ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 20

ดีนี่ เพิ่มโทษให้นางอีกโทษซะอย่างนั้น? นางกับใต้เท้าองครักษ์เยว่ ดูเหมือนไม่เคยพูดจากันเลยด้วยซ้ำ นี่เรียกยั่วยวนแล้ว?

เพียงแต่นางยังไม่ทันพูดอะไร องครักษ์เสวี่ยที่เห็นการแต่งตัวของนางพลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวราวกับเห็นผี นางยืนมองตะลึงกับแขนขาวใสและขาเรียวยาวขาวนวลที่เผยออกมาของนางอย่างตะลึง พลางสูดหายใจเฮือก "ไร้ยางอายยิ่งนัก เจ้ากล้าแต่งกายเยี่ยงนี้...เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?"

โหลชีมองดูเสื้อผ้าตัวเอง ชุดนี้ของนางในยุคปัจจุบันถือว่าปิดหมดแล้วนะ พอมาที่นี่ ผู้ชายหลายคนที่เจอยังไม่เห็นว่าอะไรเลย กลับมาโดนผู้หญิงด่าว่าไร้ยางอายซะงั้น เสียดายที่ก่อนถึงพั่วอวี้นางยังแปลกใจกับองครักษ์หญิงคนเดียวในสี่องครักษ์ คิดว่าจะเป็นขุนพลหญิงองอาจ หรือเป็นสาวงามกล้าได้กล้าเสีย ไม่แน่นางอาจจะได้มีเพื่อนคนแรกในโลกนี้ซะอีก ใครจะคิดว่า องครักษ์เสวี่ยคนนี้กลับเป็นคนแบบนี้

นางเองก็ไม่ได้รักษากฎระเบียบอะไรนี่ คงแค่พอประมาณ เพราะสายตาที่นางมองเฉินซ่า มันเต็มไปด้วยความรัก ถ้าอย่างนั้นการที่นางเข้มงวดขนาดนี้ คงเพราะความริษยาของผู้หญิงเท่านั้นแหละ

"ริษยามากเกินไปจะทำให้สาวงามแปรเปลี่ยนเป็นคนอัปลักษณ์ เจ้ารู้ไหม?" โหลชีบอก องครักษ์เสวี่ยต้องรู้สึกโชคดีนะ ตอนนี้นางยังอยู่ในช่วงอยากปรับเปลี่ยนชีวิต อยากแกล้งทำตัวซื่อไร้เดียงสา อยากใช้ชีวิตแบบอื่น ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยนางเมื่อก่อน ในครั้งแรกที่นิ้วขององครักษ์เสวี่ยชี้มาที่จมูกนาง นิ้วนั่นก็โดนนางหักแล้ว!

ตอนนี้นางเพียงแค่ไม่อยากเปิดเผยตน เพราะอาวุธทำลายล้างอย่างเฉินซ่านั่นสงสัยในตัวนางมาตลอด ถ้านางเปิดเผยออกมาหมด กลัวเขาจะทำอะไร

ตอนนี้คนพวกนี้ที่เจอ นอกจากเฉินซ่าแล้ว คนอื่นนางไม่เห็นในสายตาเลย แต่เฉินซ่านั้น ถ้าปะทะกับเขาตรงๆ นางไม่แน่ใจว่าจะชนะได้ นางเองไม่อยากโดนกักขังเป็นนางกำนัลคนสนิทอะไรที่นี่หรอก

แต่การยอมถอยของนาง ในสายตาองครักษ์เสวี่ยเป็นอะไรที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้

"เจ้าว่ากระไร? เจ้ากล้าพูดอีกครั้งหรือไม่! เจ้าว่าใครริษยา? เจ้าว่าใครอัปลักษณ์?"

โหลชีอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย หันไปบอกอิงที่อยู่ข้างๆ "นางไม่จัดที่นอนให้ข้า ไม่ให้เสื้อผ้าข้า ยังมีใครจัดการเรื่องนี้ได้? หากไม่มี งั้นข้าจะไปละนะ" เจ้าอิงตายซากนี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังดูนางแสดงละคร อยากใช้องครักษ์เสวี่ยมารังแกนางดูเอาสนุกงั้นสิ?

