ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครมันจะยังมีอารมณ์ไปวุ่นวายกับการย่างเนื้อหมาป่า ทุกคนต่างก็เหนื่อยจนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะไปถลกหนังหมาป่าแล้วด้วยซ้ำ และอีกอย่าง ยังมีจ่าฝูงที่ยังไม่ออกมาอีก จากนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะมีอันตรายแบบไหนรอพวกเขาอยู่ ทุกอย่างยังต้องดำเนินการต่อไปอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้แม้แต่โหลชีก็ไม่มีอารมณ์จะกินเนื้อหมาป่าย่างแล้ว ทุกคนกัดขนมเปี๊ยะคนละแผ่นอย่างเงียบๆแล้วดื่มน้ำหิมะไปสองสามคำ ก็นั่งอยู่กับพื้นครู่หนึ่งฟื้นฟูพละกำลังขึ้นมาได้เล็กน้อย
ยังมีองครักษ์หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ มีสองคนในนั้นที่บาดเจ็บหนักกว่าเพื่อนเล็กน้อย เมื่อกี้ตอนที่ปีนขึ้นมาอย่างสุดกำลังไม่ทันได้สังเกต ทันทีที่หยุดลงถึงได้พบว่าบนขาถูกหมาป่าหิมะฉีกเนื้อหนังออกไปชิ้นใหญ่ แม้แต่กระดูกก็เกือบจะถูกกัดจนหัก ยังมีหลายคนที่ถูกกัดตรงมือ
ผู้บาดเจ็บต้องการการพักผ่อน
หลังจากที่รู้แล้ว โหลชีไหนเลยจะยังมีเวลามาพักผ่อน รีบฆ่าเชื้อให้พวกเขา ใส่ยา และพันแผล ยุ่งไปเป็นครึ่งชั่วยาม โชคดีที่ช่วงเวลานี้ไม่มีสถานการณ์ใดๆเกิดขึ้น
หิมะหยุดตกนานแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กับฝูงหมาป่า ไม่รู้ว่าแสงจันทร์สว่างขึ้นมากตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่องสว่างไปยังทุ่งน้ำแข็งที่ขาวโพลน ไม่จำเป็นต้องใช้คบไฟก็สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
"เราฆ่าหมาป่าไปมากมายขนาดนั้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเช่นนี้ ยังมีเลือดตรงครึ่งทางของภูเขา เกรงว่าเมื่อฟ้าสางก็จะถูกคนพบทันที" เยว่กล่าวเสียงต่ำ: "ต้องรีบค้นหาแล้ว"
ตอนนี้ฟ้าใกล้จะสางแล้ว พวกเขายังต้องคอยระวังคนของราชวงศ์ตงชิง ยู่ไท่จื่อกับองค์ชายรองก็อยู่ที่นั่น ตามข่าวลือที่โหลชีได้ยินในเต็นท์(เต็นท์ทะเลทรายจีนโบราณ)ของตงสือเหวิน คนของราชวงศ์เป่ยชางก็มา สิ่งที่น่ากลัวคือพวกเขาจะยกทัพมาด้วย
แรงดึงดูดที่ล่อลวงใจของไขหินพันปี มันใหญ่กว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก
"อืม ไม่เพียงแค่คนเท่านั้น เกรงว่ามันยังจะล่อสิ่งอื่นมาด้วย" ในที่สุดโหลชีก็ได้พักผ่อนไปครู่หนึ่ง ดีที่นางมีวิธีการดูดซับที่นักพรตเลวสอนอยู่ชุดหนึ่ง หลังจากที่ทำเสร็จไปหนึ่งก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย นางจัดแต่งทรงผม กล่าวว่า: "ไปกันเถอะ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีในการพักผ่อน"
"แยกย้ายกันออกไปตามหา" เยว่มองไปทางเฉินซ่า ภูเขาลูกนี้ใหญ่ขนาดนี้ หากทุกคนเดินไปด้วยกัน ยังไม่รู้ว่าจะต้องค้นหาไปถึงเมื่อไหร่ แยกย้ายกันออกตามหา ใครหาเจอก่อนก็ส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย
เฉินซ่าไตร่ตรองครู่หนึ่ง พยักหน้า: "เจ้านำคนกลุ่มหนึ่ง"
เจตนาเดิมของเยว่คือแยกกันไปหลายๆกลุ่ม แต่เฉินซ่ากลับแบ่งออกแค่สองกลุ่ม และ เขากับโหลชีก็อยู่กลุ่มหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆอยู่กลุ่มเดียวกับเย่ว
เยว่นิ่งเงียบ ไม่กล้าบอกว่าเป็นห่วงพวกเขาสองคน สองคนนี้อยู่กลุ่มเดียวกันความสามารถก็เก่งเกินกว่าพวกเขาตั้งหลายคนแล้ว
"ผู้บาดเจ็บไม่สามารถวิ่งได้" โหลชีมองไปที่ผู้บาดเจ็บเจ็ดแปดคนนั่น ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าวว่า: "พวกเจ้าพาพวกเขาไปหาที่ที่เหมาะสมให้พวกเขาได้พักผ่อนก่อน หลังจากที่เราออกมาแล้วค่อยพาพวกเขาออกไป ไม่อย่างนั้นก็ให้พวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกับข้า ใต้ท่านองครักษ์เยว่กับท่าน......"
