แค่กๆ
องครักษ์เยว่ได้แต่ใช้เสียงไอมาปกปิดความอยากระเบิดเสียงหัวเราะของตนเอง โหลชีคนนี้ ช่างโลภมากจริงๆ!
ท่านจินดูแล้วเหมือนเฒ่าทารก ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการทำเช่นนี้จะเสียเปรียบมากมายเท่าไหร่ เลยพยักหน้าตอบตกลง ทั้งสองยังตบฝ่ามือกันและกันสามฉากถือเป็นการสาบานราวกับว่ามีเรื่องเช่นนั้นอยู่จริงๆ
"กระแสน้ำวนขนาดใหญ่เมื่อครู่นี้ต้องเป็นฝีมือของหยุนเสี้ยงหยางแน่" ผ่านไปครู่หนึ่งท่านจินก็คลายความสงสัยให้พวกเขาอีกครั้ง: "พวกเจ้าไม่รู้ใช่ไหม แม่น้ำซิงหลัวแห่งนี้ยังมีกลไกกับดักขนาดใหญ่วางไว้มากมาย แต่ว่า นอกจากเจ้าบ้านแล้วไม่มีคนรู้เรื่องนี้หรอก"
มีกลไกกับดักขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างกระแสน้ำวนที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ช่างเป็นลายมือที่น่าทึ่งจริงๆ โหลชีอดตกใจไม่ได้
"หยุนเสี้ยงหยางประกาศต่อโลกภายนอกอย่างดี จะปล่อยคนเข้ามาแล้วยังจะต้อนรับดูแลอย่างดี ข้าว่าต้องมีแผนร้ายอะไรแน่"
โหลชีคิดในใจ บัวเลือดก็ถูกขโมยไปแล้ว เขาก็เลยปล่อยคนเข้ามาเสียเลย หากว่าบัวเลือดยังไม่ถูกขโมยอยากรู้ว่าเขายังจะกล้าทำเช่นนี้อยู่ไหม แต่ว่า ปล่อยคนเข้ามามากมายขนาดนี้หากบอกว่าไม่มีแผนร้ายอะไรนางก็ไม่เชื่อ
แต่ไม่ว่าจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็เตรียมความพร้อมผิวเผินเอาไว้อย่างดีแล้ว ตรงริมแม่น้ำของอุทยานเขาเฟิงหยุนลูกศิษย์มากมายถูกส่งมารับผิดชอบการต้อนรับและจัดระเบียบ
เรือมามากมายขนาดนี้ จะเข้าฝั่งก็ต้องจัดระเบียบกันเป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นก็หลีกเลี่ยงการชนกันของเรือบางลำไม่ได้ เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายควบคุมไม่อยู่ ริมแม่น้ำยุ่งวุ่นวายไปหมด อย่างไรเสียคนที่มาล้วนเป็นพวกสามลัทธิเก้าอาชีพทั้งนั้น คุณสมบัติแตกต่างกันไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คนที่มาทีหลังจะเอาเรือเข้าไปเทียบท่าก็จะลำบากเล็กน้อย ยังต้องต่อแถวรอ
แต่ว่าท่านจินมีความสามารถ และก็ไร้ยางอายมากพอ เล็งไปที่เรือสองลำที่ยังไม่ได้ทอดสมอ กำลังภายในใต้เท้าพุ่งลงไป บีบจนเรือเล็กแทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างเรือสองลำ ปรบมือซ้ายออกไป เบ็ดตกปลาที่อยู่ข้างมือค้ำลงไปอย่างแรง เบียดจนเรือได้เทียบท่าตำแหน่งหนึ่ง ทำให้เรือหนึ่งลำในนั้นถูกเบียดออกไป
"ไปไป ลงเรือลงเรือ" เขาชิงกระโดดลงไปก่อน แล้วหันกลับมาโบกมือให้พวกโหลชี
คนพายเรือที่อยู่ด้านข้างก่นด่าออกมา: "ตาแก่เจ้าไสหัวกลับมาเลยนะ มิเช่นนั้นข้าจะแทงกระดานเรือของเจ้าให้ยับเยิน!"
"ทุบตามสบายทุบตามใจชอบเลย" ท่านจินไม่หันหน้ากลับไปด้วยซ้ำ "ถึงอย่างไรเรือของเจ้าก็ใหญ่กว่าของข้า ขากลับข้าใช้เรือของเจ้าก็พอ"
"......" คนพายเรือที่อยู่ด้านหลังตัวแข็งทื่อ กระอักเลือด
คนเยอะมากจริงๆ โหลชีถูกเฉินซ่ากอดเอาไว้ ทางที่เดินผ่านคนอื่นต่างก็จะหลีกทางให้โดยไม่ได้ตั้งใจ ไอความเย็นทั่วทั้งร่างกายของเขาสามารถทำให้คนแข็งตายได้ มาถึงสถานที่แห่งนี้เขาก็นึกถึงเรื่องที่โหลชีกับคนที่ชื่อหยุนเฟิงนั่นใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนบนเรือลำเดียวกัน ในใจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
"คุณชาย"
เสียงหวานนิ่มนวลดังมาจากด้านหลัง โหลชีและคนอื่นๆหยุดนิ่งทันที มองหน้ากันไปมา ไม่ใช่มั้ง ตามมาอีกแล้ว?
