หัวหน้าสาขาฮัวหันหลังกลับไป เขาตกใจมากเมื่อพบว่าเอวของลูกน้องคนนั้นถูกหญ้าคร่าชีพพันรอบเอาไว้แล้ว หญ้าคร่าชีพนั่นรัดแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว หดตัวลง จนกระทั่งฝังเข้าไปในเนื้อของเขา ตาทั้งคู่ของลูกน้องคนนั้นเบิกกว้าง เสียงพรึ่บดังขึ้นมาคนคนนั้นคุกเข่าลงไป ก้มหน้าไปมองเอวของตัวเอง แต่เพิ่งจะก้มหน้าลง เขาก็พบว่าร่างกายเสมอเอวของตนเองขาดแล้ว!
"อ๊อก!"
มีคนหนึ่งไม่สามารถทนมองฉากนี้ได้จริงๆ อดไม่ไหวคลานไปถึงขอบเรือแล้วอาเจียนออกมา
"ระวัง!"
คำเตือนของหัวหน้าสาขาฮัวเพิ่งออกมา หญ้าคร่าชีพสีเขียวก็พุ่งทะลุออกมาจากน้ำ มุดเข้าไปในปากของเขา คนคนนั้นจับหญ้าคร่าชีพเอาไว้อยากจะดึงมันออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่ในชั่วพริบตาเดียว หญ้าคร่าชีพก็มุดทะลุออกมาจากท้องของเขาแล้ว จากนั้นก็พันรอบไปที่มือของเขา รัดแน่น รัดแน่นด้วยความรวดเร็ว
ไม่ช้า สิบนิ้วของคนคนนั้นถูกตัดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน นิ้วมือสิบนิ้วร่วงหล่นลงมาบนกระดานเรือ และคางของเขา ถึงลำคอ ถึงหน้าอกและหน้าท้อง ถูกหญ้าคร่าชีพที่อยู่ด้านในพรึบเสียงหนึ่งก็รัดออกมาอีกครั้ง เหมือนกับว่าคนทั้งคนของเขาถูกคว้านชำแหละท้อง ลำไส้ไหลออกมาหมด
คราวนี้ คนที่ทนไม่ไหวอยากจะอาเจียนต่างพากันก็ปิดปากอย่างสุดฤทธิ์ เบียดไปทางตรงกลางเรืออย่างสุดชีวิต
"ห้ามเข้าใกล้ขอบเรือ! เข้าไปตรงกลางให้หมด!" สีหน้าหัวหน้าสาขาฮัวซีดขาว สองมือจุดไฟคบเพลิงด้วยความสั่นเทา กวาดไปตามขอบเรือเป็นระยะๆ ต้องการจะเผาทำลายหญ้าคร่าชีพนั่น
โหลชียืนอยู่ตรงท้ายเรือ ทำใจให้สงบ ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าด้วยกำลังภายในของนางในตอนนี้สามารถได้ยินเสียงคลื่นกระทบที่ใต้เรือได้ กระแสน้ำตรงไหนมีความผิดปกติก็หนีไม่พ้นหูของนาง!
และตอนนี้ ตรงใต้เท้าของนาง หญ้าคร่าชีพนั่นกำลังลอยอยู่ในน้ำ ค่อยๆมุดเข้าไปทางใต้เท้าของนาง
นัยน์ตาของโหลชีประกายสีเข้มกว่าปกติเล็กน้อย หญ้าคร่าชีพนี้นักพรตเลวก็ไม่เคยบอกนางว่าจะจัดการกับมันได้อย่างไร แต่นางก็ไม่ได้คิดจะไปต่อกรด้วย ฝั่งหนึ่งต้องการจะจับนาง อีกฝั่งก็ต้องการจะฆ่านาง ทั้งสองฝั่งนางก็ไม่อยากปล่อยไป เช่นนั้น ก็ให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเองแล้วกัน
ในวินาทีที่หญ้าคร่าชีพมุดขึ้นมา โหลชีก็คว้าชายชุดดำที่อยู่ใกล้นางมากที่สุดมาคนหนึ่งจากนั้นก็โยนลงไปบนกระดานเรือ เจอกับหญ้าคร่าชีพนั่นพอดี! หญ้าคร่าชีพไม่ปล่อยโอกาสใดๆไปเด็ดขาด มันไม่สามารถแยกแยะว่าใครเป็นใคร รู้แค่ต้องพันรอบไปที่ร่างที่มีเลือดเนื้อทุกประเภทที่ถูกมันสัมผัส และหลังจากที่พันรอบแล้วจะต้องบิดตัดร่างนั้นให้ขาดออกจากกัน กระบวนการนี้ทำให้นางมีเวลา
และในเวลานี้เอง นางกระทืบเท้าลงไป ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของหัวหน้าสาขาฮัวกับคนอื่นๆ การกระทืบเท้าที่ใช้กำลังภายในไปเจ็ดแปดส่วนก็ทำให้เรือลำเล็กลำนี้สั่นสะเทือนจนแยกออกจากกัน!
