ชามที่เสิ่นเมิ่งจวินแช่ในมือนั้น มีการชั้นการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนมาก เดิมทีเป็นน้ำใสและไม่มีสี แต่ตอนนี้มันมีสีขาวขุ่นเล็กน้อย!
สีหน้าของสองพี่น้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง
"แม่นางเสิ่นเจ้ามีปัญหาแล้ว" โหลชีมองเสิ่นเมิ่งจวินแล้วหัวเราะ
"ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ เป็นยังนี้ได้ยังไง? นางต้องทำอะไรบางอย่างในน้ำแน่นอน!" เสิ่นเมิ่งจวินตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
"ตลกสิ้นดี ตั้งแต่ต้นจนจบข้าไม่ได้แตะชามน้ำของเจ้าเลย แล้วข้าจะไปทำกลอุบายได้ไง? ถ้าจะบอกว่าทำกลอุบาย ก็คงจะเป็นแม่นางจิ่งที่เพิ่งยกชามน้ำออกมา? โหลชีพูดด้วยท่าทางงุนงง แล้วมองไปที่จิ่งหยาว "แม่นางจิ่งเจ้าคงไม่ใช่อิจฉาศิษย์พี่หญิงที่มีหน้าตาสวยกว่า รูปร่างดีกว่า และมีเป็นที่ชื่นชอบขององค์ชายรอง ดังนั้นจึงเกิดความเกลียดชัง เลยใช้โอกาสนี้ใส่ร้ายนางใช่ไหม?"
จิ่งหยาวโมโหจนตะโกนอีกครั้ง "โหลชีเจ้าอย่ายั่วยุสร้างความแตกแยก! ข้าจะใส่ร้ายศิษย์พี่หญิงได้อย่างไร? เจ้าห้ามพูดไร้สาระ!"
"ถ้างั้นข้าก็ไม่รู้ล่ะ ยังไงข้าก็ไม่มีโอกาสเช่นนั้น และทั้งสองพระองค์ก็เฝ้าดูอยู่ที่นี่ เจ้าคงคิดว่าพวกเขาโง่เขลาใช่ไหม ให้ข้าหลอกได้อย่างหน้าตาเฉย?
คำพูดแบบนี้จิ่งหยาวจะพูดได้ไง
ไม่ผิดที่สำนักปี้เซียนยังคงมีอำนาจ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตกต่ำลง พวกเขายังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์ และราชวงศ์จะสนับสนุนพวกเขาในหลายๆด้าน
"เอางี้ละกัน แค่น้ำนี้เปลี่ยนสีแม่นางเสิ่นอาจยังไม่ยอมรับ ถ้างั้นก็ต้องนำม้าเหล่านี้มาพิสูจน์แล้ว "
"ม้าพวกนี้ทำอะไร?" ตงสือเหวินถามอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตงสือยู่ค้นพบปัญหาหนึ่ง ตั้งแต่พวกเขาปรากฏตัวมาจนถึงขณะนี้ พวกเขาได้ทำตามความคิดและคำสั่งของโหลชีตลอด แม้แต่ตงสือเหวินที่สาบานไว้ว่าจะฆ่าผู้ที่แอบเข้าไปในกระโจม เผาโรงครัวของเขา และเผากระโจมจำนวนมาก และทำให้ยามบาดเจ็บจำนวนมาก จะต้องตัดหัวประหารชีวิต แต่ตอนนี้ไม่ว่านางจะพูดถึงเรื่องอะไร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่ามันคืออะไร และทำไมเป็นเช่นนี้
ทักษะแบบนี้ คนทั่วไปทำไม่ได้ โหลชี รับมือยากกว่าที่เขาคาดคิดไว้
"น้ำสิบชาม ป้อนให้ม้าสิบตัวพอดี พวกเจ้าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในม้าที่ดื่มน้ำที่แช่มือของแม่นางเสิ่น"
พอนางพูดเช่นนี้ แม้แต่ยามเหล่านั้นก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ทุกคนลืมไปว่านางเป็นคนจุดไฟเผากระโจม และยังลืมไปว่านางคือเป้าหมายที่หลายวันนี้พวกเขากำลังตามล่าและต้องการจับกุม และรอดูม้าพวกนั้นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
หรือจะวางยาพิษม้าเหรอ?
สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นไขหินพันปี แต่ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีพิษ
ม้าทั้งสิบตัวดื่มน้ำไปทั้งหมดสิบชาม และเนื่องจากต้องรอสักครู่ ทุกคนจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะม้าที่ดื่มน้ำแช่มือของเสิ่นเมิ่งจวิน
ผ่านไปสักครู่ ม้าตัวอื่นๆก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่าง และไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีปัญหาอะไร นี่หมายความว่าน้ำทั้งเก้าชามยังคงเป็นน้ำใส ดื่มลงไปแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ทันใดนั้นม้าที่เหลืออีกหนึ่งตัวก็ยกกีบหน้าขึ้นสูง ยืดตัวตรงและเปล่งเสียงร้อง จากนั้นพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากผู้คุมที่กำลังดึงสายบังเหียน และวิ่งออกไปทันที
แม้ว่ากระโจมของพวกเขาจะใช้พื้นที่ไม่น้อย แต่จะมีที่ว่างพอให้ม้าอาละวาดได้อย่างไร?
ทันใดนั้นก็มีหลายกระโจมถูกเหยียบจนเละ และมียามหลายคนที่ออกไปไม่ทันถูกม้าเหยียบตาย! เมื่อสักครู่ค่ายนี้เพิ่งถูกไฟเผาไหม้ ตอนนี้ก็ถูกม้าอาละวาด เรียกได้ว่าทั้งค่ายถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
เมื่อตงสือเหวินเห็นฉากนี้ เขาก็รู้ซึ้งถึงคำว่าโกรธมากจนกระอักเลือดนั้นเป็นเช่นไร เกือบพ่นออกมาเป็นไฟ
ค่ายของเขา ถูกทำลายไปเช่นนี้!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถใส่อารมณ์กับผู้ริเริ่มเรื่องนี้ได้ได้ เนื่องจาก การแสดงออกของม้าตัวนี้ณ.ตอนนี้ มันได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
"เมิ่งจวิน เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?" ม้าตัวนั้น คล่องแคล่วว่องไวมากจนยามที่แข็งแกร่งสิบกว่าคนยังหยุดมันไม่ได้ แค่กระโดด ก็สามารถกระโดดข้ามกระโจมไปได้! เหมือนจู่ๆก็กลายเป็นปรมาจารย์กังฟู กลายเป็นม้าเทวดา!
นี่ไม่ใช่ผลของไขหินพันปีหรอกหรือ?
แค่แช่มือของเสิ่นเมิ่งจวิน แล้วดื่มน้ำนั้นแล้วก็มีพลังขนาดนี้ ถ้าดื่มไขหินพันปีโดยตรงล่ะ?
ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของตงสือเหวิน ไม่สามารถซ่อนความโลภและความปรารถนาของเขาได้อีกต่อไป และเขาก็จับแขนของเสิ่นเมิ่งจวิน ทันที
"เฮ้ย องค์ชายรอง ข้าคิดว่าเรื่องระหว่างเจ้ากับแม่นางเสิ่นค่อยๆคุยกัน แต่พวกเจ้าสัญญากับข้าว่า จะช่วยข้าลบล้างประวัติ ตอนนี้ควรทำได้แล้วมั้ง?" โหลชีพูด
ตงสือยู่กำลังจะพูด แต่จู่ๆตงสือเหวินก็ชี้มาที่นาง และตะโกนเสียงดัง "จับนางปีศาจคนนี้ไว้!"
"ครับ!"
ยามทั้งหมดชักดาบยาวออกมา และพุ่งเข้าไปหาโหลชี ทั้งหมดมียี่สิบสามสิบคน นี่เป็นการสู้แบบหมาหมู่เหรอ? โหลชีร้องตะโกน "ตงสือเหวิน เจ้ากล้าผิดคำพูดเหรอ?"