"ริมแม่น้ำที่มีคนมากมายขนาดนี้ ทำไมนางถึงสามารถหาเราเจอได้ในทันที?" องครักษ์เยว่อดแปลกใจไม่ได้
โหลชีกล่าว: "ความสูงของนายท่านเราฆ่าทุกคนในวินาทีเดียวได้เลย อีกอย่าง......" แล้วก็อีกอย่าง นางสงสัยจะเป็นเพราะชักวิญญาณนั่น ในเมื่อหมู่บ้านร้างนั่นเป็นภาพมายา มู่หลานคนนี้ต้องผิดปกติแน่นอน ถ้าหากมู่หลานคนนี้ผิดปกติ ชักวิญญาณนั่นนางจะเป็นคนปล่อยหรือไม่?
"คุณชาย ในที่สุดมู่หลานก็หาท่านเจอ คุณชาย ท่านให้มู่หลานติดตามท่านเถอะ มู่หลานจะอยู่ร่วมกันกับพี่สาวเป็นอย่างดี ไม่ทำให้พี่สาวโกรธแน่นอน"
มู่หลานวิ่งมาถึงหน้าพวกเขาแล้ว ในขณะที่พูด ก็ถอดหมวกจอมยุทธออกไปด้วย
ทันใดนั้น โหลชีก็เข้าใจความหมายของนางทันที ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ มู่หลานเปิดเผยใบหน้าของนางออกมา หน้าตาที่เหมือนกับนางทุกอย่าง ใบหน้าเช่นนี้สองใบ ใครก็ต้องเชื่อว่าพวกนางสองคนคือพี่น้องฝาแฝดกัน
ถึงเวลานั้น นางเอาแต่สนใจผู้ชาย แล้วดุร้ายต่อน้องสาว จะต้องนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์แน่ ความสามารถแสร้งทำเป็นบอบบางและอ่อนแอนั่นของมู่หลาน เกรงว่าจะทำให้ผู้ชายมากมายใจอ่อนเพื่อนาง
ใช่ว่าจะกลัวผู้ชายพวกนั้น เพียงแต่โหลชีไม่เต็มใจมองดูคนอื่นจ้องมองหน้าของตนเองที่ไปแสดงท่าทีบอบบางอ่อนแอและประจบประแจงต่อผู้ชายมากมายพวกนั้นอย่างยิ่ง เช่นนั้นมันจะทำให้นางอยากอาเจียน
"เอ๋?"
ในขณะที่มู่หลานเปิดเผยหน้าออกมา และเสียงอุทานที่ผสมปนเปอยู่รอบๆเกิดขึ้นพร้อมกัน เสียงประหลาดใจเสียงหนึ่งไม่สามารถหนีพ้นหูของโหลชีไปได้ นางหันหน้ากลับไป เห็นท่านจินยิ้มเย้ยหยันอย่างรู้ทัน
"ท่านลุงนึกถึงเรื่องน่าขำอะไรหรือ?" โหลชีตัดสินใจเข้าไปสอดแนมอย่างเปิดเผย
"แม่นางน้อยเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าไปกวนโมโหคนฝั่งลัทธิสิ้นโลกีย์เข้าแล้วใช่ไหม?" ท่านจินกล่าวถามเสียงเบา
โหลชีทำอะไรไม่ถูก พูดถึงลัทธิสิ้นโลกีย์อีกคนหนึ่งแล้ว
"ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ใช้วิธีลับอย่างหนึ่งของลัทธิสิ้นโลกีย์อยู่" ท่านจินกล่าวต่อไปอีกว่า: "วิธีลับแบบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าของคนคนนี้ได้ตามใจชอบ จะเปลี่ยนเป็นหน้าของใครก็ได้ทั้งนั้น"
โหลชีเข้าใจในทันที!
"พ่องสิ! ข้าก็ว่าแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนหน้าตาเหมือนกันกับข้าทุกอย่าง!" นางผละออกจากเฉินซ่า กระซิบที่ข้างหูของเขา: "ถ่วงเวลานางเอาไว้ก่อน ข้าถามชัดเจนแล้วค่อยว่ากัน"
"ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่เหมือนกับเจ้า นังหนูชี รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากใช่หรือไม่?"
