ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 118

ขณะที่จัดการกับไก่ฟ้าตัวนั้น โหลชีรู้สึกว่าไก่ฟ้าตัวนี้ดูดีมากจริงๆ ขนนกตามตัวที่มีหลากสีสันนั่น ช่วงหางยังมีขนหางยาวสีแดงเพลิงอีกด้วย

แต่ไม่ว่าจะสวยเพียงใด ในเวลานี้กินข้าวสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนี้จะเป็นนกฟีนิกซ์ นางก็จะย่างมันมากินอย่างแน่นอน

หลังจากที่นางก่อไฟเสร็จ ก็ใช้ไม้ทำเป็นตะแกรงย่าง นำไก่ฟ้าตัวนั้นไปย่างเสร็จแล้วนางถึงขยับตัวไปค้นหาพวกเครื่องเทศป่า ไม่มีเครื่องเทศ ไก่ฟ้าที่ย่างออกมาต้องไม่ค่อยอร่อยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเกือบจะหิวตายอยู่แล้ว แต่โหลชีก็ยังรู้สึกว่าการได้กินของอร่อยก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

หาสิ่งที่สามารถใช้ทดแทนเครื่องเทศได้กลับไป นางย่างไก่ฟ้าจนสุก กลิ่นที่หอมฟุ้งก็ลอยไปไกลแล้ว โหลชีไม่มีเวลามาสนใจว่ามันร้อนแล้ว ฉีกขาไก่ชิ้นใหญ่ออกแล้วแทะกินขึ้นมา

เพียงแต่ว่า รสชาติของไก่ฟ้าตัวนี้ก็ยังไม่ได้อร่อยเท่ากับที่นางจินตนาการเอาไว้ แต่สำหรับนางที่ใกล้จะหิวตายอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นมื้อที่อร่อยแล้ว

โหลชีคนเดียวกินไก่ฟ้าตัวนี้หมดลงอย่างรวดเร็ว ลูบไปที่ท้องด้วยความพอใจ ตัดสินใจว่าอีกสักครู่จะไปหาที่ค้างคืน แต่เวลาเดียวกันนี้เอง นางก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงลอยตามสายลมมารางๆ

"เจ้ารุ้ง......"

โหลชีนั่งตัวตรงในทันที สถานที่แห่งนี้ยังมีคนอยู่? ยังมีบ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่? นางยังนึกว่าที่นี่เป็นป่าเขารกร้างไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เสียอีก!

คงไม่ใช่ว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่หัวหน้าสาขาฮัวกำลังจะส่งนางมาพอดี! หากว่ามันเป็นเช่นนั้น นางไม่รู้จริงๆว่านางควรจะกดถูกใจให้กับโชคของตนเองดีหรือไม่

ไม่ช้า ก็มีเสียงผู้ชายดังมาอีกสองสามเสียง และเสียงของพวกเขาก็ใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ

"ศิษย์น้องหญิงเล็ก หาเจ้ารุ้งเจอไหม?"

"ไม่เจอเลย ศิษย์พี่ชายสาม ศิษย์พี่ชายหก พวกท่านหาเจอไหม?"

"หาไปทั่วแล้วก็หาไม่เจอเลย เจ้ารุ้งมันหนีออกไปข้างนอกหรือเปล่า?"

เสียงของสาวน้อยคนนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง: "ไม่น่าจะใช่นะ ปกติแล้วเจ้ารุ้งมักจะหาอาหารอยู่ในป่านี้แหละ จะไม่หนีออกไปนอกป่านะ"

สายตาของโหลชีไปหยุดอยู่บนขนนกหลากสีสันที่อยู่ข้างๆเท้าโดยไม่ได้ตั้งใจ หาอาหาร? เจ้ารุ้ง? คงไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดหรอกใช่ไหม!

นางรีบลงมือขุดหลุมด้านข้างทันที กวาดพวกขนนกหลากสีสันและกระดูกไก่ลงไปในหลุมแล้วฝังไว้ จากนั้นก็เอาหญ้ามาปูทับไว้ด้านบนเพื่อเป็นการอำพราง หลังจากที่นางทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เสียงกระพือปลิวไสวของแขนเสื้อหลายเสียงดังมา จากนั้น พวกเขาก็ลอยมาหยุดลงตรงหน้าของนาง

คนที่นำหน้าเป็นสาวน้อยอายุประมาณสิบห้าสิบหก มีฟันที่ขาวสะอาดและดวงตาที่สดใส รูปร่างเพรียวบาง ดูฉลาดมาก ชายหนุ่มสามคนตามอยู่ด้านหลังของนาง คนที่อายุมากที่สุดน่าจะประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง คนที่เด็กที่สุดอายุเท่ากับนาง ต่างก็ใส่ชุดคลุมแขนกว้างสีเขียวแกมน้ำเงินแบบเดียวกันหมด และก็ดูดีมีราศีกันทุกคนเช่นกัน

นี่ก็คือศิษย์พี่ชายกับศิษย์น้องหญิงสามสี่คนนั่น?

โหลชีเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่พวกเขา

และพวกเขาก็กำลังมองดูโหลชีด้วยความประหลาดใจ เพราะความประหลาดใจของพวกเขา ที่นี่ไม่น่าจะใช่สถานที่ที่หัวหน้าสาขาฮัวจะพานางมา

"เฮ้ เจ้าเป็นใคร?"

สาวน้อยคนนั้นยกคางเอาไว้แล้วกล่าวถาม

โหลชีเพียงแต่เหลือบมองนางครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร

"เฮ้ ทำไมเจ้าถึงเป็นคนเช่นนี้? พูดกับเจ้าน่ะ เจ้าหูหนวกหรือ?" สาวน้อยคนนั้นตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

เวลานี้โหลชีถึงได้ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจคำหนึ่ง: "ผ่านทางมา"

"ผ่านทางมา? ที่นี่ไม่มีถนนสักหน่อย ผ่านทางมาได้อย่างไร?" ชายหนุ่มที่อายุมากที่สุดขมวดคิ้วขึ้นมา มองพิจารณาไปที่นาง

สาวน้อยคนนั้นกลับตะโกนขึ้นมาอีก: "อย่าเพิ่งสนใจว่านางจะใช่ผ่านทางมาหรือไม่ เฮ้ ข้าถามว่า เจ้าเห็นไก่ฟ้าที่สวยงามมากตัวหนึ่งไหม? ขนนกบนตัวล้วนแต่มีสีสันหลากหลาย แบบที่สวยงามมากๆ!"

ในใจโหลชีอดที่จะตอบไปคำหนึ่งไม่ได้ ไม่เพียงแค่เห็นเท่านั้น ยังกินไปแล้วอีกด้วย

แต่นางก็ไม่ได้โง่สักหน่อย ในเวลาเช่นนี้ตนเองก็ต้องไม่ทรยศตนเองแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "ไม่เห็น"

สาวน้อยคนนั้นเลิกคิ้วที่เรียวสวยขึ้น: "ข้าไม่เชื่อ! ที่นี่มีเจ้าอยู่แค่คนเดียว เจ้าไม่เห็นใครจะเห็นได้? พูดมา เจ้าซ่อนเจ้ารุ้งของข้าเอาไว้ใช่ไหม? เจ้าเห็นว่าเจ้ารุ้งมันสวยใช่ไหม?"

ไก่ฟ้าตัวนั้นก็สวยดีอยู่หรอก แต่จะสวยแค่ไหนมันก็เป็นแค่ไก่ฟ้าเท่านั้น สามารถทำให้นางอิ่มท้องได้ก็เป็นบุญกุศลเหลือคณาแล้ว

"เจ้ารุ้งสีสวยอะไร ข้าไม่รู้ ไม่เคยเห็น" โหลชีปฏิเสธออกมาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายมาก ไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองหน้าด้าน ขี้โกง

"กลิ่นอะไร?" จู่ๆเด็กหนุ่มนั่นก็ได้กลิ่นขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางที่กองไฟนั่น บนกองไฟยังมีตะแกรงปิ้งย่างแบบง่ายๆที่ทำขึ้นมาเมื่อครู่อยู่ เขาเดินเข้าไป แล้วเอนตัวเข้าไปใกล้กับท่อนไม้ที่อยู่ในแนวนอนจากนั้นก็ดมกลิ่น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันหน้าตะโกนบอกสาวน้อยคนนั้นคำหนึ่ง: "มีกลิ่นหอมของเนื้อย่าง!"

สีหน้าของสาวน้อยเปลี่ยนไปในทันที จ้องมองไปที่โหลชีด้วยความโกรธ: "เจ้าฆ่าเจ้ารุ้งของข้าแล้วใช่ไหม?"

"ใครจะไปรู้เจ้ารุ้งเจ้ารั้นอะไรของเจ้า ข้าไม่เห็นจะรู้จักเลยสักนิด!" โหลชียืนกรานปฏิเสธหนักแน่นจนถึงที่สุด

"เช่นนั้นเมื่อกี้เจ้าย่างเนื้ออะไรที่นี่?"

สาวน้อยแลบลิ้นออกมา จากนั้นก็เห็นโหลชีกำลังมองมา รีบทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที กระบี่ที่อยู่ในมือก็ชี้ไปที่หน้านางอีก: "มองอะไรของเจ้า? ข้าบอกกับเจ้าไว้เลย หากข้ารู้ว่าเจ้ารุ้งถูกเจ้ากินไปแล้วจริงๆ ข้าฆ่าเจ้าแน่!"

