ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 184

เพชรนิลจินดาเต็มห้อง ก่อนที่จะมาเห็นให้ฟ่านฉางจื่อวางมือยังพอเป็นไปได้ ตอนนี้มาเห็นแล้ว ความละโมบครอบงำไปทั้งจิตใจนานแล้ว เขาจะยอมวางมือได้ยังไง? อีกอย่าง ตอนนี้ให้หนีก็ไม่ทันแล้ว

โหลชีเหล่ฟ่านฉางจื่ออย่างเยาะหยัน นางไม่คิดว่าตาแก่นี่เห็นเพชรนิลจินดาเต็มห้องแล้วจะอึ้งตะลึงนานขนาดนี้ เขาคงไม่คิดจะขนของพวกนี้หนีออกไปตอนนี้หรอกนะ?

"รู้ตัวแล้วยังไงล่ะ?" ฟ่านฉางจื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก ในใจเริ่มร้อนรน อยากจะวางมือจากของพวกนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจยิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ไม่อยากละทิ้งไปเลย!

"ปึ้ง!" มีคนพยายามกระแทกประตู โหลชีทำหน้าเลิ่กลั่ก "ทำไงดีทำไงดี? ผู้อาวุโสฟ่าน ท่านรีบคิดหาวิธีสิ! พวกเขาจะบุกเข้ามาแล้วนะ!" นางพูดไปพลางพยายามดันประตูนั้นอย่างยากลำบาก

น่าหลานจื่อหลินเห็นนางคล้ายจะต้านทานไม่ไหวแล้ว เลยรีบเข้าไปช่วยดัน

"ข้าต้องกลัวด้วยรึ!" ฟ่านฉางจื่อกำหมัดแน่น

"ไม่อย่างนั้นพวกเราบุกทะลวงเลือดสาดออกไป อย่าพึ่งเอาของเลย รีบหนีสำคัญกว่านะ!" โหลชีรีบพูด

อย่าพึ่งเอาของ? จะทำได้ยังไง! ของพวกนี้เป็นของเขา ของเขาทั้งหมด

ฟ่านฉางจื่อร้อนใจตาแดงฉับพลัน!

"คนข้างในฟังให้ดี! หากยังมิออกมาอีก ข้าไม่ละเว้นพวกเจ้าแน่!" ด้านนอก เสียงตะโกนของไอ้ตาเดียวดังชัดเจน

"อาจารย์ ไปเถิด--" น่าหลานจื่อหลินทนไม่ไหวช่วยเกลี้ยกล่อมอีกคน

เขายังพูดไม่ทันจบ โหลชีร้องโอยขึ้น สะดุดล้ม ทำให้น่าหลานจื่อหลินอยากปล่อยมือไปช่วยพยุงนาง พอพวกเขาไม่ดันประตูเอาไว้ ก็โดนคนกระแทกเข้ามาเลย

โหลชีตกใจรีบกระโดดไปด้านข้าง น่าหลานจื่อหลินไม่คิดว่านางจะไวเยี่ยงนี้ แขนเขาโดนประตูกระแทกโดยแรง เจ็บจนหน้าเขาเปลี่ยนสีเล็กน้อย

"ข้าจะดูสิว่า ใครใจกล้าหน้าด้านกล้ามาขโมยของของข้า!" ไอ้ตาเดียวตะโกนอยู่ด้านนอก "ไอ้เต่าหดหัวกล้าออกมารึไม่?"

"ไอ้หนูช่างโอหังนัก!" นอกจากหลายวันนี้ฟ่านฉางจื่อโดนโหลชียั่วโมโหจนเกือบกระอักเลือดมีหรือจะเคยโดนใครด่าว่าเป็นเต่าหดหัว ตบฝ่ามือโดยแรง จากนั้นผลันออกไปทันที

"ดูท่าจะมีฝีมืออยู่บ้าง!" ไอ้ตาเดียวตะคอกดัง "ข้าจัดการเจ้าเอง!"

ทั้งคู่ปะทะกันดุจสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวซัดไปสามฝ่ามือ กำลังภายในลึกล้ำกำจายไปทั่ว อานุภาพที่ฝ่ามือซัดออกไปทำให้คนอื่นจำต้องล่าถอย เหลือพื้นที่ตรงกลางให้พวกเขาสองคน

ไอ้ตาเดียวตกใจมาก ไม่คิดว่าคนที่มาจะมีวิทยายุทธสูงเพียงนี้! ส่วนฟ่านฉางจื่อมีหรือจะไม่ตกใจ? เดิมเขาคิดว่าไอ้ตาเดียวก็แค่ขุนโจรคนหนึ่ง ถึงคนอื่นจะจับเขาไม่ได้เพราะเขาเจ้าเล่ห์มากเกินไป ซ่อนตัวเก่งเกินไป ตอนนี้ถึงรู้ว่า ที่จริงแล้ววิทยายุทธเขาก็สูงส่งขนาดนี้ด้วย! คนที่สมาคมพ่อค้าพวกนั้นหาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