เท้าของนางเหยียบไว้เพียงกระดานเรือแผ่นเดียว ใช้กำลังภายใน พุ่งทะยานออกไปตามกระแสน้ำราวกับลูกศรที่พุ่งออกไป
เหยียบใบกกใบเดียวก็สามารถข้ามแม่น้ำได้นางไม่เป็น แต่ว่ากระดานไม้อันเดียวข้ามแม่น้ำก็ยังพอได้อยู่! โดยเฉพาะหลังจากที่กำลังภายในของนางเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้นในตอนนี้!
และคนอื่นๆที่อยู่บนเรือก็ไม่ได้มีกำลังภายในที่ล้ำลึกเช่นนี้เหมือนกับนาง หลังจากที่เรือแยกออกจากกัน แต่ละคนต่างก็พากันตกลงไปน้ำ ชั่วครู่เดียว คนพวกนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว!
ในแม่น้ำนี่ มันมีปลากินคนอยู่นะ! อีกอย่าง ที่น่ากลัวกว่านั้นคือราชาปลาแม่น้ำชิงยังอยู่ในน้ำ หญ้าคร่าชีพนั่นก็อยู่ในน้ำด้วย!
ตอนนี้ คนพวกนี้ตกใจกลัวจะแย่อยู่แล้ว แต่ละคนพยายามจะปีนป่ายขึ้นไปบนกระดานเรือ ราชาปลาแม่น้ำชิงที่ปะปนอยู่ในน้ำต้องการจะไปไล่ล่าโหลชี ได้แต่จนใจเมื่อคนที่ตกลงมาในน้ำมีมากถึงสิบเอ็ดสิบสองคน แล้วต่างก็พยายามปีนป่ายกันอย่างสุดแรงเกิด หญ้าคร่าชีพขยับเล็กน้อยก็สามารถพันรอบร่างกายได้หนึ่งร่างแล้ว หลังจากที่พันรอบร่างแล้วก็ต้องใช้เวลาสักพักในการรัดร่างให้ขาดออกจากกัน แม้แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้!
เดิมทีหญ้าคร่าชีพนี้เป็นอาวุธสังหารของเขา ตอนนี้กลับถ่วงเวลาการเคลื่อนไหวของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมทิ้งสิ่งนี้เพื่อไปตามโหลชี เพราะหญ้าคร่าชีพมีค่าและดุร้ายมากเหลือเกินจริงๆ
วรยุทธของหัวหน้าสาขาฮัวก็ไม่เลวเช่นกัน เห็นคนที่ตนเองพาออกมาตายอย่างอเนจอนาถไปทีละคน โหลชีก็หนีห่างออกไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว รู้สึกโกรธมากขึ้นทันที กัดฟันเอาไว้แล้วดำดิ่งเข้าไปในน้ำ จะต้องต่อสู้กับราชาปลาแม่น้ำชิงให้ได้
โหลชีก็ต้องไม่รอให้พวกเขาต่อสู้กันจนจบอยู่แล้ว ฉวยโอกาสนี้ลอยไปตามกระแสน้ำออกไปไกลมากแล้ว
ภายใต้การลอยไปตามกระแสน้ำในเวลาเดียวกันนางก็ยังใช้กำลังภายในอีกด้วย กระดานเรือนั่นบินทะยานไปตามผิวน้ำ ในระดับความเร็วที่เร็วมาก เวลาแค่หนึ่งก้านธูป นางก็ลอยออกไปไกลมากๆแล้ว ไม่ได้ยินเสียงใดๆจากด้านนั้นเลย
และเมื่อมาถึงบริเวณนี้ กระแสไหลเชี่ยวกรากมากยิ่งขึ้น ข้างหน้าก็ยังมีแควแยกออกไปเป็นสามทาง ก็ไม่รู้ว่าแต่ละทางจะไหลไปที่ใดบ้าง โหลชีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าแม่น้ำสายนี้คือแม่น้ำอะไร และที่ไหนกันแน่ ยังอยู่ในขอบเขตของแคว้นตงชิงหรือไม่ หากว่าล่องลอยออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่านางไม่อยากจะจากเฉินซ่าด้วยวิธีเช่นนี้ คาดว่าคงต้องจากไปเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้แล้ว
โหลชีนอนอยู่บนหาดทรายนานพักใหญ่ มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังตกลงไปจากพื้นผิวของแม่น้ำ ท้องฟ้าก็มืดลงมาทันใด แม่น้ำที่กว้างใหญ่กลายเป็นสีเทา กลายเป็นหมอกขึ้นมาช้าๆ ครู่เดียวก็มองไม่เห็นทิศทางที่มาแล้ว