ขอโทษนะ นางไม่ว่าง

อิงคิดอยากดูอะไรสนุกจริงๆ แต่พอเห็นนางไม่อยากต่อกรกับเสวี่ย เลยยักไหล่ว่า "เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ ข้าอยู่ตำหนักหนึ่ง เสวี่ยอยู่ตำหนักสอง ทุกเรื่องในตำหนักสามของนายท่าน เสวี่ยเป็นคนจัดการทั้งหมด"

"เสวี่ย อย่ามากความเลย รีบพานางไปได้แล้ว นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน" เยว่พูดเสียงเรียบขึ้นมา

พวกเขาดูราวกับเคยชินกับท่าทางแบบนี้ขององครักษ์เสวี่ย เมื่อกี้ที่ควรจะห้ามปรามกลับไม่ห้ามปราม บางทีคงรู้สึกว่า ฐานะของโหลชียังไม่พอให้พวกเขาออกโรงปกป้อง สู้ให้เสวี่ยระบายอารมณ์ซะหน่อยไม่ได้

อิงที่เดินทางด้วยกันมาหลายวันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน

สายตาโหลชีวาบประกายเย็นชาขึ้นวูบหนึ่ง

พวกเขาไม่ได้เห็นนางเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ มองนางเป็นนางกำนัลคนหนึ่งจริงๆ อย่างมากก็เป็นแค่นางกำนัลที่พิเศษนิดหน่อยคนหนึ่ง!

ความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีเลย

หลายวันก่อนตอนมีแค่พวกเขา นางยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้มาถึงที่นี่ นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ

นางไม่สบอารมณ์ ก็ต้องจากไปสิ แน่นอน ยังต้องอยู่อีกสองวัน ไว้รอนางกินอิ่มนอนพอ เลียบเคียงฟังเรื่องราวอื่นๆ ของโลกนี้ซะก่อนค่อยว่ากัน

"พวกเจ้าคิดจะให้นางอยู่ที่นี่จริงรึ? ข้าไม่ชอบ ข้าไม่อนุญาต สาวใช้ไม่รู้กฎระเบียบแบบนี้ จะอยู่ในตำหนักจิ่วเซียวได้อย่างไร? นี่มันทำให้นายท่านอับอายชัดๆ "

"เสวี่ย พอได้แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านางมีประโยชน์อันใด?" อิงดึงแขนนางไว้ พยายามจะลากนางไปอีกข้าง

โหลชีเดาได้ว่าเขาคงคิดจะบอกเรื่องที่นางสามารถระงับความเจ็บปวดของเฉินซ่าในวันขึ้นสิบห้าค่ำของทุกเดือนได้กับนาง เดิมมันก็ไม่มีอะไร แต่นางกลอกตาไปมา เหมือนคิดอะไรได้ นางเรียกอิงไว้ "อิง เฉินซ่าเคยบอกให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทางที่ดีเจ้าถามเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะบอกคนอื่นได้หรือไม่"

คำพูดเดียวทำเอาอิงกลืนคำที่จะพูดลงไป

"นายท่านเคยพูดเยี่ยงนี้?"

"ข้าหลอกเจ้าแล้วได้อะไรเล่า?"

อิงผู้น่าสงสาร โดนนางหลอกเข้าให้แล้ว

ไม่กล้าพูดอีก แต่กลับทำให้องครักษ์เสวี่ยสนใจอยากรู้ขึ้นมาเต็มที่ "ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่? นายท่านไม่มีทางปิดบังข้าแน่ รีบบอกข้าเร็ว นางมีประโยชน์อันใดกับนายท่าน?"

แต่ไม่ว่านางจะถามยังไง อิงก็ไม่ยอมบอก ถึงพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกัน หากเฉินซ่าต่างหากที่เป็นนายท่านของพวกเขา นายมีคำสั่ง ดังนั้นย่อมต้องฟังนายท่านก่อนอยู่แล้ว

องครักษ์เสวี่ยโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ สุดท้ายจำต้องเรียกคนพานางไปหาที่อยู่ แล้วไปโกดังหาชุดนางกำนัลสองชุดมาให้นาง นางกำนัลที่พานางมาชื่อเอ้อร์หลิง นางรู้สึกว่าชื่อนี้แปลก เลยถามว่าทำไมชื่อเอ้อร์หลิง เอ้อร์หลิงถึงบอกนางว่า ชื่อของนางกำนัลในตำหนักจิ่วเซียวนี้ล้วนตั้งตามตำหนักที่รับผิดชอบอยู่ ชื่อเดิมนางมีคำว่าหลิงอยู่ ตอนนี้มาเป็นนางกำนัลที่ตำหนักสอง ดังนั้นเลยได้ชื่อว่าเอ้อร์หลิง(เอ้อร์แปลว่าสอง)

