ผูยู่เหออึ้งไป: "พระชายา?"
พระชายารองซ่งจูงนางไปนั่งลงบนเตียง ดึงผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมเช็ดน้ำตาให้นาง กล่าวเสียงเบาขึ้นมาว่า: "แน่นอน น้าสาวเจ้าเป็นแค่พระชายารองเท่านั้น ท่านอ๋องเขายังมีพระชายาหลักอยู่ ทุกอย่างในจวนแห่งนี้พระชายาเป็นคนจัดการทั้งนั้น แม้แต่การจัดเตรียมลานนี้ให้เจ้า ข้าก็ยังต้องรายงานต่อพระชายาก่อนเลย เจ้านึกว่าน้าสาวมีอำนาจจัดการในจวนอ๋องหรือ?"
"พระชายาเข้ากับคนยากมากหรือ?" ภายใต้ความตะลึงงันผูยู่เหอลืมร้องไห้ไปเลย
"ตระกูลฝั่งแม่ของพระชายาแข็งแกร่งกว่าตระกูลฝั่งแม่ของน้าสาวมาก มีหลายๆอย่างที่ท่านอ๋องยังต้องพึ่งพานาง เด็กโง่ ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า เจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี สองสามวันนี้พระชายาไปที่วัดไป๋หยุน รอให้นางกลับมา น้าสาวยังต้องพาเจ้าไปคำนับด้วย"
"ไม่ น้าสาว ข้าอยากจะไปแล้ว ข้าไม่อยากอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว" ผูยู่เหอร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
"แล้วนี่พูดอย่างไรอีกแล้ว? เพิ่งจะมาถึงก็จะไป? ตอนช่วงอาหารค่ำคุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะอยู่กับน้าสาวที่นี่?" พระชายารองซ่งขมวดคิ้วขึ้นมา "เมื่อกี้เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไม่ดี เป็นเพราะท่านอ๋อง?"
"ใช่! เขา เขาพูดอะไรแปลกๆกับข้าเยอะแยะ......"
พระชายารองซ่งโบกมือ คนที่นางพามาก็ลากตัวซือเอ๋อร์ออกไป และปิดประตูลง
"ยู่เหอ" พระชายารองซ่งถึงได้ยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปที่ผูยู่เหอ แล้วยื่นมือออกไปเก็บปอยผมที่หลุดลุ่ยลงมายังแก้มหน้าของนางไปทัดเอาไว้ที่หลังหู จากนั้นก็ลูบไปที่หน้าของนางแล้วกล่าวว่า: "ท่านอ๋องพูดว่าอะไร? บอกว่าเจ้าหน้าตาเหมือนพี่สาวข้ามากใช่ไหม? ชมว่าเจ้าสวยมากใช่ไหม?"
ในใจผูยู่เหอมีความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ชั่วครู่ชั่วยามก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่พยักหน้าอย่างงุนงง
"เขายังคิดอยากจะ——" เสียงของพระชายารองซ่งเบามาก "ได้ร่างกายของเจ้าใช่ไหม?"
ผูยู่เหอกระโดดลุกขึ้นมา ถอยหลังสองก้าว มองดูนางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา: "น้า น้าสาว ท่านรู้ได้อย่างไร?"
"ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? เพราะลานแห่งนี้ คือสถานที่ที่เตรียมเอาไว้ให้หญิงงามที่เพิ่งเข้ามารับใช้ท่านอ๋อง หญิงงามที่อยู่ที่นี่หลังจากผ่านไปหลายวันแล้ว ถึงจะได้ข้อสรุปว่าจะอยู่หรือจะไป เจ้าเพิ่งจะเข้ามาอยู่วันแรก รีบร้อนจะไปย่อมไม่ได้อยู่แล้ว"
ผูยู่เหอตกใจมาก "นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?"
