สมุนไพรกอนั้นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ต้องเข้าไอพิษไปอย่างน้อยห้าสิบเมตร อย่าว่าแต่ห้าสิบเมตรเลย ไอพิษนี้แค่พวกเขาเดินเข้าไปห้าเมตรก็ต้องเวียนศีรษะแล้ว ที่โหลชีมองเห็นสมุนไพรนั้นได้ ก็เพราะสมุนไพรนั้นมีแสงเรืองรองจางๆ อยู่ เด่นชัดอยู่ท่ามกลางไอพิษสีเขียวคราม
เพียงแต่ของพรรค์นี้ หากมิใช่คนที่มีความรู้ทางการแพทย์ลึกซึ้งแล้วก็ไม่มีทางที่จะมองออก อีกทั้งมนุษย์ต่างยึดสิ่งที่เคยได้ยินครั้งแรกเป็นหลัก ท่ามกลางไอพิษ กลัวแต่จะเป็นดอกไม้พิษและหญ้าพิษทั้งหมด ใครจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้นั่นแหละที่สามารถทัดทานไอพิษได้
เวลานี้เมื่อเห็นระยะห่าง ใบหน้าของเวิ่นเจี้ยนก็ขมึงตึงเล็กน้อย เดิมทีพวกเขาไม่คิดให้โหลชีเข้าไป ที่ตามพวกเขา ก็แค่เตรียมรอให้หนอนดอกเมฆในร่างนางกลายเป็นใยหนอนเอาชีวิตนาง แล้วแสดงละครช่วยชีวิตโหลวซิ่นอีกฉาก จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้เขากลับพั่วอวี้ ...แน่นอนว่าก็ต้องพาพวกเขากลับไปด้วย ถึงตอนนั้นเวิ่นฉินกับเวิ่นซูที่ตามพวกเขาอยู่ลับๆ จะได้นำโครงกระดูกของทั้งสองไปมอบให้เจ้าสำนักเดือนหยิน
แต่เมื่อเข้าบริเวณใจกลางของหุบเทพมารไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ในนั้นแม้แต่เทพธิดาของพวกเขาก็ไม่เคยเข้าไป ไม่รู้ว่าสภาพการณ์เป็นเช่นใด หากเกิดความผิดพลาดจะทำอย่างไร? เทพธิดากล่าวไว้แล้ว ว่าก่อนที่โหลวซิ่นจะกลับพั่วอวี้บอกสาเหตุการตายของโหลชีกับเฉิงซ่า พวกเขาต้องปกป้องนางไว้
ฮึ่ย!
ภารกิจนี้ช่างเหลือเกินจริงๆ
แต่เวลานี้เวิ่นเจี้ยนก็จนหนทาง เขาต้องทำตามโหลชี
"แม่นาง ข้างในหุบเทพมารแปลกประหลาดอันตราย แม่นางอย่าได้เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลยดีกว่ากระมัง?" แต่เวิ่นโม่กลับอดเตือนไม่ได้
โหลชีทำหน้าจริงจัง "เวิ่นโม่ เจ้าคิดเช่นนี้ก็ผิดแล้ว เจ้ามิเคยได้ยินหรือ โอกาสมักมากับอันตราย เจ้ามิเคยอ่านนิยายกำลังภายในพวกนั้นหรือ พระเอกพบกันอันตรายที่เกี่ยวพันถึงชีวิต จากนั้นก็มักเกิดปาฏิหาริย์ อาจได้รับเคล็ดวิชายอดยุทธ์ในปฐพี หรืออาจได้รับผลไม้วิเศษที่เพิ่มพลังยุทธ์อะไรเทือกนี้ ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว ไยไม่เสี่ยงดูสักครั้งเล่า?"
อย่าว่าแต่เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ แม้แต่เฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็มองนางตะลึงตาค้างด้วย
โหลวซิ่นถาม "แม่นาง ท่านอ่านนิยาย...กำลังภายในพวกนั้นจากที่ใดหรือ?" ทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะ?