แค่มองโหลชีก็รู้ว่าฟ่านฉางจื่อเก่งกว่าไอ้ตาเดียวขั้นหนึ่ง แต่เขากลับดูเบาคู่ต่อสู้ไป ดูท่าจะใช้วิทยายุทธแค่ห้าหกส่วน ฝ่ามือที่สามถึงได้โดนไอ้ตาเดียวบีบให้ถอยไปหนึ่งก้าว หลังจากปะทะกันสามฝ่ามือทั้งคู่ต่างถอยกันคนละก้าว

ตอนนี้ไอ้ตาเดียวถึงเห็นฟ่านฉางจื่อได้ชัด และสีหน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นการแต่งกายของเขา โพล่งปากอุทานออกมาว่า "ผู้อาวุโสเขาเวิ่นเทียน?"

โหลชีไม่มีทางบอกทุกคนหรอกว่า นางรอวินาทีนี้อยู่! รอวินาทีนี้เลย!

ในตอนที่คำพูดนี้ของไอ้ตาเดียวออกมา นางรีบร้องอุทานทันทีว่า "แย่ละ! ผู้อาวุโสฟ่าน เขารู้จักท่านแน่ะ!"

ตอนนี้ฟ่านฉางจื่อยังไม่รู้ว่าโดนคนจับฐานะเขาได้แล้วจะเป็นยังไง แต่ไอ้ตาเดียวไม่ได้ทำให้โหลชีผิดหวังจริงๆ ร้องตามบทละครของนางต่อไป

"ไม่คิดเลยว่า เขาเวิ่นเทียนที่ในสายตาผู้คนเป็นราวกับแดนสวรรค์กลับมีผู้อาวุโสที่เป็นโจร!"

ไอ้ตาเดียวพูดไป ก็ค่อยๆรวบรวมวิทยายุทธให้ครบสิบส่วน ผู้อาวุโสเขาเวิ่นเทียน เขาไม่กล้าดูเบาหรอก เมื่อครู่เขาใช้พลังไปแปดส่วนแล้ว กลับทำได้แค่เสมอกับอีกฝ่าย เขาเดาว่าอีกฝ่ายยังใช้พลังไม่หมด ดังนั้นวิทยายุทธอีกฝ่ายเหนือกว่าเขา! ถ้าเขาไม่เสี่ยงลอบโจมตี โอกาสชนะมีไม่มากเลย!

"ผู้อาวุโสฟ่านระวัง เขาจะลอบโจมตี!" โหลชีร้องอุทานอย่างตกใจ แต่เวลาประจวบเหมาะมาก ไอ้ตาเดียวกำลังจะลงมือ! ฟ่านฉางจื่อได้ยินเสียงร้องของโหลชี และหันมองไอ้ตาเดียว บ้าชิบคิดจะลอบโจมตี! เขาไม่เก็บซ่อนอีก พลังสิบส่วนปะทุออกไป!

ไอ้ตาเดียวกำลังพุ่งมาทางเขา ร่างยังอยู่กลางอากาศ โดนฝ่ามือนี้ปะทะกลางอกพอดี เสียงดังปึ้กเกิดขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ว่ากระดูกซี่โครงตนหักแล้ว เลือดคำโตพ่นกระฉูด

"พี่ใหญ่!"

ฟ่านฉางจื่อกัดฟันกรอด เขาต้องมองออกอยู่แล้วว่า วิทยายุทธคนพวกนี้ไม่สู้เขา แต่ได้เปรียบตรงคนมากกว่า มากกว่าพวกเขาหลายเท่าตัวนัก อีกทั้งไม่กลัวตาย เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเทียม พวกเขากล้าส่งคนหนึ่งทะลวงเข้ามาเป็นตัวล่อเป็นด่านหน้า ระหว่างที่เขากำลังรับมือคนนั้น ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งขึ้นหน้า อีกคนแนบข้าง แทงกระบี่ยาวเข้ามา

และยังมีพวกผิดปกติหลายคนในนั้น เป็นพวกไม่กลัวอาวุธจะทำร้ายพวกเดียวกันเข้า คิดแต่จะแทงมาทางนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้เขารับมืออย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่สักหน่อย

ตอนนี้เอง ไอ้ตาเดียวได้โยนค้อนหลิวซิงให้คนข้างๆ พลางยื่นมือรับธนูใหญ่มาคันหนึ่ง ดึงสายขึ้นธนู เล็งไปที่ฟ่านฉางจื่อ