"ใช่" โหลชีตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา สนิทกันมากหรือ? ถึงเรียกนังหนูชีแล้ว......นางยังนังหนูชาด้วยซ้ำ
"ใบหน้านั้นใช้วิธีลับของลัทธิสิ้นโลกีย์สร้างขึ้นมา ความจริงบนใบหน้าของนางมีการใช้ยาชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์รุนแรงมาก ยาชนิดนั้นน่ามหัศจรรย์มาก พูดอย่างไรดี ขอแค่ได้กลิ่น จะทำให้คนได้รับผลกระทบเล็กน้อย ตามสายตาคนคนนั้นไปเห็นตัวนางเอง" ท่านจินเกาไปที่หัว ราวกับไม่รู้จะอธิบายยังไงให้มันฟังดูชัดเจน
โหลชีกล่าว: "กล่อมประสาท เพิ่มความแข็งแกร่ง สายตาถูกหลอกลวง"
ให้ผลลัพธ์เช่นนี้แหละ เดิมทีใบหน้าที่แท้จริงนั่นอาจจะไม่ได้เหมือนนางขนาดนั้น แต่เพราะฤทธิ์ของยานั่น สายตาของพวกเขาจึงถูกหลอก มองดูใบหน้านั้นแล้วจะรู้สึกว่าควรจะเป็นเช่นนี้ แล้วมองดูโหลชี จะมองใบหน้าสองใบซ้อนกันโดยไม่ตั้งใจ แล้วจะยิ่งรู้สึกว่าคล้ายคลึงกันมากขึ้น
ท่านจินปรบมือแล้วกล่าวว่า: "ถูกต้อง ความหมายนี้แหละ นังหนูชีฉลาดมากจริงๆ! โชคดีที่พวกเจ้าไม่ได้ฆ่านาง คนประเภทนี้โดยทั่วไปจะเป็นองครักษ์กล้าตาย ขายชีวิตให้นายท่านของพวกเขาแล้ว อีกอย่าง" พูดถึงตรงนี้ สีหน้าท่าทางของท่านจินจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เขามองดูโหลชีแล้วกล่าวว่า: "เจ้ารู้ว่าไหมเพราะอะไรถึงสามารถสร้างภาพลวงตาให้กลายเป็นหน้าตาของเจ้าได้? วิธีลับเช่นนี้จะทำให้สำเร็จไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไม่ใช่คิดอยากจะเปลี่ยนเป็นใครก็ได้ตามใจชอบ เพราะหนึ่งในนั้นต้องใช้ของสิ่งหนึ่งที่หาได้ยากมาก"
"สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับข้า?"
ท่านจินพยักหน้า: "ฉลาดมาก ต้องการเลือดหัวอกของเจ้า เส้นผม เล็บ แล้วก็ ชุดชั้นใน...ที่เคยใส่แล้ว"
แต่ละชิ้นที่เขาพูดถึง สีหน้าของโหลชีก็ดำมืดมากยิ่งขึ้น รอเขาพูดจบก็รีบส่ายหน้าแล้วกล่าวทันที: "นั่นเป็นไปไม่ได้ เส้นผมกับเล็บข้าจะไม่พูดถึง เลือดหัวอกข้ายังไม่เคยไหลมาก่อน อีกอย่าง......"
"ใครเอาชุดชั้นในของเจ้าไป ข้าจะทำลายมันให้สิ้นซาก" ใบหน้าของเฉินซ่าดำยิ่งกว่านางเสียอีก คำสรรพนามแทนตัวก็หลุดออกมา
ท่านจินกลับขมวดคิ้วขึ้นมา "หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ยังมีของสิ่งหนึ่งที่สามารถแทนทุกสิ่งได้ และ ผลลัพธ์ยังดียิ่งกว่าการใช้สิ่งเหล่านี้เสียอีก"
โหลชีตื่นเต้นขึ้นมาทันที นางมีลางสังหรณ์ สิ่งที่ท่านจินกำลังจะพูดต่อไปนี้ สำหรับนางแล้วต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน
"เลือดจากสายสะดือ ซึ่งก็คือตอนที่เจ้าเกิด เลือดที่ไหลออกมาตอนที่ตัดสายสะดือ"
เสียงโครมดังขึ้นมา ในหัวของโหลชีระเบิดขึ้นมาในทันที ราวกับเรื่องนี้เป็นดั่งลูกระเบิดที่มีอานุภาพทรงพลัง ระเบิดความคิดสติสัมปชัญญะของนางไปจนหมดสิ้น ในสมองมีแต่ความว่างเปล่า
เลือด! จาก! สายสะดือ!
นี่หมายความว่า นางเป็นคนของที่นี่ เกิดที่นี่จริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