ตงสือยูสังเกจเห็นสิ่งนี้ และใบหน้าก็ตึงเครียดเล็กน้อย
"นายท่าน!" โหลชีวิ่งเข้าหาเขาราวกับว่าได้เห็นผู้ปกครอง วิ่งเข้าไปหาเขาทันที
เมื่อเฉินซ่าเห็นเสื้อผ้าสกปรกที่นางสวมใส่ และแผ่นหลังก็แบกของพะรุงพะรังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ชายกระโปรงมีคราบเลือดติดอยู่จนกลายเป็นสีดำ ชั่วขณะก็โกรธมาก
ร่างนั้นกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วลงมา และกอดร่างที่พุ่งเข้าหาเขาพอดี อืม พอกอดแบบนี้ ผอมลง แค่สามวัน นางผอมลง
"ดี ดีมาก" แค่สามคำที่เขาพูด ก็ทำให้ตงสือยู่ตกใจ เขาฟังออกว่าเฉินซ่าโกรธ
"นายท่าน พวกเขารังแกข้า!" โหลชีหันศีรษะ แล้วชี้มือ โหลชีก็เหมือนเด็กที่ฟ้องผู้ใหญ่ ชี้ไปที่จิ่งหยาว เสิ่นเมิ่งจวินและองค์ชายรองแห่งตงชิง
"รังแกเจ้า?" เฉินซ่าใช้สายตามองไปตามนิ้วที่นางชี้ไป สายตาที่เย็นยะเยือกของเฉินซ่าค่อยๆกวาดมองไปตามทิศทางที่มือของนางชี้ไป จิ่งหยาวตัวสั่น แต่รู้สึกว่าความเย็นชาเช่นนี้ยิ่งทำให้หัวใจของนางเต้นแรงมากขึ้น นางชอบ ชอบมากเลย นางชอบผู้ชายเช่นนี้มาก! ทันทีที่เห็นเขา แม้ว่าเขาจะเย็นชากับนางมาก นางก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้
"ฝ่าบาท......" นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างน่าสงสาร แล้วพูดว่า "จิ่งหยาวไม่ได้รังแกแม่นางโหล แต่นางเอง ไม่ถามเรื่องราวให้รู้ชัดเจนก็ตัดหูข้างหนึ่งของศิษย์พี่หญิง! ฝ่าบาท นางเป็นสาวใช้ของท่าน คำพูดและการกระทำทุกอย่างของนางเป็นตัวแทนของตำหนักจิ่วเซียว เป็นตัวแทนพระพักตร์ของฝ่าบาท นางกระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้โดยพลการ......"
ก่อนที่นางจะพูดจบ เฉินซ่าก็ก้มศีรษะลงและถามโหลชีซึ่งอยู่ในอ้อมกอด"เจ้าตัดหูของคนอื่นเหรอ?"
เมื่อได้ยินว่ากระทำการโหดเหี้ยมโดยพลการ ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย นี่เป็นการรับฟังคำพูดของนาง และเตรียมสั่งสอนนางหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม โหลชีผู้ซึ่งมุดอยู่ในเสื้อคลุมที่เขากางปีกออกให้ไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดหรือกลัวเลย กลับยิ้มและพูดว่า "ใช่แล้ว ตัดไปแค่ข้างเดียว และไม่ได้คิดเอาชีวิตนาง คงคิดว่าข้าใจอ่อนและจิตใจเมตตาเกินไปใช่ไหม?"
"ไร้ประโยชน์"
เฉินซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จากนั้นชี้ไปที่เสิ่นเมิ่งจวินและพูดว่า "เยว่ ไปจับตัวไว้"
"ครับ"
ทันทีที่สิ้นเสียง เยว่เป็นเหมือนเงาสีขาว ด้วยความเร็วที่ว่องไวจนทุกคนเหลือเชื่อ บินไปที่เสิ่นเมิ่งจวิน
ตอนนี้เสิ่นเมิ่งจวินพิงร่างกายของตงสือเหวิน ในขณะนี้ตงสือเหวิน ยังคงจับแขนข้างหนึ่งของนางไว้ เยว่บินเข้ามาแบบนี้ และจับไหล่ของนางทันที คลื่นพลังขนาดใหญ่ได้ดึงเสิ่นเมิ่งจวินออกจากการควบคุมของตงสือเหวิน ปกติเสิ่นเมิ่งจวินคิดว่ากังฟูของตัวเองค่อนข้างร้ายกาจ แต่วันนี้ครั้งนี้นางสะเทือนใจอย่างแรง อย่างแรกโหลชีตัดหูข้างหนึ่งของนาง จากนั้นเมื่อกี้ตอนที่ตงสือเหวินจับตัวนางปรากฏว่ากำลังภายในของเขาเหนือกว่าตัวเอง และตอนนี้เยว่มา นางค้นพบว่าตัวเองไม่มีความสามารถแม้แต่จะหลบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