โหลชีหนักอก หรือว่านางต้องเล่าเรื่องจอมยุทธ์กิม กิมย้งกับผู้อาวุโสโกว โกวเล้งให้พวกเขาฟังด้วย? "นั่นมิสำคัญ สรุปยังคำพูดเดิม มาก็มาแล้ว ข้าต้องเข้าไปดูให้ได้"
เวิ่นเจี้ยนจนใจ จำต้องฉีกผ้ามาปิดจมูก ขยับร่าง อยากไปขุดสมุนไพรกอนั้นมาให้เร็วที่สุด
ตอนนี้เองโหลชีถึงได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของเขา วิชาตัวเบาของเวิ่นเจี้ยนเหนือกว่าเฉิงสิบและโหลวซิ่น แวบผ่านราวกับเงาดำ พริบตาเดียวเขาก็ถึงข้างกอสมุนไพรนั้นแล้ว
เฉิงสิบสบตากับโหลวซิ่นทีหนึ่ง ต่างเห็นความหนักใจจากแววตาของอีกฝ่าย มิน่าล่ะถึงเป็นสองคนนี้ที่ตามพวกเขา วรยุทธ์ของเวิ่นเจี้ยนดูจะร้ายกาจกว่าเวิ่นฉินและเวิ่นซูมาก ดังนั้นเขาจึงเป็นหัวหน้าของทั้งสี่คนมาตลอด หากคนเช่นนี้ไปตำหนักจิ่วเซียว ได้ความไว้วางใจจากฝ่าบาท คาดว่าต้องถูกให้ความสำคัญแน่ และต่อไปเมื่อน่าหลานฮั่วซินเข้าตำหนักจิ่วเซียวจริง เช่นนั้นก็จะมีคนสร้างอิทธิพลขนาดหนึ่งให้นางอยู่ในนั้นแล้ว อนาคตหากต้องการกำจัดผู้เห็นต่าง ก็เป็นแค่เรื่องในเสี้ยววินาทีเท่านั้น
ตอนนี้พวกเขาก็ได้เห็นอุบายของน่าหลานฮั่วซินอีกแล้ว
เช่นนี้ยังไม่ต้องคิดว่าจะช่วยฝ่าบาทออกศึกทำพั่วอวี้ให้สงบได้อย่างไร แต่หญิงที่เอาแต่คิดถึงตนเองจะเป็นจักรพรรดินีได้อย่างไร? เฮ้อ อยากกลับไปบอกพวกเขาจังเลย...
"แม่นาง เวิ่นเจี้ยนจะได้สมุนไพรนั้นมาแล้ว..." วาจาแฝงความได้ใจของเวิ่นโม่ยังไม่ทันสิ้นสุด ก็เห็นเวิ่นเจี้ยนที่กำลังขุดสมุนไพรอยู่ท่ามกลางไอพิษล้มลงตึงกับพื้น
โหลชีตกใจหนัก "เร็ว! เวิ่นโม่ เจ้ารีบไปช่วยเขาเร็ว!"
หากอยู่ในไอพิษนั้นนาน ไอพิษก็จะเข้าสู่ร่างกายและทำให้สมองเป็นอัมพาตขณะที่นางเอ่ยปาก เวิ่นโม่ก็พุ่งเข้าไปปานลูกศรแล้ว อุ้มเวิ่นเจี้ยนขึ้น จากนั้นก็พุ่งพรวดกลับมา แม้ความเคลื่อนไหวของเขาจะเร็ว แต่ก็ยังทัดทานความรุนแรงของไอพิษไม่ได้
เพิ่งถึงข้างนอก ก็แคกๆ สองที ทั้งสองล้มลงพื้นหมดสติไป
"โอ้โห แม่นาง ไอพิษนี้ช่างร้ายกาจจริง!" โหลวซิ่นเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดีที่พวกเขาไม่ได้เข้าไป มองหน้าตาเวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ที่แต่เดิมหล่อเหลาหาใดเปรียบ ตอนนี้กลับกลายเป็นสีเขียวม่วง
มิน่าเล่า ใครก็ว่าภายในหุบเทพมารอันตรายยิ่ง นี่ก็มิได้เป็นดังนั้นหรือ? ยอดฝีมือสองคนเข้าไปแพล็บเดียวก็ล้มตึงแล้ว
โหลชีมองสองคนที่อยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ยักไหล่เอ่ย "ก็ร้ายกาจ พวกเจ้ารออยู่นี่นะ ข้าจะไปขุดสมุนไพร"
"แม่นาง ท่าน..." เฉิงสิบกับโหลวซิ่นตื่นตระหนก กำลังจะยื่นมือไปฉุดนางไว้ นางก็เดินกรีดกรายไปทางสมุนไพรกอนั้นราวกับเดินเล่นอยู่ในลานบ้านตัวเองแล้ว
เฉิงสิบ "..."
โหลวซิ่น "..."
แม่นางท่านแกร่งเพียงนี้ ฝ่าบาทต้องทราบแน่กระมัง?!
