ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 203

จากนั้นจู่ๆ เฉิงสิบก็ชักกระบี่คู่กายออกมา จ้วงไปทางโหลวซิ่นที่กำลังเด็ดดอกไม้อยู่

จิตสังหารในนั้นเผยออกมาจนสิ้น ไม่เหมือนล้อเล่นสักนิด

โหลชีตวาดเสียงหนึ่ง "โหลวซิ่น เจ้ากล้าหักหลังข้า!" นางทะยานตัวขึ้น แล้วซัดไปทางโหลวซิ่นผ่ามือหนึ่ง

เมื่อเห็นทั้งสองรุกเข้ามา โหลวซิ่นต้องไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่ เงาร่างทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลจึงเหาะพรวดออกมา เห็นได้ชัดว่าต้องการช่วยโหลวซิ่น

โหลวซิ่นตะลึงงัน หันตัวเงยหน้า ไม่อยากจะเชื่อสายตา เมื่อนั้นสถานการณ์หักมุม โหลชีกับเฉิงสิบเบนเป้าหมายการโจมตี คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวาประมือกับสองคนที่เหาะเข้ามา

วรยุทธ์ของโหลชี หากร่วมมือกันสี่คนยังอาจสู้กับนางได้สักยก แต่เวลานี้มีเพียงคนเดียว ไหนเลยจะทัดทานกระบวนท่านางได้? แพล็บเดียวก็ถูกนางกระแทกทำลายชีพจร ซัดลอยออกไปแล้ว

ส่วนเฉิงสิบก็ได้รับคำสั่งเก็บตาย ดังนั้นกระบี่นี้จึงใช้กำลังเต็มสิบส่วน ผู้ที่มามิทันได้ระวัง ถูกเขาแทงทะลุหัวใจ ตายแน่นิ่ง

ทั้งสองออกโรงพิชิตศึก และเป็นแค่เวลาชั่วแวบเดียว โหลวซิ่นยังไม่ได้คืนสติ ถือดอกไม้ป่าสีสันสดใสช่อใหญ่มองพวกเขาอย่างตะลึงงัน

"ดูสิว่านั่นใคร" โหลชีถลึงตาใส่เขาที่หนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์

สายตาโหลวซิ่นทอดอยู่บนศพที่ถูกเฉิงสิบแทงทะลุหัวใจในดาบเดียว โพล่งปากออกมาด้วยความแตกตื่น "เวิ่นฉิน?!"

บุญคุณช่วยชีวิตที่ว่าล่ะ? สละชีพถูกหนอนดอกเมฆกินจนเกลี้ยงเพื่อเขาที่ว่าล่ะ?

โหลวซิ่นก็ไม่โง่ แพล็บเดียวก็รู้ขึ้นมาทันที นี่เป็นกับดัก และเป็นกับดักสำหรับเขาด้วย เมื่อนั้นสีหน้าเขาก็ตึงเครียดทันที

"โหลวซิ่น ยังไม่ต้องพูดอะไร เจ้าเอาศพสองคนนี้ส่งกลับไป โยนเขาในป่าดอกเมฆก่อน เจ้าอย่างเข้าไปล่ะ โยนเข้าไปก็พอ"

ถึงพวกเขาจะกินยาป้องกันหนอนดอกเมฆแล้ว แต่ในเมื่อคนม้วย เช่นนั้นอีกไม่นานฤทธิ์ยาก็ต้องสิ้นไปด้วย ช้าเร็วต้องถูกหนอนดอกเมฆฝูงใหญ่มุดเข้าไป

น่าหลานฮั่วซินชอบส่งคนให้เจ้าสำนักเดือนหยินมากมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็มอบลูกน้องมือดีสองคนให้เจ้าสำนักเดือนหยินไปก็แล้วกัน สองคนนี้ปล่อยออกไปก็ต้องเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแผ่นดินแน่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาติดกับดัก แถมยังเจอโหลชีกับเฉิงสิบอีก

ครั้นจัดการสองคนนี้แล้ว เวลานี้โหลชีถึงได้เผยความร้อนใจออกมา "เฉิงสิบ ตัวเจ้าต้องมีหนอนดอกเมฆแน่ จากนี้ไปข้าต้องการให้เจ้าทำเรื่องหนึ่ง"

"แม่นาง เรื่องอะไรหรือ?" แม้ใบหน้าเฉิงสิบจะดูสิ้นท่าเล็กน้อย แต่ก็ยังกัดฟัน

"เจ้ามิใช่ใช้กำลังภายในคุ้มกายอะไรนั่นที่เฉินซ่าสอนเป็นหรือ? ตั้งแต่ตอนนี้เจ้าก็ใช้กำลังภายในคุ้มกันชีพจร ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น วันนี้เราไม่เดินทางแล้ว ข้าต้องช่วยเจ้าคิดหาวิธีขับหนอนบ้าพวกนั้นออกมาให้ได้"

เฉิงสิบผงะ "แต่...แม่นาง แล้วงูยักษ์เย็นสารทฤดูจะทำอย่างไรเล่า?"

