แต่ผูยู่เหอกลับรู้สึกคุ้มค่า นางไปสืบมาแล้ว ผู้ที่จะสามารถเข้าไปนั่งร่วมประชุมในห้องประชุมนี้ได้มีแต่เหล่าขุนนางชั้นสูงของเมืองพั่วอวี้
ผู้ที่มาจากตงชิงเยี่ยงนาง ยามพึ่งมาที่นี่นางยังไม่คุ้นชินจริงๆ อย่าว่าแต่เรื่องอาหารการกินไม่คุ้นชิน พูดถึงที่นี่ ทั้งๆที่เป็นที่ที่ฝ่าบาทอยู่ ทำไมไม่เรียกพระราชวังเลย? ยังมีตำหนักหนึ่ง ตำหนักสอง ตำหนักสามอะไรกัน เหตุใดในวังมีแต่นางกำนัลมิมีขันที? องครักษ์สามารถเดินไปมาในวังชั้นในได้อีก? ตำหนักสามของฝ่าบาท ถึงจะยังมิได้มีสนม แต่เหตุใดจึงมิมีนางบำเรอเล่า?
อีกอย่าง ขนาดเฉิงเซี่ยงก็ไม่มี ไม่มีขุนนางใดๆ มีแต่องครักษ์หัวหน้าผู้คุมและพ่อบ้าน มันทำให้นางมิคุ้นชินจริงๆ แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก นางแค่รู้ว่าพ่อบ้านที่นี่เท่ากับขุนนางระดับห้าขึ้นไปที่สามารถไปประชุมเข้าที่ประเทศตงชิงได้ก็พอแล้ว
หลายวันนี้ไม่ง่ายเลยที่นางจะหาโอกาสเข้าใกล้ขุนนางคนหนึ่ง มีหรือจะไม่รีบเข้าใกล้มากขึ้น? ถึงจะถูกฝ่าบาททำร้ายออกมาก็เถิด แต่นิสัยฝ่าบาทก็เยี่ยงนั้นล่ะ? ระหว่างทางที่มาเขาเองก็ไม่ไว้หน้านางเลย ท่าทางเย็นชานัก แต่ตอนนี้นางก็ได้เข้ามาอยู่ในตำหนักจิ่วเซียวแล้วนี่ เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างเคารพนบนอบนางยิ่ง
"ใต้เท้าอย่าโทษฝ่าบาทเลย พระองค์คงอารมณ์มิใคร่ดี รออีกครู่ท่านขอพระราชทานอภัยโทษกับฝ่าบาทมิดีรึ"
พ่อบ้านผู้นั้นเดิมคิดว่าตนคงตายแน่แล้ว ไม่คิดว่าสาวงามนางนี้จะโผล่ออกมาให้ยารักษาอาการบาดเจ็บกับเขา ยังบอกให้เขาขออภัยกับฝ่าบาทก็ได้แล้ว? นี่จริงรึ? หรือว่าสาวงามนางนี้ได้รับใช้ฝ่าบาทแล้ว ได้รับความรักจากฝ่าบาท จนสามารถเป่าหูแล้ว?
ระหว่างกำลังดีใจ เฉินซ่าประชุมเสร็จออกมาพอดี
ระยะเวลานี้จัดการพ่อบ้านไปหลายคน แต่เขาเองก็เลื่อนตำแหน่งให้กับพ่อบ้านรองหลายคน ดังนั้นตอนนี้คนที่เดินตามเขาออกมาดูๆแล้วก็มีหลายสิบคน
ผูยู่เหอยืนขึ้น หมุนตัวกลับไปดู และเห็นชายร่างสูงที่ยืนต่อหน้าผู้คนในชุดสีแดงดำเช่นเดิมขนคิ้วยาวงามงอน ดวงตาคมขำนุ่มลึก ทำเอาบรรดาลูกน้องหลายสิบคนไร้ซึ่งสีสันไปเลย บุรุษเช่นนี้จะให้นางมิหลงใหลได้อย่างไร?
และในตอนที่นางกำลังมองเฉินซ่าด้วยสายตารักใคร่ เฉินซ่ากลับมองไปยังพ่อบ้านผู้นั้น เขาหรี่ตาลง สายตามีประกายเย็นเยือกวาบผ่าน "ข้าอนุญาตให้ใครรักษามันรึ?"