"หมายความว่าอย่างไรเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? ยู่เหอ ท่านอ๋องเห็นหน้าใบนี้ของเจ้า จะต้องเคยพูดอย่างแน่นอนว่าเหมือนพี่สาวข้ามากใช่ไหม? สมัยก่อนท่านอ๋องชอบพี่สาว ชอบมากมายขนาดนั้น แต่ว่าเขาไม่สามารถแต่งงานกับพี่สาวได้ แต่กลับบังคับให้ข้าแต่งงานด้วยเพียงเพราะข้าดูคล้ายกับพี่สาวเล็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนั้นน้าสาวก็มีคนที่ชอบเช่นกัน"
"แน่นอนว่า ต่อมาข้าก็รักเดียวใจเดียวกับท่านอ๋อง แต่สองปีหลังจากแต่งงานกัน มีอยู่วันหนึ่งจู่ๆเขาก็กลับมาบอกกับข้าแล้ว เขานอนกับพี่สาวแล้ว และพี่สาวนั่นของข้า เมื่อข้าไปพบนางในวันรุ่งขึ้น กลับมองไม่เห็นถึงความเสียใจเลยสักนิด ยังดูอิ่มเอิบมีความสุข เจ้าว่า นางรอวันนี้มานานแล้วใช่ไหม? แย่งผู้ชายของน้องสาว ในใจของนางคงรู้สึกภูมิใจมากใช่ไหม?"
ขณะที่พูดถึงเรื่องพวกนี้ ใบหน้าของพระชายารองซ่งก็ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน นางมองดูผูยู่เหอ แล้วกวักมือให้นาง: "มา ยู่เหอ ให้น้าสาวมองดูเจ้าหน่อย มาถึงก็ทำให้น้าเขยหลงใหล ใบหน้านี้มันงดงามเพียงใด"
ผูยู่เหอส่ายหน้าอย่างไม่กล้าจะเชื่อสายตา รู้สึกแค่ว่าหากไม่ใช่โลกใบนี้มันบ้าไปแล้ว ก็คือตัวนางเองที่บ้า เพราะอะไร เพราะอะไรน้าเขยเป็นเช่นนี้ น้าสาวก็เป็นเช่นนี้? แต่ละคนบ้าไปหมดแล้ว!
นางหันหลังก็วิ่งไปทางประตู: "ข้าไม่บ้ากับพวกท่านแล้ว ข้าจะออกไปที่นี่ ข้าจะจากไป! คุณชายเฉิงรีบมาช่วยข้าด้วย!
"คุณชายเฉิง? เจ้าหมายถึงฝ่าบาทพั่วอวี้เฉินซ่าหรือ?" พระชายารองซ่งมองดูนางดึงประตูอย่างเสียแรงเปล่า ไม่มีคำสั่งของนาง คนรับใช้ที่อยู่ด้านนอกจะปล่อยนางออกไปได้อย่างไร
ผูยู่เหอตะลึงไป หันหลังกลับมา: "ฝ่าบาทพั่วอวี้อะไรกัน?"
"ฮ่าๆๆ ก็ไม่แปลกที่เจ้าไม่รู้ ไม่ใช่คุณชายเฉิง ชื่อจริงของเขาคือเฉินซ่า เฉินของเฉินเซียง ซ่าของซ่าชี่ เป็นฝ่าบาทตำหนักจิ่วเซียวของพั่วอวี้ หากว่าเจ้าไม่เข้าใจ เช่นนั้น น้าสาวเปลี่ยนวิธีพูดใหม่ แม้แต่ยู่ไท่จื่อของตงชิงเรา อยู่ต่อหน้าเขาก็ยังต้องยับยั้งพฤติกรรม พูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือยัง?"(เฉินเซียงคือไม้กฤษณา ซ่าชี่คือชี่พิฆาต)
ผูยู่เหอพยักหน้าอย่างเชื่องช้า เข้าใจ ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่เพราะว่าเข้าใจแล้ว ทั้งตัวของนางถึงได้แข็งทื่อไป
พระชายารองซ่งกล่าวว่า: "เดิมที ด้วยฐานะของเจ้า ไหนเลยจะมีสิทธิให้เขาคุ้มครองเจ้ามาตลอดทาง แต่ว่า นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสหนึ่ง ยู่เหอ ไม่งั้น น้าสาวจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง"
"โอกาสอะไร?" ผูยู่เหอไม่ได้ฉลาดมาก แต่ฟังความหมายของพระชายารองซ่งก็พอจะเดาออก ความหมายของนางคือ คุณชายเฉิงไม่ใช่คนธรรมดา เป็นฝ่าบาทพั่วอวี้ใช่ไหม? ฝ่าบาทตำหนักจิ่วเซียงที่ยู่ไท่จื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังไม่กล้าวางมาด!
