ กลับเจ็บปวดเล็กน้อย
ส่วนเยหลินพูดได้ว่า ความเจ็บปวดนี้ เหมือนแค่คันๆ จั๊กจี้ๆ ก็มิปาน
สำหรับผลลัพธ์นี้ เยหลินพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เยโม่กลับเป็นกังวลว่าเยหลินจะออกไปหนานเจียงได้หรือไม่
เพราะว่า อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเยหลินหรือเยโม่ พวกเขาล้วนอยากออกไปข้างนอกเป็นอย่างมาก
แต่ว่า เยโม่ทำไม่ได้ เขามีความรับผิดชอบของเขา
ฉะนั้น เยโม่จึงหวังว่าเยหลินจะสามารถออกไปได้
และในวันนี้ ข่าวการจับกุมหัวหน้าเผ่าเหมียว เป็นที่ทราบกันของประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป
บางคนก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าหัวหน้าเผ่าเหมียวทำผิดกฎหมาย
แต่ว่า ภาพลักษณ์หัวหน้าเผ่าเหมียวในใจของปุถุชน เดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโค่นล้มทั้งหมดเพราะเรื่องเพียงครั้งเดียว
หลายคนกลับคิดว่า ที่หัวหน้าเผ่าเหมียวกระทำเรื่องในครั้งนี้ออกมา นั่นเป็นเพราะกษัตริย์ที่ทำบางสิ่งบางอย่างที่มากเกินไปจนหัวหน้าเผ่าเหมียวรู้สึกร้อนรนใจ
กระทั่ง วันรุ่งขึ้น ที่หน้าประตูพระราชวังหนานเจียง มีประชาชนหลายคนสมัครใจมาร้องขอชีวิตแทน
เหตุผลนี้เป็นเพราะว่า หัวหน้าเผ่าเหมียวในสายตาของปุถุชน เป็นคนมีคุณธรรมและบารมีสูงส่งคนหนึ่ง
อาจกล่าวได้ว่า หนานเจียงมีวันนี้ได้ ก็หนีไม่พ้นหัวหน้าเผ่าเหมียว บรรดาประชาชนต่างรักใคร่เทิดทูนเขาเป็นธรรมดา
สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว เยโม่ไม่ได้เกินความคาดหมายเลย
ชนเผ่าม้งและชนเผ่าอู อยู่ในหนานเจียงก็รักษาสมดุลเสมอมา และประคับประคองกันและกันเสมอมา
กล่าวได้ว่า นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและลึกซึ้ง ที่ร่วมรักษาความเจริญรุ่งเรืองของหนานเจียงมาด้วยกัน
หากไม่ใช่เช่นนี้ ก็ไม่สามารถสืบทอบัลลังก์กษัตริย์หนานเจียงมาได้ และทั้งสองเผ่าก็มีความสามารถในการเป็นผู้นำด้วย
แต่เช้าตรู่ เยโม่สวมชุดกษัตริย์ของเขา ยืนอยู่บนหอประตูเมืองด้านหน้าพระราชวัง
เมื่อมองไปที่ประชาชนที่อยู่ด้านล่าง เยโม่จึงกล่าวขึ้นว่า "วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูด ได้โปรดทุกท่านรออีกครึ่งชั่วยาม"
เมื่อกษัตริย์แห่งหนานเจียงเอ่ยปากพูด บรรดาประชาชนจะต้องเชื่อฟังเป็นธรรมดา
เพียงแต่ว่า การสนทนาทางด้านล่างไม่ได้หยุดลงเลย
พวกเขาอยากรู้อย่างมากว่ากษัตริย์แห่งหนานเจียงจะพูดอะไร
หลังจากที่กษัตริย์แห่งหนานเจียงกล่าวประโยคนี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย อีกทั้ง เขาไม่เคยออกไปจากหอประตูเมืองด้วย
ที่ด้านบนนั้น ใช้ตัวอักษรหนานเจียงของพวกเขาเขียนเป็นจำนวนมาก
ตัวอักษรหนานเจียง อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะจำได้