"ฝ่าบาท แม่นางยู่เหอให้ยาดีรักษาอาการบาดเจ็บกับข้าน้อย--"
พ่อบ้านผู้นั้นกำลังจะขออภัย แต่เฉินซ่ากลับตัดบท "ยาดีรักษาอาการ?" เขาหันไปมองผูยู่เหอ หลังจากผูยู่เหอกลับมาก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลยอยู่หลายสิบวัน ตอนนี้โดนสายตาเขาจับจ้องเยี่ยงนี้ รู้สึกเพียงชวนหลงใหล สมองมึนเบลอ เพ้อพกละเมอหยิบขวดยาออกมา
อิงรีบเข้าไปแย่งขวดยามา
ผูยู่เหอร้องเสียงดังอย่างตกใจทันที "ไม่ ท่านจะแย่งยาข้าไปไม่ได้ มันเป็นของข้า ของข้านะ!" นางจะเข้าไปแย่ง กลับมีองครักษ์พุ่งเข้ามาขวางนางไว้
"ยาดีรักษาอาการบาดเจ็บ?" เฉินซ่าเดินเข้าไปหาพ่อบ้านนั่น แล้วพูดเบาๆว่า "ฤทธิ์ยาไม่เลว?"
ในใจพ่อบ้านมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีขึ้นมา ยังไม่ทันคิดให้ละเอียด พลังน่ากลัวก็พุ่งมาที่หน้าอกเขา!
ปึ้งดังขึ้น เขาโดนถีบล้มลงพื้น และกระอักเลือดอีกครั้ง
เฉินซ่าพูดเสียงเย็น "ป้อนยาให้เขา"
อิงเทยาออกมาหนึ่งเม็ด ยัดใส่ปากเขา จากนั้นก็เห็นเขาหยุดกระอักเลือด สีหน้าดูดีขึ้น อิงจับเขาขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินซ่ายกเท้าถีบ ปึ้ง!
พ่อบ้านโดนเตะกระเด็นอีกครั้ง เฉินซ่าควบคุมแรงถีบ ทุกฝ่าเท้าหนักเท่ากับครั้งแรก เขารู้ดีว่าเรี่ยวแรงแค่นี้ทำบาดแผลได้แค่ไหน พอถีบลงไปไม่เพียงบาดเจ็บภายใน กระดูกซี่โครงก็ร้าวด้วย ถีบอีกหลายที กระดูกซี่โครงหักแน่ แต่คนอื่นไม่รู้
"ป้อนยาให้เขาอีก"
น้ำเสียงเฉินซ่าเย็นชาจนคนหนาวสั่น
อิงเทยาออกมาอีกหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากเขา ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเฉินซ่าจะทำอะไร พวกที่ขี้ขลาดหน่อยต่างตกใจจนขาสั่น พวกที่ใจกล้าขึ้นมาหน่อยยังสีหน้าซีดเผือด
ไหนว่าเป็นยาดีรักษาอาการบาดเจ็บไง? ให้กินให้พอ รักษาให้พอเลย
ผูยู่เหอมองเฉินซ่ายกเท้าถีบพ่อบ้านซะกระอักเลือดอีกครั้ง นางตกใจน้ำตาไหลพราก ปิดปากตนเองแน่นอย่างกลัวจะร้องออกมาแล้ว เท้าเขาจะหันมาถีบนางแทน
ในขวดยานั่นยังเหลือยาห้าเม็ด พ่อบ้านนั่นก็โดนถีบอีกห้าที และโดนยัดยาห้าเม็ดเข้าปากหมด
ดีขึ้นหน่อย ก็โดนถีบจนกระอักเลือด แล้วก็ป้อนยา
พอดีขึ้นอีกหน่อย ก็โดนถีบจนกระอักเลือดอีก แล้วก็ป้อนยาอีก
เสียงเฉินซ่าถีบเข้าที่หน้าอกเขา เสียงพ่อบ้านผู้นั้นกระอักเลือด ต่างทำให้พ่อบ้านคนอื่นตัวสั่นเทา
ในที่สุดผูยู่เหอทนไม่ไหวร้องออกมา "ฝ่าบาท! ฝ่าบาท ท่านจะทำเยี่ยงนี้มิได้นะ มันโหดร้ายเกินไป ท่านทำเยี่ยงนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว! ท่านมิกลัวคนอื่นจะหมดศรัทธาในตัวท่านรึ?"
น่ากลัวเกินไป น่ากลัวเกินไปจริงๆ เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว!