"ไม่ได้ โหลชี เจ้าอยู่กับนายท่าน" ยังไม่รอให้สีหน้าของเฉินซ่าขรึมลงมา เยว่ก็คัดค้านแล้ว ตอนนี้เขาต้องยอมรับแล้วว่า โหลชีแข็งแกร่งกว่าเขา แข็งแกร่งกว่าเขามาก
มีนางอยู่ข้างกายนายท่านเขาจะวางใจมากกว่า
ตอนนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แยกย้ายกันออกไปค้นหา เยว่พาองครักษ์ เข้าไปในภูเขาจากฝั่งซ้าย ส่วนเฉินซ่ากับโหลชีไปทางขวา
อยู่บนยอดเขาถึงได้รู้ว่าแถบเขียวขจีนั่นเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้าเท่านั้น อยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลนดูโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในเนินด้านหลังถึงได้พบว่า ที่แท้ภูเขาลูกนี้ยังมีดินแดนแบบอื่นอยู่
ด้านหลังของหินก้อนมหึมา ทุ่งเขียวขจีเต็มไปด้วยฤดูใบไม้ผลิ!
ดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจี แต่ละก้าวมีความแตกต่างของทิวทัศน์ในภาพเดียวกัน
"นี่มันเรื่องอะไรกัน? มันไม่วิทยาศาสตร์เลย" โหลชีมองไปที่ภาพทิวทัศน์งดงามที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงรัศมีของดวงจันทร์รู้สึกตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย
เฉินซ่าเดินไปอยู่ข้างกายนาง หลายวันมานี้อยู่แต่ในโลกของหิมะขาวโพลนจู่ๆก็เห็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ เสียงของเขาก็แฝงไปด้วยความผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
"บนภูเขามีสมบัติล้ำค่า ถึงได้นำมาซึ่งภาพนิมิต"
"ดังนั้น ไม่แน่ว่าที่แห่งนี้อาจจะมีไขหินพันปีอยู่จริงๆ"
"อย่าประมาทไป" เฉินซ่ากุมมือของนางเอาไว้ แล้วจูงเดินไป: "ครั้งนี้ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด"
ก่อนหน้านั้นปล่อยให้นางไปคนเดียว สุดท้ายทำให้นางถูกไล่ล่าไปทั่วทั้งทุ่งน้ำแข็งตามลำพัง นางไม่รู้ว่า ตอนที่เขาเห็นท่าทางที่เหนื่อยล้านั่นของนางในใจรู้สึกผิดมากแค่ไหน
เขาไม่เคยติดค้างผู้ใดมาก่อน และยังคิดมาตลอดว่าขอเพียงเป็นคนของเขา ทำอะไรเพื่อเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรทั้งนั้น แต่ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าตนเองติดค้างนาง ไม่ เขาติดค้างนางมาตลอด ติดค้างความสงบสุขที่นางควรจะได้รับ ผู้หญิงของเขา ควรจะแค่อยู่อย่างสงบสุขในอ้อมกอดของเขา แต่ว่าหลังจากอยู่กับเขา นางก็รับมือกับปัญหาและอันตรายไม่รู้จบมาโดยตลอด
แต่ว่า ผู้หญิงที่สามารถเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขาเช่นนี้ เขาชอบ!
โหลชีรับคำ มองหารูถ้ำอย่างระมัดระวัง
ดอกไม้ที่เติบโตบนภูเขาหิมะนี่ กลิ่นหอมแตกต่างจากดอกไม้ทั่วไปจริงๆ มีกลิ่นหอมที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า
ตอนที่โหลชีเห็นผึ้งตัวแรกยังรู้สึกทอดถอนใจ ผึ้งที่นี่ช่างมีความสุขจริงๆ ดอกไม้ทั้งหมดน่าจะเป็นดอกไม้ชั้นเลิศ หากเป็นยุคปัจจุบัน น้ำผึ้งที่ผลิตได้ในที่แห่งนี้สามารถเรียกราคาได้สูงลิบลิ่วแล้ว
แต่เมื่อเห็นแกนดอกไม้ดอกหนึ่งมีผึ้งเจ็ดแปดตัวพร้อมกัน นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดอกไม้มากมายขนาดนี้ สามารถเห็นได้ในพื้นที่กว้างใหญ่ แต่ในดอกไม้แต่ละดอกกลับมีผึ้งมากกว่าสองตัวขึ้นไปทุกดอก เช่นนั้นที่นี่......
จะมีผึ้งมากมายเท่าไหร่กันแน่?