"เรื่องมีรีบไม่รีบ ตอนนี้เรื่องของเจ้าเร่งด่วนมากกว่า" โหลชีขมวดคิ้วเอ่ย "อย่างมากก็รอให้น่าหลานฮั่วซินได้ของเจ้านั้น แล้วข้าค่อยชิงจากมือนางก็ได้"

นางก็ไม่ใช่คนดีอะไร เรื่องการชิงสิ่งของนางก็ทำได้เช่นกัน แถมชิงมาแล้วก็จะไม่รู้สึกผิดเด็ดขาด

ทว่าเฉิงสิบกลับรู้สึกอุ่นใจ

"แม่นาง ข้าน้อยเชื่อท่าน" เขาเชื่อว่านางต้องช่วยชีวิตเขาได้แน่ เชื่อว่านางต้องคิดหาวิธีได้แน่

โหลชีกลอกตาขาวใส่ "ก็แหงล่ะ เจ้าไม่เชื่อข้าแล้วจะเชื่อใคร?"

ครั้นโหลวซิ่นกลับมาใบหน้าก็ซีดเผือด เอาศพโยนเข้าไปในป่าแล้วกลับมา ระหว่างทางเขาคิดได้แล้ว พวกเขาติดกับดัก ไม่! ต้องพูดว่าเขาติดกับดักจึงจะถูก! เมื่อครู่นางต้องไม่อยากถักมงกุฎดอกไม้แน่ รู้จักนางมานานขนาดนี้ เคยเห็นนางทำเรื่องเด็กน้อยเช่นนี้ที่ไหนกัน? ถักมงกุฎดอกไม้ก็เพื่อทำวางกับดัก

เขาประมาทเกินไปแล้ว

สำหรับจุดนี้ โหลวซิ่นตำหนิตัวเองมาก ดังนั้นสีหน้าเขาจึงไม่สู้ดีนัก

"ไยหน้าตาเป็นเช่นนี้เล่า?" ตอนนี้โหลวซิ่นต้องไม่ถูกหนอนดอกเมฆแน่ มิเช่นนั้นเขาจะยืนกรานจะกลับพั่วอวี้ได้อย่างไร?

"แม่นาง ข้าโง่มากใช่ไหม?"

โหลชีฟังคำพูดนี้เขาแล้วก็ชะงัก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา "ไอ้โง่ ใครก็มีช่วงที่ประมาทเลินเล่อทั้งนั้น เจ้าถูกหลอกเวลานี้ อย่างน้องก็ยังมีจุดดีอยู่"

หา ถูกหลอกติดกับดักแล้วยังมีจุดดีด้วยหรือ? อย่าว่าแต่โหลวซิ่น แม้แต่เฉิงสิบก็มองนางอย่างฉงนใจ

โหลชีตบบ่าเขา เอ่ย "ครั้งนี้โหลวซิ่นถูกหลอกใช้เพราะความรู้คุณต้องการตอบแทน นั่นก็หมายความว่าโหลวซิ่นเป็นคนผดุงความยุติธรรม มีคุณธรรม สำนึกบุญคุณต้องตอบแทนมิใช่หรือ? ข้าคงตำหนิเจ้าเพราะลักษณะศีลธรรมที่ดีของเจ้ามิได้ดอก"

ทันใดนั้นดวงตาโหลวซิ่นก็มีประกายน้ำ มองจนโหลชีขนลุกซู่ อย่าใช้ทักษะนี้กับนางได้ไหม? นางรับไม่ไหวจริงๆ นะ!

"แต่..." นางกระแอม "ต่อไปก็ต้องระวังให้มากๆ"

"ทราบแล้ว แม่นาง!" โหลวซิ่นรับคำเสียงดังกังวานใส

"เวลาหลังจากนี้ เจ้าต้องจับตาดูเวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ให้ข้าดีๆ ข้าต้องคิดวิธีจัดการหนอนดอกเมฆบนตัวเฉิงสิบ"

โหลวซิ่นส่งสายตาขอขมากับเฉิงสิบ เป็นเขาที่ไม่ทันยั้งคิดในตอนแรก เป็นเขาที่ถูกหลอก

ขณะที่เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่กลับมา โหลชีก็ถักมงกุฎดอกไม้เสร็จแล้ว บนศีรษะนางใส่อยู่อันหนึ่ง อีกสองสามอันที่เหลือวางเอาไว้ นี่ทำให้เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ปากกระตุก คิดว่านางว่างงานเกินไปแล้วจริงๆ

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่ตามไป

การไล่ตามนี้ก็ผ่านไปอีกวันหนึ่ง นางไม่จำเป็นต้องให้เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่นำทางให้แล้ว ทำจนพวกรู้สึกสงสัยมาก คิดแล้วก็รู้สึกแปลก ทำไมนางหาเส้นทางที่ถูกต้องพบได้?

