ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 21

ดอกลึกลับจะพบได้เฉพาะหุบเขาลึกลับทุกๆ สิบปีจะเติบโตหนึ่งช่อ หากช่อนี้ใช้ไม่ได้ ต้องรออีกสิบปี! แต่พิษในร่างกายของเฉินซ่าไม่สามารถรออีกสิบปีค่อยมาแก้ไข ถึงเวลานั้นพิษกู่มันอาจจะกำเริบหนัก เทพเทวดาก็คงช่วยชีวิตเขาไม่ได้! ดอกลึกลับเป็นวัสดุยาที่จำเป็นสำหรับการถอนพิษ และไม่มีวัสดุยาใดๆ สามารถทดแทนได้!

ดังนั้น ทันทีที่ได้ยินว่าดอกลึกลับเด็ดมาโดยเปล่าประโยชน์ หลายคนก็จมดิ่งกับความเศร้า

"เรื่องนี้ไม่ต้องป่าวประกาศออกไป" ผ่านไปตั้งนาน เฉินซ่า ก็ค่อยๆ พูด

คนอื่นๆ มีสีหน้าซีดเซียว แต่สีหน้าของเขาดูปกติ บางที เขาอาจเคยชินกับความเป็นความตาย แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่ตัวเองต้องมาตายแบบนี้ แต่เรื่องยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองล้มเหลวเพราะดอกไม้ช่อเดียว

"แต่ว่า อีกครึ่งเดือนจะเป็นพิธีคัดเลือกพระสนม เมื่อถึงเวลานั้นท่านอ๋องทั้งหลายก็จะมา ถ้าเวลานั้นพิษของฝ่าบาทกำลังกำเริบ ……" เดิมทีคิดว่ามีดอกลึกลับแล้วอย่างน้อยช่วงเวลานั้นเอาดอกหนึ่งกลีบไปกลั่นเป็นยาหนึ่งเม็ดสามารถใช้เป็นยาระงับพิษชั่วคราว อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าพิษไม่กำเริบกลางดึก แต่ว่าตอนนี้ดอกลึกลับไร้ประโยชน์ ในตอนนั้นควรทำอย่างไร? ในเวลานั้น ท่านอ๋องทั้งหลายจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

หลายคนคิดเรื่องนี้พร้อมๆ กัน ชั่วขณะก็เหงื่อแตก

เฉินซ่าพูดอย่างเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ "พวกเขามาแล้วทำไม ในอาณาเขตของข้า จะปล่อยให้พวกมันมาอาละวาดรึ?"และในเวลานี้สมองของเขามีใบหน้าของหญิงสาวในลักษณะต่างๆ คนหนึ่งปรากฏขึ้น

นอกจากนี้ เขายังมีนาง

แบกนางต่อสู้ เขาอาจไม่แพ้ นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่ธรรมดา

แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้อารมณ์ของอิงสงบลงได้ ถึงแม้อีกครึ่งเดือนพิธีคัดเลือกพระสนมจะผ่านไปได้ หากไม่มีดอกลึกลับ ไม่สามารถถอนพิษ ฝ่าบาท……ก็คงต้องตาย

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งกับความเศร้า

หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ดวงตาของเสวี่ยแดงก่ำ

แม้ว่าเฉินซ่าจะสงบนิ่ง แต่ในใจก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก และอารมณ์ก็หดหู่สุดๆ จึงโบกมือและพูดว่า "ออกไปให้หมด"

"ฝ่าบาท……"

"นายท่าน……"

"ออกไป" เฉินซ่าโบกมือ

หลายคนก้มหัว ก้าวถอยหลัง เมื่อองครักษ์เสวี่ยมาถึงประตูก็กัดริมฝีปากล่างแล้วหันกลับมา นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในเวลานี้ตัวเองจะได้อยู่ข้างกายนายท่านแม้จะอยู่เป็นเพื่อนกินเหล้าก็ตาม แต่นางก็เข้าใจนายท่านเวลาเขาอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งนางด้วย

หลายคนถอยออกไป และเดินไปที่ประตูตำหนักสาม อิงเดินอยู่แถวหน้าสุด และเกือบจะชนกับโหลชีที่กำลังเดินเข้ามา

"โหลชี ในเวลานี้ควรหาสถานที่ให้ตัวเองอยู่ อย่าไปรบกวนนายท่าน" อิงเห็นโหลชีได้เปลี่ยนชุดสาวใช้ในตำหนักสอง ตอนแรกแทบจำไม่ได้ แต่ก็แปลกตา เมื่อจ้องมองดีๆ ดูออกว่าเป็นนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น ใช่สิ เขาลืมได้ไง ยังมีคนคนหนึ่งที่เป็นยาแก้ปวด ถึงตอนนั้นนางแค่อยู่เคียงข้างนายท่านตลอดก็พอแล้ว!