โหลชีเดินเข้าไปที่สมุนไพรทางนั้น ครั้นเห็นก็ดีใจจนร้องว้าวขึ้นมา เป็นอย่างที่นางคิดมิผิด สมุนไพรนี้โตอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ ไม่มีร่องที่อาวุธจะผ่าก้อนหินได้ เวิ่นเจี้ยนเขาใช้อะไรขุดกันนะ? ฉะนั้นเขาเห็นสมุนไพรนี้แล้วก็จนปัญญา จึงเสียเวลาไปเล็กน้อย ครั้นทนต่อไปไม่ไหวก็ล้มลง
นางล้วงพิชิตวันออกมา ผ่าก้อนหินใหญ่อันแข็งแรงออกราวกับหั่นเต้าหู้ ขุดสมุนไพรที่แข็งแกร่งนั้นออกมา แล้วถึงเดินกรีดกรายออกไป
ครั้นออกจากชั้นไอพิษ ก็เห็นองครักษ์หน้าหล่อโง่เซ่อสองคนนั้นของตนเบิ่งตาโตมองอยู่ นางกะพริบตาเอ่ย "จริงสิ ลืมบอกพวกเจ้าไป แม่นางของพวกเจ้าร้อยพิษมิกล้ำกราย ยานี่ก็ทำให้พวกเจ้านั่นแหละ"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นตะลึงหน้าถอดสี
"ใช้เจ้าสิ่งนี้ พิชิตวัน นี่เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทประทานให้ข้า"
เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่มองพิชิตวันที่อยู่ในมือนาง ความโลภในใจก็พลุ่งพล่าน นี่มิใช่มีดสั้นพิชิตวันที่ขึ้นชื่ออยู่ในลำดับอาวุธวิเศษแห่งใต้หล้านี้หรือ! พิชิตวันที่คมกริบ ทำลายได้แม้นสิ่งที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าใครก็อยากครอบครอง
คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ของล้ำค่าเช่นนี้ ฝ่าบาทพั่วอวี้ก็ยังยกให้นางผู้นี้ได้ หากนำของสิ่งนี้ไปมอบให้เทพธิดา ถึงตอนนั้นคาดว่าฝ่าบาทพั่วอวี้ก็คงกระดากจะขอคืน
"เรารีบไปกันเถอะ วันสองวันนี้ก็น่าจะถึงช่วงที่งูยักษ์เย็นสารทฤดูขึ้นมาจากพื้นพิภพแล้ว"
อีกอย่าง หนอนดอกเมฆในตัวเฉิงสิบก็ต้องรีบกำจัดด้วย
ตอนแรกเวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ยังเคลือบแคลงใจในยาที่นางทำขึ้น แต่พอเห็นนาง เฉิงสิบและโหลวซิ่นกินยาและเข้าไปในไอพิษอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยแล้ว จึงมองกับแวบหนึ่ง แล้วตามเข้าไป
เดินไปสองสามก้าว ไม่รู้สึกผิดปกติจริง ทั้งสองจึงตะลึงเล็กน้อย ประเมินความสามารถโหลชีสูงขึ้นอีกหน่อย ดูท่าเทพธิดาจะพูดถูก นางผู้นี้ต้องกำจัดให้ได้ หากไม่ฆ่านาง ต่อไปนางต้องเป็นภัยกับตำแหน่งของเทพธิดาที่พั่วอวี้แน่
สองคนนี้เป็นคนที่มีลักษณะพิเศษเหมาะแก่การฝึกยุทธ์จึงถูกเลือกเข้าเขาเวิ่นเทียนตั้งแต่เล็ก ภายหลังถูกคัดเลือกเข้าหอเทพธิดา กลายเป็นองครักษ์ของน่าหลานฮั่วซิน เห็นโฉมหน้าพริ้มเพริศของน่าหลานฮั่วซินทุกวัน จึงกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนางไปนานแล้ว
ยิ่งเดินลึกไอพิษอย่างสีเขียวครามก็ยิ่งหนาแน่น ห้อมล้อมต้นไม้ใบหญ้า ระหว่างนั้นยังมีหินอัศจรรย์สายธาราประหลาด ในหุบเทพมารนี้มีส่วนคล้ายแดนสวรรค์ภายนอกอยู่บ้าง
โหลชีเจอสมุนไพรหายากมากมายตลอดทาง
โอ้โห ร้อยปีแล้วยังไง? ในนี้เป็นพันปีเชียวนะ! เห็ดหลินจือพันปี โสมพันปี ห่อสิ่วโอวพันปี แล้วยัง...ดอกลึกลับ?
นางขยี้ดวงตา แล้วมองไปทางดอกไม้เล็กๆ สีขาวที่อยู่ข้างตาน้ำเล็กๆ ไม่ผิดแน่! เป็นดอกลึกลับจริงๆ! เหมือนกับดอกนั้นที่เจอตรงหุบเขาลึกลับเมื่อก่อนหน้านี้เลย แต่ถ้าจะพูดถึงความต่าง เช่นนั่นก็คือกลีบดอกใหญ่กว่าหน่อย สีของดอกไม้ก็สะอาดไร้ตำหนิกว่าเท่านั้น
อย่างอื่นยังพอว่า แต่ดอกลึกลับนี่นางต้องเด็ดให้ได้! ดอกนั้นที่เฉินซ่าได้มาในตอนแรก ครั้งนั้นตอนที่เขาหลุดจากการควบคุมก็ถูกนางใช้ไปแล้ว ตอนนั้นนางเก็บเลือดของเขาไว้จำนวนหนึ่ง เอาไว้ถึงยามที่ต้องผสมยาค่อยนำส่วนของดอกลึกลับออกมาผสม แต่นั่นก็ไม่ประกันว่าเลือดที่เอาออกมาเหล่านั้นจะพอกับดอกลึกลับร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเมื่อตอนนี้เจออีกดอก เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรที่จะพลาดมันหรือ?
นางส่งสายตาให้โหลวซิ่น โหลวซิ่นจึงลากเวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ไปถามนู่นถามนี่ทันที
"ข้าจะไปเก็บดอกไม้สักหน่อย" โหลชีโพล่งคำพูดนี้ออกมา แล้ววิ่งไปทางนั้น
สองมือเฉิงสิบรีบกางเสื้อคลุมไปบังทางนั้น "พวกเจ้าไปคุยกันทางอื่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