เมื่อคำถามนี้ผุดขึ้นมา นางตกตะลึงในทันที คว้าเฉินซ่าเอาไว้
โหลชีกับเฉินซ่าร้องออกมาพร้อมกัน มีลมที่แฝงไปด้วยกลิ่นคาวเลือดพัดมา เฉินซ่ากอดโหลชีเอาไว้แล้วทะยานขึ้นไปอีกสิบฟุตทันที ปลายเท้ายืนอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ที่สูงขึ้นไปอีก กิ่งไม้เล็กๆนั่นเพียงแค่แกว่งไปมาเบาๆ ไม่ได้ถูกทับจนงอเลย
วรยุทธของเฉินซ่าอยู่เหนือชั้นกว่าจินตนาการของโหลชีเสมอ
โหลชีถูกเขากอดเอาไว้ ก้มหน้าแล้วมองลงไป ก็เห็นหมาป่าหิมะที่มีขนสีขาวเงินรูปร่างสูงใหญ่สง่างามตัวหนึ่ง กำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดง แยกเขี้ยวของมันออก เผยให้เห็นเขี้ยวหมาป่าหนาทึบของมัน จากนั้นก็คำรามไปทางฝูงผึ้งที่อยู่ด้านข้างทันที
"มันกำลังเตือนเรา และกำลังเตือนผึ้งพิษเหล่านั้นเช่นกัน" เดิมทีโหลชีก็ฝึกสัตว์เป็นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเคยเรียนรู้ความหมายที่สัตว์ต้องการจะสื่อจากการส่งเสียงของสัตว์นานาชนิด
แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้นหมาป่าเต็มภูเขานั่น หากจะให้นางไปฝึกให้เชื่องนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เดิมทีหมาป่าดุร้ายเป็นพันเป็นร้อยพวกนั้นก็ถูกคนควบคุมเอาไว้อยู่แล้ว กระโจนลงมาอย่างดุเดือดเช่นนั้น นางจะไปฝึกตัวไหนดี? ฝึกให้เชื่องทั้งหมดคงได้ถึงแก่ชีวิตแน่
หมาป่าตัวนี้ นางจะฝึกให้เชื่องก็ได้ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสถานการณ์เป็นแบบไหน มองสังเกตไปก่อนค่อยว่ากัน
"พวกเขากำลังเผชิญหน้ากันอยู่" เฉินซ่าก็มองออกเช่นกัน
จ่าฝูงกับผึ้งพิษกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ พวกเขาบุกเข้ามาพอดี แทรกอยู่ตรงระหว่างกลาง
"เราออกไปจากต้นไม้ต้นนี้ แล้วไปที่ใหม่......" โหลชีกำลังพูดอยู่ ก้มหน้าลงไปมอง คำพูดก็หยุดลงกะทันหัน เฉินซ่ามองตามสายตานางลงไป เลิกคิ้วขึ้นในทันที
โชค ทำไมช่างดีเช่นนี้ได้?
โหลชีเป็นผู้นำพาความโชคดีมาอีกแล้วใช่ไหม?
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นแค่ต้นไม้ต้นนี้งอกออกมาจากรอยแยกระหว่างหินก้อนใหญ่สองก้อนเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่ารอยแยกนี้จะใหญ่มากมายเช่นนี้! มองลงไปจากตรงนี้ มองเห็นระหว่างกลางมีรูถ้ำอยู่พอดี!
ขอบของรูถ้ำนั้นมีต้นที่คล้ายดอกไม้แต่ไม่ใช่ดอกไม้งอกขึ้นมา สีชมพู ดอกหนึ่งใหญ่เท่ากับชามยักษ์ แต่หากจะบอกว่ามันคือดอกไม้ ของสิ่งนั้นมันก็แบนราบไปทั้งดอก มีสีแดงเล็กน้อยตรงกลาง วงแหวนรอบนอกล้วนแต่เป็นสีชมพู ดูแล้วน่าจะนุ่มๆนิ่มๆ แต่ว่า ไม่เคยเห็นดอกไม้เช่นนี้มาก่อนเลย!
ในใจโหลชีตื่นเต้นขึ้นมาทันที!
นางนึกขึ้นได้ว่า หมอเทวดาเคยบอกว่า ในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้มีดอกไม้อยู่ชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกว่าดอกในหิมะ หมอเทวดาบอกว่า ถึงแม้ดอกไม้ชนิดนั้นจะเป็นดอกไม้ แต่ว่าในตอนที่เจอมันบางทีเจ้าอาจจะไม่คิดว่ามันเป็นดอกไม้ก็ได้
ตอนนี้มองสิ่งนี้แล้วก็เหมือนเห็ดสีชมพูเป็นดอกๆ...ที่แบนราบ
แต่สีน้ำแข็งนั่นกลับให้ความรู้สึกเปล่งประกายสดใสดุจคริสตัล "ดอกในหิมะ นี่ต้องเป็นดอกในหิมะอย่างแน่นอน!" โหลชีร้องออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจในทันที "ข้าคิดมาตลอดว่าดอกในหิมะเติบโตท่ามกลางหิมะ คิดไม่ถึงว่ามันกลับเติบโตอยู่ที่นี่" หากไม่ใช่ว่าพวกเขาขึ้นมาบนต้นไม้ อยู่ในที่สูงแล้วมองลงไป ไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างหินก้อนใหญ่สองก้อนนี้จะมีความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