ในเมื่อเป็นยาที่มีประโยชน์มาก เขาจึงไม่อยากให้นางเกิดอุบัติเหตุ ในเวลาที่นายท่านอารมณ์ไม่ดีใครทำผิดทำอาจถึงตายได้

"เกิดอะไรขึ้น? เขาบอกให้ข้าเก็บข้าวของเสร็จแล้วมาหาเขา" ในขณะนี้โหลชีอยากหาเฉินซ่าต้องการคุยกับเขาเกี่ยวกับเงื่อนไข ทางที่ดีควรจะจัดการให้นางไปอยู่ที่ตำหนักหนึ่ง อยู่ข้างนอกคนเยอะข่าวสารก็แน่น มันจะง่ายและสะดวกที่นางจะสอบถามข้อมูล ไม่เหมือนข้างในนี้ ทุกคนต้องการแก่งแย่งเข้าไปอยู่ในตำหนักสาม มีเรื่องอะไรก็จะเก็บเอาไว้และป้องกันตัวเอง ไม่ยอมเล่ารายละเอียดให้นางฟัง

องครักษ์เสวี่ยเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว บวกกับก็ไม่ชอบคนที่นายท่านพากลับมาและแต่งตั้งให้โหลชีเป็นสาวใช้คนสนิทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คราวนี้เห็นนางเปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ที่เรียบง่ายและมีสไตล์ที่แตกต่างออกไป ในใจก็ยิ่งอิจฉา ชี้นิ้วไปตรงใบหน้าของนาง และพูดอย่างโกรธเคือง "เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร? เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง นับประสาอะไรกับนายท่าน แม้จะเป็นพวกเรา ถ้าสั่งเจ้าคลาน เจ้าก็จะต้องคลานเหมือนหมา! เจ้ามีสิทธิ์มาพูดตรงนี้ไหม? ไปให้พ้น!"

โหลชีเหล่ตาเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียด อิงไม่เคยเห็นนางเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กำลังจะพูด แต่นางก็ยิ้มอย่างสดใส เอนตัวหลีกทาง แล้วก้มหัวพูด "ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย ใต้เท้าองครักษ์อิงขอให้เดินทางปลอดภัย ข้าให้เอ้อร์หลิงพาข้ากลับตำหนักสอง ไม่รบกวนฝ่าบาทแน่นอน"

องครักษ์เสวี่ยโกรธจัดแต่กลับไม่มีเป้าหมายให้ระบายอารมณ์อีก ทำเสียงเย็นชา และเดินจากไป

เดิมทีอิง ต้องการจะคุยเรื่องดอกลึกลับกับนาง แต่คิดดูแล้ว พูดไปนางก็ช่วยอะไรไม่ได้ ช่างมันเถิด เขาก็สะบัดมือแล้วจากไป เดิมทีหมอเทวดาไม่ได้สังเกตและสนใจโหลชีเลย เขายังจมอยู่กับความรู้สึกเศร้าใจหลังความสุขผ่านพ้นไป รู้สึกสิ้นหวังจนไม่มีอารมณ์ไปสนใจอะไร และเดินไปไกลแล้ว

เอ้อร์หลิงก้มหัว เอามือแนบกายยืนตัวตรงด้วยความเคารพอยู่ และเมื่อพวกเขาทั้งหมดจากไป ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดึงแขนเสื้อของโหลชีแล้วพูดว่า "โหลชีพวกเรารีบไปกันเถิด และดูเหมือนใต้เท้าองครักษ์อิง ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย และหมอเทวดาอารมณ์ค่อยไม่ดี ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ขณะนี้ฝ่าบาทคงจะไม่ยอมพบใครแน่นอน พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาอีกครั้ง"

"อารมณ์ไม่ดีก็จะไม่ยอมพบใครรึ? ถ้าพบแล้วจะเป็นยังไงรึ?"

"อย่างไรก็ตาม……ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวที่มีสถานะพิเศษมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท พอดีฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี กระแทกฝ่ามือนางครั้งเดียวจากตำหนักสามปลิวไปถึงตำหนักหนึ่ง" เอ้อร์หลิงพูดด้วยเหมือนมีเหตุการณ์เรื่องนั้นจริงๆ

โหลชีแอบคำนวณระยะทางในวันนี้จากตำหนักหนึ่งมาถึงตรงนี้ แล้วเหลือบมองเอ้อร์หลิง ช่างเถิด แม่นางคนนี้เวลาพูดคงได้เติมวาทกรรมที่เกินจริงเข้าไปด้วย

จากตำหนักสามปลิวไปถึงตำหนักหนึ่ง ที่รักเอ่ย ยังรอดรึ?

"เจ้ากลับไปก่อน"

เอ้อร์หลิงประหลาดใจ "แล้วเจ้าล่ะ?"

