สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอัน
ท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อย
ซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันที
หยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดี
ชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมาก
จื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที
"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"
ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร
รับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้
ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาว
ปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"
จื๋อหยวนรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติของซูชิงลั่ว
ซูชิงลั่วเกิดในตระกูลซูที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่นางอายุสิบปี ทำให้ต้องไปพึ่งพาอาศัยที่บ้านคุณยาย
เนื่องจากไม่ใช่บ้านของตัวเอง แม้ว่าในบ้านคุณยายจะดูแลนางดีกว่าหลานสาวแท้ๆ แต่นับตั้งแต่นางเข้ามาในบ้าน นางก็รู้ความมาก ไม่เคยสร้างความลำบากให้ใครเลย แม้แต่กับสาวใช้และบ่าวไพร่นางก็ให้ความเกรงใจ จนกลายเป็นที่รักของทุกคน
เรื่องที่จะออกไปข้างนอกในวันที่ฝนตกและทำให้คนอื่นต้องลำบากแบบนี้ จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จื๋อหยวนถาม "คุณหนูอยากไปไหนเจ้าคะ? บ่าวจะได้ไปบอกคนขับรถม้า"
"ไปที่ร้านเครื่องประดับจินจี้" ซูชิงลั่วพูดเสียงนุ่มอย่างใส่ใจ "ให้เงินคนขับรถม้ามากหน่อยนะ"
จื๋อหยวนเข้าใจทันที ที่แท้ก็อยากไปดูเครื่องประดับแต่งงานว่าทำไปถึงไหนแล้ว มิน่าล่ะ
พวกนางออกจากประตูข้างและขึ้นรถม้าไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เป็นที่สนใจของใครๆ
รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เมื่อใกล้ถึงร้านเครื่องประดับจินจี้ ในใจของซูชิงลั่วกลับรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่หรอก" นางแอบปลอบตัวเองในใจ บ้านตระกูลลู่มีบุญคุณกับนางไม่น้อย ลู่เหยียนก็ดูแลนางเป็นอย่างดีมาตลอดเช่นกัน ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อนางแน่นอน
แต่นางก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเมื่อคืนถึงฝันเช่นนั้น
ในฝัน หลังจากที่นางแต่งงานกับลู่เหยียนได้ไม่นานก็ตั้งครรภ์
ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ ลู่เหยียนมักอ้างว่ายุ่งเรื่องเตรียมตัวสอบจอหงวนจึงไม่ค่อยกลับบ้าน นางเชื่อใจเขาเสมอมา ไม่เคยคิดสงสัยอะไร
จนกระทั่งใกล้คลอด คืนหนึ่งจู่ๆ นางก็เกิดหิวจึงไปหาของกินในครัว แต่จู่ๆ ก็ได้ยินคนใช้แอบพูดซุบซิบกันว่า "อย่างนี้ก็หมายความว่านายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้นชิงคลอดคุณชายน้อยออกมาก่อนแล้วงั้นสิ"
นางฟังแล้วรู้สึกผิดปกติ จึงให้จื๋อหยวนและแม่นมเหมยจับตัวคนใช้มาสอบสวน เมื่อสอบสวนก็พบว่าลู่เหยียนแอบปลูกเรือนหลักเล็กๆ ไว้ข้างนอกและซุกภรรยาน้อยไว้ที่นั่น
นางโกรธมากจึงพาคนไปที่นั่นทันที พบว่าภรรยาน้อยที่ลู่เหยียนเลี้ยงไว้ก็คือหลิ่วเยียนหรานลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง มิน่าคนใช้จึงเรียกนางว่า "นายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้น"
และไม่ใช่แค่ลู่เหยียนที่อยู่ที่นั่น แม้แต่มารดาของเขา แม่สามีของนาง นายหญิงหลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย
เมื่อเห็นนางหลิ่วเยียนหรานตกใจมาก อุ้มลูกไปหลบอยู่ข้างหลังลู่เหยียน ลู่เหยียนลูบหลังนางเบาๆ และพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ไม่เป็นไร"
นายหญิงหลิ่วรู้สึกอึดอัดใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ในเมื่อเจ้ามาถึงนี่ก็ดีแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ก็ควรบอกเจ้าแต่แรก เยียนหรานได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของลู่เหยียนแล้ว เราย่อมไม่อาจเอาเปรียบนางได้ เหยียนเออร์ตั้งใจจะรับนางมาเป็นภรรยารอง"
นางรู้สึกสะอิดสะเอียน
พอนับเวลาดูแล้ว เกรงว่าลู่เหยียนคงปลูกเรือนเล็กนี่ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับนางแล้ว จึงคลอดบุตรก่อนนางได้แบบนี้
นางเป็นคนหน้าบาง เมื่อถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ได้แต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า ถามลู่เหยียนด้วยเสียงสั่นเครือว่าทำไมถึงทำกับนางเช่นนี้?
แต่ลู่เหยียนกลับพูดอย่างไม่แยแสว่า "เจ้าไม่ความเช่นนี้ได้อย่างไร? บุรุษผู้ใดบ้างที่ไม่มีภรรยาหลายคน?"
"ข้ายังดูแลเจ้าไม่ดีพอหรือ? เห็นใจเจ้าที่กำลังตั้งครรภ์ ข้าจึงยังไม่ได้รับเยียนหรานเข้ามาในบ้าน นางต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกมามากแค่ไหน?"
ปากของเขาเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของนาง
นางไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน เจ็บปวดใจเหมือนจะตาย อารมณ์โกรธพุ่งทยานจนทำให้ครรภ์มีปัญหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แต่งกับขุนนาง