แต่ว่าแล้วพั่วอวี้คือที่ไหนกัน? ฝ่าบาท คือฮ่องเต้? ดวงตาของผูยู่เหอสว่างจนเกือบจะเหมือนดาวสองดวงแล้ว นางเคยถูกฮ่องเต้องค์หนึ่งคุ้มกันด้วยพระองค์เอง? มิน่าล่ะ มิน่าว่าลักษณะท่าทางของเขาถึงได้ทรงพลังจนน่าทึ่งเช่นนั้น มิน่าหัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเขายังหล่อเหลาไม่ธรรมดาขนาดนั้น มิน่าเขาถึงตบรางวัลเป็นแผ่นทอง!
คิดถึงตรงนี้ นางรู้สึกว่าตัวเองแย่แล้ว รู้อย่างนี้ตามติดพวกเขาอย่างใกล้ชิดก็ดีแล้ว มาจินโจวอะไรกัน! มาถึงจินโจวถึงได้รู้ว่าน้าเขยน้าสาวล้วนเป็นพวกวิปริตทั้งนั้น!
และนางยังพลาดจากฮ่องเต้ไปองค์หนึ่ง! ผูยู่เหอใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว นางแทบอยากจะให้เวลาย้อนกลับไปได้ ย้อนกลับไป นางจะต้องตามติดพวกเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แม้จะเป็นเพียงแค่สาวใช้นางก็ยินดี! นางกำลังคิดว่าจะเป็นสาวใช้คิดไม่ถึงว่า พระชายารองซ่งก็กล่าวว่า: "ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังตามหาเฉินซ่าและคนอื่นๆไปทั่ว หากว่าเจ้าสามารถช่วยเขาได้ ก็จะมีบุญคุณต่อเขาไม่ใช่หรือ? ถึงเวลานั้นเจ้าก็สามารถเอ่ยคำขอต่อเขาได้ แต่ว่า ด้วยความสามารถของเฉินซ่า ท่านอ๋องก็เอาชีวิตของเขาไม่ได้ ดังนั้นเจ้าไม่มีทางที่จะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตต่อเขาได้ พูดได้แค่เป็นแรงสนับสนุนที่คอยช่วยเหลือเท่านั้น หากเจ้าอยากเป็นสนมของเขา เกรงว่าคงจะไม่ได้แล้ว เป็นนางบำเรอไม่แน่อาจพอไหว"
คำพูดของนางเพิ่งจบลง ผูยู่เหอก็ตะโกนขึ้นมา: "เป็นนางบำเรอข้าก็ยินดี!"
"บางที เขาอาจจะทำข้อตกลงกับเป่ยชางแล้ว" โหลชีนึกถึงผู้หญิงคนนั้นเป่ยฝูหรงในใจก็รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย หากว่าเป่ยชางและตงชิงเป็นพันธมิตรกันจริงๆ และทุ่งป่าเถื่อนของพั่อวี้เกิดข้อพิพาทขึ้นมาอีก สถานการณ์ของตำหนักจิ่วเซียวก็จะลำบากมาก บวกกับท่านผู้นี้ยังมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย ทุกวันที่สิบห้าต้องมาครั้งหนึ่ง......