"ยังไงก็ตาม ข้าจำทางได้แล้ว ข้าจะเดินรอบๆ แถวนี้ก่อน สักพักค่อยกลับไป เจ้ายังจะไปที่ลานดอกไม้ ไม่ใช่หรือ? ไปเถิด?"

เอ้อร์หลิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าบุกรุกเข้าไปในตำหนักสาม เพียงแต่ไม่รู้ว่าโหลชีจะทำอะไร เมื่อเห็นโหลชียืนกราน ไม่มีทางเลือกอื่นนางจึงพูด "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย อย่าเดินเพ่นพ่าน แล้วรีบกลับ"

เขาไม่ถาม นางไม่พูดแน่นอน เมื่อเดินไป เห็นว่าโต๊ะหินเต็มไปด้วยอาหาร ท้องของนางก็ร้องทันที และเมื่อได้กลิ่นหอมของเหล้าดี ทำให้ดึงดูดความตะกละของนางทันที

"ทำไมเจ้าถึงดื่มคนเดียว? เบื่อรึ"

จากนั้นนางก็เห็นกล่องไม้จันทน์ที่อยู่บนโต๊ะอีกครั้ง และก็จำได้ว่า นั่นเป็นกล่องที่ใส่ดอกลึกลับนี่

"เป็นเหล้าแห่งความสุข? ค้นพบดอกลึกลับ เข้าใกล้การถอนพิษอีกขั้นแล้ว สมควรเฉลิมฉลอง แต่ทำไมถึงไล่องครักษ์อิงกับองครักษ์เสวี่ยออกไปล่ะ?" โหลชีไม่เกรงใจ กินข้าวข้างนอกมาหลายวัน วันสุดท้ายนั้นเดินทางทั้งวันทั้งคืนได้กินแต่อาหารแห้ง นางอยากอาหารร้อนๆ กับซุปร้อนๆ จนเกือบบ้าตาย? !

แต่ตะเกียบมีเพียงคู่เดียว แก้วเหล้ามีเพียงใบเดียว ถ้วยชามช้อนตะเกียบมีเพียงชุดเดียวเท่านั้น

เฉินซ่าเหลือบมองที่นาง "เจ้ากินสิ ข้ายังไม่เคยใช้"

"เจ้าไม่กินรึ?" นางถาม แต่ได้ยื่นมือออกไปโดยอัตโนมัติ หยิบภาชนะมา จากนั้น เริ่มกิน

เฉินซ่ารินเหล้าหนึ่งแก้ว แล้วยื่นให้

นางชำเลืองมอง ดูขวดเหล้าที่เขาถืออยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อกี้ เขาใช้ขวดดื่มหรือเปล่า?

"ทำไม รังเกียจข้ารึ?" เฉินซ่ามองจากสีหน้านางก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ บ้าจริง กล้ารังเกียจ? ที่เขาเคยดื่ม รินให้นางหนึ่งแก้ว เป็นเกียรติของนางแล้ว ยังกล้ารังเกียจ

โหลชีสับสนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด อันที่จริงนางก็ไม่ได้ถือสาขนาดนั้น ตอนนี้ความตะกละกำลังมา

"อืม เหล้าชั้นดี"

เฉินซ่าหัวเราะเบาๆ และรินให้นางอีกแก้ว "ก็เป็นขี้เมาคนหนึ่ง" อืม นางไม่รังเกียจที่เขาเคยดื่ม สิ่งนี้ดีมาก เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาก

แต่เมื่อเหลือบไปเห็นกล่องนั้น เขาก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เหยียดมือสะบัดแขนเสื้อ ต้องการปัดกล่องนั้นออกไปข้างนอก โหลชียืนมือออกไปอย่างเร็ว คว้ากล่องในมือไว้ทันที ขมวดคิ้วและมองมาที่เขา "เจ้าบ้าไปแล้วรึ? มันไม่ง่ายกว่าจะเก็บดอกนี้กลับมา ไม่ต้องการมันหรือ?"

"เก็บมาแล้วเยี่ยงไร? ใช้ไม่ได้มันก็ไร้ประโยชน์ถ้า บางที อาจลิขิตไว้ไม่มีวิธีรักษาข้า"

"ใช้ไม่ได้หรือ? ทำไมถึงใช้ไม่ได้?"

"ช่อดอกไม้มีเชื้อราพิษผง ต้องเอาน้ำจากบ่อน้ำมืดมาล้างถึงจะสะอาด ภายในหนึ่งวันถ้าไม่ล้างมันออก ฤทธิ์ยาของดอกไม้จะหมดไป ไม่ทัน" ปกติเฉินซ่าไม่เคยพูดมากกับคนอื่น บางทีควรจะพูดว่า ณ.เวลานี้ ไม่เคยมีใครอยู่ข้างกายเขาเลย และนี่มันเป็นครั้งแรก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