พวกเขาได้ยินมาว่าฝีมือธนูของไอ้ตาเดียวระดับเทพเลยทีเดียว คราวนี้จิตใจฟ่านฉางจื่อและน่าหลานจื่อหลินเริ่มกดดันละ

"เหอะเหอะ เหล่าพี่น้อง ฆ่าพวกมัน ส่งศพไปที่เขาเวิ่นเทียน ให้พวกเขาดูว่าคนของตนนั้นน่ารังเกียจเพียงใด!" ไอ้ตาเดียวยกคันธนูใหญ่นั่นขึ้นดูเหมือนไม่เสียแรงอะไรเลย บาดเจ็บกำลังภายในเมื่อครู่เหมือนหายดีแล้ว ที่เกินจริงไปกว่านั้นคือพอเขาพูด ในปากยังกำจายกลิ่นยานั่นออกมาด้วย

"อาจารย์ ไปเถิด!" น่าหลานจื่อหลินทนไม่ไหวเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง

ฟ่านฉางจื่อพบว่าตนฆ่าคนไปไม่น้อยแล้ว มีศพอย่างน้อยสิบศพรายล้อมอยู่รอบเขา แต่คนมากเกินไป พวกมันเจ้าเล่ห์มากเกินไป และยิ่งไม่กลัวตาย และยังเหลือรอยแผลไว้บนร่างเขาได้ ชุดเขาโดนฟันฉีกขาดหลายจุด มันทำให้เขารู้สึกขายหน้ามาก

เวลานี้ที่จริงฟ่านฉางจื่อไม่ได้คิดจะฆ่าล้างบางหมด เพราะเขาเวิ่นเทียนยังไม่เคยฆ่าคนเป็นร้อยแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพอสู้มานานยังไม่ชนะสักที ฟ่านฉางจื่อเริ่มคิดจะล่าถอย "ได้--"

โหลชีเห็นเขาคิดจะถอย พิชิตวันถูกดึงออกมา สะบัดฟันคอหอยสองคนขาดติดต่อกันราวกับฟันหน่อไม้ นางตะคอกเสียงดังว่า "ผู้อาวุโสฟ่าน คิดให้ดีนะ ถ้าไปตอนนี้ ไม่ต้องใช้เวลามากนัก ใต้หล้าจะมีข่าวลือว่าท่านพาลูกศิษย์มาเป็นขโมยที่ทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้แน่! แล้วพวกเขาจะคิดยังไงท่านรู้ไหม? ด้วยวิทยายุทธของท่าน ในเมื่อจะจากไปก็ต้องได้ของไปสิ ถึงเวลานั้นท่านกลับเขาเวิ่นเทียน บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องท่านถามถึงของที่ท่านขโมยมาล่ะ ท่านจะทำยังไง!" นางชะงักก่อนตะคอกเสียงสูงว่า "ถึงเวลานั้นท่านทำชื่อเสียงเขาเวิ่นเทียนเสียหาย ยังไม่ได้ของกลับไปอีก ศิษย์พี่ศิษย์น้องท่านจะยอมปล่อยท่านหรือไง! ท่านต้องคิดดูให้ดีเลยนะ!" ฟ่านฉางจื่อแอบสะท้านเยือก

โหลชีพูดถูก ในสายตาผู้คนเขาเวิ่นเทียนเป็นเหมือนกับแดนเซียน พวกเขาแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของเหล่าเซียนแล้ว ถ้าเขาทำชื่อเสียงเขาเวิ่นเทียนหม่นหมอง ศิษย์พี่ใหญ่ต้องฆ่าเขาแน่!

"งั้นเจ้าว่าทำเยี่ยงไรดี!" ฟ่านฉางจื่อซัดสองฝ่ามือออกไป ทำผู้ชายสองคนกระเด็นลอยไป แต่ในเวลาเดียวกันก็มีรังสีเย็นยะเยือกจากด้านหลังโจมตีเข้ามา เขารีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว มีดสั้นเล่มหนึ่งใกล้จะแทงเข้าเอวเขา ศึกที่สู้ไม่จบไม่สิ้นเริ่มทำเขาหงุดหงิดฉุนเฉียว

"ข้าก็แค่นังหนูคนหนึ่ง ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไร ข้าแค่พูดความคิดของข้ากับท่านเท่านั้นเอง!" โหลชีพูด ในมือสะบัดฟันคอหอยคนต่อไปอย่างไม่ลังเล

"ตอนแรกข้าไม่ได้สังเกตเจ้า พี่น้องข้าถอยไปข้าจะจัดการนังนี่ก่อน!" ถึงไอ้ตาเดียวจะรู้สึกว่าคำที่นางพูดมิได้มีอะไรพิเศษ พูดความจริงทั้งนั้น แต่มิรู้ทำไมถึงมีลางสังหรณ์ไม่ใคร่ดีนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