แม้แต่นางก็ยังรู้สึกลำบากแทนเขาแล้ว เขายังสามารถสงบนิ่งได้เช่นนี้
จู่ๆเฉินซ่าก็หันกลับมาลูบหัวของนางแล้วกล่าวว่า: "ไม่เป็นไร"
"ดูท่า มุกน้ำตาตงไห่คงต้องวางแผนระยะยาวแล้ว" โหลชีนึกถึงคำพูดของพระชายารองซ่งเมื่อครู่นี้ อดที่จะหงุดหงิดในใจขึ้นมาไม่ได้ ผู้หญิงพวกนี้ดูท่าแล้วไม่ว่าจะฉลาดหรือว่าโง่แต่ละคนกลับไม่ทำให้คนหมดห่วงทั้งนั้น ไม่รู้เป็นเพราะว่าเดิมทีโลกใบนี้ก็ค่อนข้างซับซ้อนอยู่แล้วหรือเปล่า ดังนั้นใจของคนจึงยิ่งซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
พระชายารองนั่นก็ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ ถึงแม้ในจวนเหอชิ่งอ๋องจะดูเหมือนกับมีฐานะอยู่บ้าง แต่ใจกลับไม่ได้หนึ่งเดียวกันกับเหอชิ่งอ๋องอย่างเห็นได้ชัด แล้วเพราะอะไรถึงอยากให้ผูยู่เหอผู้โง่เขลาแทรกซึมอยู่ข้างกายเฉินซ่า
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกอีกว่าอยู่ข้างกายเฉินซ่าต้องใช้แรงกายแรงใจมากเกินไปจริงๆ ช่างแตกต่างจากชีวิตเกษียณที่นางวางแผนไว้แต่แรกมากเกินไป อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากถอยเล็กน้อย
เวลานี้หากโหลชีบอกว่าไม่มีความรู้สึกต่อเฉินซ่านั่นคงเป็นไปไม่ได้ แต่นางเย็นชามาแต่กำเนิด ถึงแม้ทั้งสองจะเคยร่วมเป็นร่วมตายมาหลายครั้งก็ตาม ความรู้สึกก็มีเช่นกัน แต่ในฐานะของคนที่มาจากยุคปัจจุบัน นางก็ยังโหยหาอิสรภาพมากกว่า
ดูเหมือนเฉินซาจะรู้สึกถึงอารมณ์ของนาง ใบหน้าที่เย็นชาแต่เดิมก็ดำมืดลงมาในทันใด เขาหยุดฝีเท้าเอาไว้ กล่าวว่า: "ชีเอ๋อร์ เจ้าหนีไม่รอดหรอก"
โหลชีคิดไม่ถึงว่าความคิดวกไปวนมาของนางยังถูกเขาจับได้อีก ชั่วขณะหนึ่งก็ตกตะลึงจนยืนอยู่กับที่ รอจนเห็นเขาก้าวเท้าเข้าไปในเรือนด้านข้างนั้นแล้ว นางถึงตามเข้าไปแล้วกลอกตาอย่างอดไม่ได้
วินาทีที่แสงตะวันยามเช้าสาดส่องขึ้นมา พิษกู่ของเฉินซ่ากำเริบขึ้นมาอีกแล้วจริงๆ ในใจของเขาเต้นตึกตักขึ้นมา ทั่วทั้งร่างกายค่อยๆแข็งตัว ถึงได้พบว่าในอ้อมแขนไม่มีโหลชี
ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยแบบนั้นแผ่ซ่านไปในทันที ทำให้เขาเกือบจะควรญครางออกมา
เวลานี้ ข้างกายมีคนซุกตัวเข้ามา แขนของโหลชีกอดไปที่เอวของเขาด้วยตัวเอง หนุนอยู่บนหน้าอกของเขา ความเจ็บปวดแบบนั้นถึงได้ลดลงไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำไหล ร่างกายก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน
เฉินซ่าถึงได้พบว่าโหลชีไม่ได้จากไป เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นอนห่างจากเขาไปเล็กน้อยเท่านั้น
โหลชีถอนหายใจโล่งอก ช่วงเช้ามืดเช่นนี้นางจะนอนหลับสบายเป็นพิเศษ ไม่ได้สังเกตว่าตนเองออกมาจากอ้อมแขนของเขาแล้ว เมื่อครู่ในใจเตือนขึ้นกะทันหันถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