ดังนั้น ผู้รู้หนังสือจึงอ่านให้ผู้ไม่รู้หนังสืออ่าน
"สิ่งที่หัวหน้าเผ่าเหมียวทำในช่วงห้าปีมานี้ เป็นการกระทำผิดอย่างมากมายจนบันทึกไว้ไม่ไหว ในปีที่สามสิบห้าของอ๋องหนานหนิง ก็เลี้ยงกู่จนเกิดภัยพิบัติ ทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างกว้างขวาง ส่วนในปีที่สามสิบเจ็ดของอ๋องหนานหนิง ก็สมรู้ร่วมคิดกับแคว้นซีหรง เป่ยอัน ส่วนในปีที่สามสิบแปดของอ๋องหนานหนิง ได้แทรกแซงข้อพิพาทระหว่างต้าชิ่งกับแคว้นอื่น และในปีที่สามสิบแปดของอ๋องหนานหนิงนั้น ได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสชนเผ่าอู เพื่อสังหารอ๋องหนานหนิง——"
อ๋องหนานหนิง เป็นสมญาณามของกษัตริย์แห่งหนานเจียง
และในปีที่สามสิบห้าของอ๋องหนานหนิง ก็คือเมื่อสี่ปีก่อน หนานเจียงเคยเกิดภัยพิบัติพิษกู่ขึ้น แม้แต่เมืองหลวง ประชาชนได้ล้มตายไปไม่น้อย
ในปีที่สามสิบแปดของอ๋องหนานหนิง กษัตริย์แห่งหนานเจียงองค์ก่อนได้สวรรคตไป ระหว่างหนานเจียงกับต้าชิ่งตึงเครียดเป็นอย่างมาก เกือบจะปะทุขึ้นมา
ปีที่สามสิบแปดของอ๋องหนานหนิง ก็คือปีที่แล้วนี่เอง
และต่อมา ก็ได้มีการจาระไนการกระทำความผิดมากมายของหัวหน้าเผ่าเหมียว
การกระทำผิดเหล่านี้ แทบจะรวมทั้งหมดภายในระยะเวลาห้าปีนี้
บรรดาประชาชนเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นาน ทุกคนก็โกรธเคืองขึ้นมา
"กษัตริย์แห่งหนานเจียงนี่หมายความว่าอย่างไร? มันสมเหตุสมผลหรือไม่ที่จะกล่าวโทษหัวหน้าเผ่าเหมียวด้วยสิ่งเหล่านี้?"
"ใช่สิ เจ้าคิดว่าเจ้าใส่ร้ายป้ายสีหัวหน้าเผ่าเหมียวขนาดนี้ เราจะเชื่อเหรอ? หัวหน้าเผ่าเหมียวเป็นคนดี ถ้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่าเหมียว เราจะมีหนานเจียงในวันนี้หรือ?"
“……”
จะเห็นได้ว่า ที่ทุกคนเลื่อมใสศรัทธาหัวหน้าเผ่าเหมียว ไม่ใช่เพียงแค่วันสองวัน
นั่นก็เป็น ความเลื่อมใสศรัทธาที่ลึกซึ้งจนเข้ากระดูกไปแล้ว
สำหรับเสียงเหล่านี้ เยโม่เพียงฝืนยิ้มขึ้นมาเท่านั้น
เขาจะไม่ทราบได้อย่างไร ว่าหัวหน้าเผ่าเหมียวเป็นที่เคารพนับถืออย่างมาก?
หากหัวหน้าเผ่าเหมียว เป็นกษัตริย์แห่งหนานเจียง นั่นไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เนื่องจาก หัวหน้าเผ่าเหมียว เขาได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องกับฝาแฝดชายตลอดมา
ตั้งแต่สมัยหัวหน้าเผ่าเหมียวเป็นหนุ่ม เขาได้กล่าวกับปุถุชนมาตลอดว่า ฝาแฝดชายไม่ได้มีผลกระทบต่อชะตากรรมของประเทศ ฝาแฝดชายมีคุณสมบัติที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป......
ก่อนหน้านี้ หัวหน้าเผ่าเหมียวก็สั่งสอนเขาเช่นนี้เหมือนกัน
แต่ว่า......
"พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า หัวหน้าเผ่าเหมียวของพวกเจ้า เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...