โหลชีไม่สนใจนาง หันหน้าไปถามชายหนุ่มที่อายุมากที่สุดคนนั้น ซึ่งก็คือศิษย์พี่ชายสามที่สาวน้อยพูดถึง: "คืนนี้จะขังข้าไว้ที่ไหน?"

ศิษย์พี่ชายสามคนนั้นตะลึงไปครู่หนึ่ง ยังไม่เคยเห็นใครที่ถามขึ้นมาเองว่าตนจะถูกขังอยู่ที่ไหนเช่นนางมาก่อนเลยจริงๆ แต่ว่า อุทยานเขาเฟิงหยุนของพวกเขาก็ไม่ค่อยมีคนจากภายนอกเข้ามาอยู่แล้ว

"ขังนางไว้ในถ้ำหนอนแล้วกัน!" สาวน้อยคนนั้นกล่าวออกมาอย่างดุดัน: "ดูซิว่านางจะบอกไหมว่าเจ้ารุ้งอยู่ไหน"

"ถ้ำหนอน? ศิษย์น้องหญิงเล็กนี่เจ้าพูดจริงหรือ?" ศิษย์พี่ชายหกคนนั้นถามด้วยความลังเลเล็กน้อย: "ถ้ำหนอนเป็นสถานที่ของเจ้าบ้านรอง เขาไม่เห็นด้วย เราไม่กล้าพาคนไปที่นั่นหรอก"

"ศิษย์พี่ชายหก ข้าจะไปถามอาชายรองเดี๋ยวนี้!" สาวน้อยวิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วหันกลับมาอีกครั้ง: "พวกท่านต้องดูผู้หญิงคนนี้ให้ดีนะ ข้าว่านางดูไม่เหมือนจะซื่อสัตย์ขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะหนีก็ได้!"

"ศิษย์น้องหญิงเล็กเจ้าล้อเล่นเก่งจริงๆ มีศิษย์พี่ชายสามอยู่ทั้งคน นางจะหนีรอดได้หรือ?" ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดหัวเราะขึ้นมา

"หยุนชงข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ เจ้าเป็นศิษย์น้องชายเล็ก ต้องเรียกข้าศิษย์พี่หญิง!"

"พอเถอะน่า เจ้าอายุน้อยกว่าข้า ก็ต้องเป็นศิษย์น้องหญิงเล็ก!"

เห็นว่าสองคนนี้กำลังจะทะเลาะกันอีกแล้ว ศิษย์พี่ชายสามคนนั้นยกมือแล้วกล่าวขึ้นมาทันที: "เอาล่ะเอาล่ะ พวกเจ้าทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ทุกวัน เหนื่อยหรือเปล่าเนี่ย? ศิษย์น้องหญิงเล็กเจ้าจะไปก็รีบไปเถอะ มิเช่นนั้นข้าจะพาคนไปที่ศิษย์พี่หญิงรองก่อน เจ้าก็รู้ ศิษย์พี่หญิงรองสอบสวนคนก็เก่งมากเช่นกัน"

สาวน้อยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า "ดีดีดี ส่งไปที่ศิษย์พี่หญิงหยุนเมี่ยวก่อน รอข้าถามอาชายรองว่าจะขอยืมถ้ำหนอนของเขาใช้ได้หรือไม่ค่อยว่ากัน"

สาวน้อยวิ่งออกไป ศิษย์พี่ชายสามหันหน้ากลับมา กลับเห็นสีหน้าโหลชีที่ยังสงบนิ่ง ถึงแม้จะได้ยินเรื่องถ้ำหนอนกับการสอบสวนคนก็ตาม ดูเหมือนนางจะไม่เห็นมันอยู่สายตาเลยสักนิด

ระหว่างทางที่เขาพานางไปที่ลานของหยุนเมี่ยว นางก็แค่มองไปรอบๆเท่านั้น กระทั่งใช้สายตามองอย่างชื่นชมด้วยซ้ำ ไม่ได้เอ่ยปากถามคำถามใดๆเขาเลยและไม่ได้ขอร้องเพื่อตัวเองเลย

เมื่อพวกเขาเข้าไปในลานที่ประณีตและสงบเงียบ โหลชีก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในสวนดอกไม้กำลังก้มหน้าอยู่บนโครงปักและปักภาพนกนางแอ่นในฤดูใบไม้ผลิอยู่

นี่ก็คือศิษย์พี่หญิงรองที่สอบสวนคนเก่งมากที่เขาพูดถึง?

แต่เมื่อหยุนเมี่ยวเงยหน้าขึ้นมา โหลชีก็เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างโหดเหี้ยมจริงๆ

"ศิษย์น้องชายสาม ศิษย์น้องชายหก ศิษย์น้องชายเล็ก ทำไมพวกเจ้าถึงพาคนนอกเข้ามาในอุทยานเขาเฟิงหยุนได้?" หยุนเมี่ยวขมวดคิ้วขึ้นมา ทันทีที่เห็นหน้าของโหลชีก็ตกตะลึงไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