โดยเฉพาะหมอเทวดา ผู้นั้นตื่นเต้นจนร้องออกมา เรื่องนี้ลือสะพัดไปทั่วตำหนักสองแล้ว คนอื่นยังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก

"อิงล่ะ?"

"เขานำดอกลึกลับส่งไปให้ทางหมอเทวดาเจ้าค่ะ"

กำลังพูดถึงอิง อิงก็ก้าวเท้ายาวเข้ามา สีหน้าดำทะมึน มาคุกเข่าลงข้างหนึ่งที่หน้าโต๊ะอาหาร "ขอนายท่านโปรดอภัยด้วย!"

ด้านหลัง หมอเทวดาวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจเช่นกัน ในมือยังถือกล่องไม้จันทน์ที่บรรจุดอกลึกลับนั้นไว้ด้วย เพราะว่าร้อนรนเกินไป ร้อนใจเกินไป ตอนเข้ามา เขายังสะดุดธรณีประตู จนร่างล้มคะมำไปด้านหน้า กล่องไม้ในมือลอยออกไป

เฉินซ่าขมวดคิ้วมุ่น สะบัดชายเสื้อพรึบ ดึงกล่องไม้นั้นมาที่มือตน

"พวกเจ้าร้อนรนอะไรกัน? ขออภัยอันใดกัน?"

เขายังมิเคยเห็นอิงกับหมอเทวดาร้อนรนเยี่ยงนี้มาก่อนเลย

หมอเทวดาลุกขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าอยากร้องไห้ว่า "ฝ่าบาท องค์ฝ่าบาท ดอกไม้นี้ ดอกไม้นี้..."

"ดอกไม้นี้เป็นเยี่ยงใดกัน? ของปลอม?"

"ไม่ ไม่ เป็นของจริงขอรับ หากบนเกสรดอกไม้มีผงเชื้อราพิษ ต้องชำระล้างด้วยน้ำจากแหล่งที่มันเติบโตมาถึงจะชะล้างออกไปได้ ชำระล้างผงเชื้อราออกไปแล้วจึงจะทำการเก็บได้ โทษข้าเองที่มิได้กล่าวกับองค์ฝ่าบาทให้ละเอียดในทีแรก..."

เฉินซ่าสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งดุจน้ำ เขามิรู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ "งั้นกลับไปนำมาตอนนี้" เขารีบลุกขึ้นมา ทำท่าจะออกเดินทาง ที่นั่นพวกเขาเคยไป และมีแต่พวกเขาไปอีกครั้งจึงจะประหยัดเวลาที่สุด

หมอเทวดาเหงื่อแตกซิกเต็มหน้า "มิทันแล้วขอรับ ฝ่าบาท ดอกไม้นี้หากไม่ทำการชำระล้างภายในหนึ่งวัน จะส่งผลกระทบต่อฤทธิ์ยาขอรับ"

อิงก้มหน้าลง ไปตอนนี้ ต่อให้มิหยุดพักแม้แต่น้อย ยังต้องใช้เวลาไปกลัวถึงสองวันครึ่ง มิทันการแล้ว พวกเขาสูญเสียคนไปตั้งมากมาย ฝ่าบาทถึงขั้นไปด้วยตัวเอง ผ่านความเป็นความตายสารพัด สุดท้ายกลับมาเจอปัญหาที่นี่ เป็นความผิดของเขาเอง เขาในฐานะองครักษ์ ปัญหาเหล่านี้เขาควรจะสอบถามให้ชัดเจนแต่ทีแรก

องครักษ์เสวี่ยเองก็สีหน้าซีดเผือด ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า "หรือว่า ดอกไม้นี้จะใช้การมิได้แล้ว? แต่นี่เป็นดอกลึกลับเพียงดอกเดียวที่เรามีตอนนี้เลยเชียวนะ หากใช้การมิได้แล้ว นายท่านจะต้องรอไปอีกสิบปีรึ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