สายตาเฉินซ่าปรายมา และปรายตามองไปทางพวกพ่อบ้าน พลางพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า สุ้มเสียงขรึมต่ำ แฝงแววอำมหิตว่า "ข้าราชบริพารผู้ซึ่งทำงานเพื่อประชาชน จงรักภักดีกับข้า ตั้งใจทำงานเพื่อข้า ให้รางวัลตามความดีความชอบ ที่ข้าฆ่าและลงโทษ ไม่ชั่วก็เลวทั้งนั้น"
เสียงร้องด้วยความยินดีของฮั่วหยูฉุนทำให้เฉินซ่าหมุนตัวกลับมาฉับพลัน "เอามา!"
ทุกคนต่างเงียบงัน
ดูท่าแม่นางโหลมิได้ถูกละทิ้งนี่ ดูแล้วมิเคยโดนละทิ้งเลยด้วยซ้ำ ดูใบหน้าเย็นชาของฝ่าบาทพวกเขากลับมีสีหน้าอบอุ่นขึ้นเพียงเพราะจดหมายโหลชี มันทำหัวใจพวกเขาเริ่มทนรับไม่ไหวแล้ว!
ในมือฮั่วหยูฉุนจับนกพิราบสื่อสารไว้ตัวหนึ่ง บนขาของมันมีกระบอกไม้ไผ่เล็กติดไว้ บนกระบอกไม้ไผ่มี7อยู่ เดิมพวกเขาคิดว่า7นี้ดูแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอันใด แต่โหลชีเคยบอกพวกเขาว่า มันเป็นตัวเลขอาราบิค 7ก็คือชี เป็นรหัสลับแทนตัวนาง ดังนั้นฮั่วหยูฉุนไม่ต้องดูจดหมาย พอเห็น7นี้ก็รู้ว่าเป็นจดหมายของโหลชี [7เสียงเดียวกับชี]
เขาก็ไม่มีความกล้าพอจะดูจดหมายโหลชีก่อนเฉินซ่า
นิ้วมือของเฉินซ่าลูบไล้ตัวสลัก7นั้นบนกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็หยิบกระดาษม้วนบางๆออกมาจากในกระบอกไม้ไผ่ และค่อยๆแผ่มันออก
ที่เข้าสู่สายตาคือตัวหนังสือเล็กละเอียดอย่างที่มีแต่โหลชีเท่านั้นที่เขียนได้ พู่กันที่นางใช้ไม่เหมือนของพวกเขา หัวพู่กันแข็งยิ่ง ตัวหนังสือที่เขียนออกมาเล็กมาก หากดูชัดเจน
พอเห็นตัวหนังสือของนาง ใบหน้าและรอยยิ้มของนางผุดขึ้นในหัวเขา เฉินซ่าเริ่มกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดถึงนาง รสชาติของการคิดถึงนางมันไม่ดีเลยสักนิด
เขาเสียใจนัก ไม่ควรให้นางไป
"เฉินซ่า ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้ท่าน จำไว้ต้องไปตรวจนับด้วยตัวเอง เอายาแก้พิษยาสลายกำลังไปมากหน่อย อีกอย่าง อย่าพาคนไปน้อยเกินไป ได้รับจดหมายแล้วรีบออกเดินทางไปโดยเร็วที่สุด" ด้านล่างวาดเส้นทางเล็กๆ จุดหมายปลายทางเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ไม่มีสัญลักษณ์อะไร แต่นางรู้ว่าเขาต้องดูออกแน่
สีหน้าเฉินซ่าดำทะมึนเล็กน้อย จากไปสิบวันส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ นางกลับเขียนมาแค่นี้! และยังไม่ได้บอกว่าคิดถึงเขา ไม่ได้บอกว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง!
"เยว่ อิง ฮั่วหยูฉุน แต่ละคนพากองกำลังหน่วยหนึ่งตามข้าไป!"
ของขวัญชิ้นใหญ่? เขาไม่รู้จริงๆว่านางจะมีของขวัญชิ้นใหญ่อะไรให้เขา!
ทั้งสามคนที่โดนเรียกชื่อมองหน้ากันไปมา และรีบไปจัดกำลังพลตามไป
ประตูใหญ่เมืองพั่วอวี้เปิดออก กองทหารเกือบสามร้อยนายขี่ม้าทะยานออกไป ระหว่างทางเหล่าสตรีพากันร้องขึ้น
"นั่นมิใช่ฝ่าบาทรึ? โห ข้าได้เจอฝ่าบาทอีกแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