จ๊อกๆ
ท้องร้องสนั่นหวั่นไหวอีกแล้ว โหลชียิ้มอย่างขมขื่น คลานลุกขึ้นมา หันหลังกลับไป ถึงได้เห็นแผ่นดินที่ตนเองอยู่ผืนนี้ เป็นป่าทั้งผืน ต้นไม้ไม่ถือว่าหนาแน่นมาก หลังต้นไม้สามารถมองเห็นยอดเขาสูงชันขึ้นมาทันควัน ไม่ใช่ทิวเขาที่ต่อเนื่องกัน ยอดเขานั่นแปลกแต่สวยน่ามอง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเลย ยอดเขาประเภทนี้จะมีแค่ต้นไม้แคระเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะมีผลไม้และความเป็นไปได้ที่จะมีการดำรงอยู่ของสัตว์
ตอนที่นางว่ายมาเมื่อกี้พบว่าผลิตของปลาในแม่น้ำสายนี้ไม่ถือว่าอุดมสมบูรณ์ อาจจะเป็นเพราะว่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว พวกปลาเหล่านั้นไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่แถวนี้มั้ง นี่ทำให้ความคิดที่จะจับปลามาย่างของนางต้องสูญเปล่าไป
ได้แต่หวังว่าป่าเบื้องล่างภูเขานี้จะอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องให้นางใช้ความพยายามมากเกินไปในการหาของอร่อยมากิน
โหลชีลากฝีเท้าที่หนักอึ้ง เดินเข้าไปในป่าผืนนั้น มีลมพัดมาจากแม่น้ำ นางรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว อดที่จะจามออกมาไม่ได้ แช่อยู่ในน้ำที่เย็นยะเยือกของแม่น้ำอยู่ทั้งบ่าย นางกังวลว่าตนเองจะเป็นหวัด ขับลมปราณให้เสื้อผ้าแห้งขึ้นมาเล็กน้อย ถึงได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปในป่าอีกครั้ง
ทันทีที่เข้าไปในป่านางก็รู้สึกหนาวเข้ากระดูก ที่นี่หนาวกว่าแช่อยู่ในน้ำเสียอีก ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของนางเกือบจะแห้งแล้ว แต่ก็ยังชื้นอยู่ ในป่าแห่งนี้ก็ค่อนข้างชื้นมากเช่นกัน เดินไปไม่กี่ก้าว บนหัวก็จะมีหยดน้ำจากใบไม้ไม่น้อยหยดลงมา ทำให้หัวและหน้าของนางเปียก
และเมื่อเดินเข้าไปอีกก็เริ่มมีหมอกลงมา ความจริงโหลชีไม่ได้ต้องการจะเดินเข้าไปต่อ แต่ว่าบริเวณด้านนอกนางไม่พบอะไรที่กินได้เลย เพื่อให้อิ่มท้อง นางทำได้แค่เดินเข้าไปต่อเท่านั้น
เวลานี้ กอหญ้าข้างหน้าสั่นไหวเล็กน้อย โหลชีได้ยินเสียงร้องของไก่ฟ้า ดีใจสุดขีด ยื่นมือไปหักกิ่งไม้มาท่อนหนึ่ง สะบัดข้อมือออกไป เล็งไปทางฝั่งนั้น ด้วยกำลังภายในของนางในตอนนี้ กิ่งไม้ที่โยนออกไป พลังสังหารเทียบได้กับมีดบิน ตรงนั้นมีเสียงกอ กอดังออกมา โหลชีรีบพุ่งทะยานเข้าไป เปิดกอหญ้าออกดู ไก่ฟ้าสีสันหลากหลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนล้มอยู่ตรงนั้น
"เฮ้ย ถือว่าเจ้าดวงไม่ดีละกัน!"
โหลชีพูดออกมาคำหนึ่ง จับไก่ฟ้าขึ้นมา เดิมทีอยากจะเดินย้อนกลับไป กลับไปที่ชายหาดริมแม่น้ำ ไปจัดการเจ้าไก่ป่าตัวนี้ แต่หางตากลับมองไปเห็นแสงสะท้อนเล็กๆจากผืนน้ำ เพ่งมองดูแล้ว ไม่ไกลออกไปก็มีแอ่งน้ำเล็กๆอยู่ด้านหน้า ด้านข้างเป็นพื้นหินกรวด ก็ถือว่าราบเรียบอยู่ นางขี้เกียจจะเดินอีก เลยเดินไปทางฝั่งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