แต่ถึงทั้งสองจะหยั่งถามอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ

เส้นทางที่พวกเขาผ่านมาตลอดทาง แม้นมีอันตรายแต่โดยรวมแล้วก็ถูกน่าหลานฮั่วซินที่อยู่ข้างหน้าจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกเขาสบายขึ้นมาก โดยเฉพาะในกลุ่มยังมีเฉิงสิบที่ถูกโหลชีสั่งให้ปกป้องชีพจรของตัวเองไม่ต้องสนใจอย่างอื่น

กระทั่งพวกเขาถึงด้านนอกของไอหมอกสีเขียวครามในที่สุด

ก็ขณะที่โหลชีเห็นไอหมอกนั้นแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าพลัน ไอพิษหนักมาก!

พวกเขายังไม่ได้เข้าไปจริงๆ แค่ยืนอยู่ข้างนอกก็เริ่มวิงเวียนปวดศีรษะแล้ว แถมภาพเบื้องหน้าก็เริ่มพร่ามัว

"แม่นาง ยาที่กินไปเมื่อก่อนหน้านี้คงหมดฤทธิ์แล้ว" เวิ่นเจี้ยนถอยหลังก้าวหนึ่ง

โหลชีเอ่ยถาม "เขาเวิ่นเทียนของพวกเจ้ามิใช่มียามากมายหรือ? หมดแล้ว?" ยาที่น่าหลานฮั่วซินให้พวกเขาก่อนหน้านี้มีอยู่สองอย่าง ตอนหลังเข้าป่าดอกเมฆก็ให้อีกอย่างหนึ่ง เวลานี้มีไอพิษ ก็น่าจะมียาอีกอย่างที่ช่วยแก้ไอพิษได้กระมัง?

เวิ่นเจี้ยนก้มหน้าเอ่ยอย่างหดหู่เล็กน้อย "แม่นาง ข้าน้อยก็ติดตามแม่นางแล้ว"

ความหมายนี้ก็คือ เจ้าอย่าเอาแต่พูดว่าเขาเวิ่นเทียนของพวกข้าสิ หรือว่าเจ้าไม่มียา? ติดตามเจ้าแล้ว เจ้าก็ต้องรับผิดชอบพวกเราสิ!

สิ บ้านเจ้าสิ

โหลชีไม่มียาป้องกันไอพิษจริงๆ แต่นางทำตอนนี้ก็ได้นี่ นางเพิ่งเดินหน้าไปสองก้าวก็เห็นสมุนไพรกอหนึ่งที่ทัดทานไอพิษได้ เพียงแต่นางกำลังคิดว่าจะทำยาต่อหน้าสองคนนี้ดีหรือไม่

นางต้องเชือดสองคนนี้แน่ แต่นางอยากเชือดพวกเขาต่อหน้าเทพธิดาบางคน ถูกต้อง! ก็อาละวาดเอาแต่ใจไม่มีเหตุผลอย่างนี้แหละ!

ฉะนั้น ก็ทำสิ

แต่ให้พวกเขาลำบากสักหน่อยก็ดี ทันใดนั้นโหลชีก็เผยรอยยิ้มเคอะเขินออกมา หันไปมองเวิ่นเจี้ยน "เออ...เวิ่นเจี้ยน เจ้าเห็นสมุนไพรตรงนั้นหรือไม่? เจ้าช่วยข้าขุดมาหน่อยสิ ข้าจะได้ทำยาที่ป้องกันไอพิษ"

"แม่นางยังทำยาเป็นด้วยหรือ?" เวิ่นเจี้ยนคาดไม่ถึง

"เป็นนิดหน่อย ตอนอยู่ที่พั่วอวี้หมอเทวดาเคยสอนข้าไว้"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นพากันแอบลูกจมูก แม่นางช่างกล่าวเท็จได้ไม่กะพริบตาจริงๆ! ทั้งที่หมอเทวดามองท่านคราใดล้วนเป็นแววตาแห่งความเลื่อมใสนับถือทั้งสิ้น ตามขอให้ท่านสอนก็ยังมี ไหนเลยจะมีสิ่งใดถ่ายทอดท่านได้อีก?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