ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 34

ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่าอย่างน้อยเฉินซ่าคงพูดรับสักสองสามคำ ร่างใครบางคนปราดพุ่งเข้าไปหาซีฉางหลีรวดเร็วปานเหยี่ยว!

โหลชีดึงรั้งเขาไว้ไม่ทัน!

เหี้ย! บอกแล้วห้ามใช้กำลังภายใน เขายังฟังทะลุหูเลย!

โหลชีโกรธจัด เม็ดยาในมือสองเม็ดพุ่งใส่ปากชายสองคนที่หิ้วตัวประกันอยู่

ชายสองคนนั้นกำลังมองจ้องอย่างตะลึงไปที่ซีฉางหลีซึ่งกำลังประมือกับเฉินซ่าด้วยความสูงจากพื้นหลายเมตร จนปากอ้าค้าง แรงโหลชีนั้นมีมาก เม็ดยาสองเม็ดเข้าในปากพวกเขาพอดิบพอดี กว่าพวกเขาจะรู้ตัว เม็ดยาสองเม็ดที่เข้าปากก็ละลายไปแล้ว จะอาเจียนก็อาเจียนไม่ออก

"ช่วยคน!" นางรีบตะคอกสั่งเยว่กับอิง

เมื่อครู่องครักษ์เยว่กับองครักษ์อิงเห็นการกระทำของนางพอดี ตอนนี้เห็นชายสองคนนั้นล้มตึงลงสู่พื้นอย่างสลบไสล ทั้งคู่ยังมึนงง แต่พอได้ยินเสียงสั่งของโหลชี ก็รีบเหาะเข้าไป

ชายสองคนนั้นพอกินยาของโหลชีเข้าไปก็สลบไสลไม่ได้สติเลย ไม่มีทางหิ้วตัวฮั่วหยูฉุนกับเจิงหลิวหยุนได้แน่ อีกอย่างก่อนมาถึงที่นี่ทุกคนล้วนผ่านการสู้รบอย่างหนักมา จากสามสิบหกคนเหลือเพียงยี่สิบแปดคน ไม่มีทางไม่เหน็ดเหนื่อย เหล่าทหารองครักษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ตอนนี้เป็นสองในสี่องครักษ์ วิทยายุทธ์ของอิงและเยว่เหนือชั้นกว่าพวกเขามากโข! ดังนั้นต่อให้พวกเขาคืนสติไวแค่ไหน ก็ยังช้ากว่าอิงและเยว่อยู่ก้าวหนึ่ง

อิงและเยว่เข้าขากันได้ดีมาก มิใช่แยกกันช่วยทีละคน เยว่สองมือประสานกันสะบัดไล่คนที่ล้อมกรอบกระเด็นห่างไปสองเมตร อิงใช้มือจับทีละคนเหาะมายังตำหนัก โหลชีเคลื่อนตัวเปิดประตูให้ก่อนแล้ว เขาก็โยนคนเข้าด้านในทันที

"หมอเทวดา ดูอาการพวกเขาหน่อย!"

หลังจากพูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง เขาหมุนตัวออกจากตำหนัก ไปสู้เคียงข้างองครักษ์เยว่

อ้านเอ้อร์ปักหลักหน้าประตูตำหนัก ความสนใจของเทียนยีอยู่ที่ตัวเฉินซ่าเท่านั้น โหลชีเหล่เขาหนึ่งทีก่อนบอก "เจ้าไปช่วยองครักษ์อิงกับองครักษ์เยว่"

ตอนนี้นางถือป้ายอาญาสิทธิ์ของฝ่าบาท เมื่อกี้เทียนยีก็เห็นแล้วว่า ฝ่าบาทยอมให้นางยืนอยู่ด้านหลัง ดังนั้นคำพูดของนางเปรียบเสมือนคำสั่งของฝ่าบาท

"ขอรับ!"

เทียนยีรับคำ ก่อนถือกระบี่พุ่งออกไป

วิชากระบี่ของเขาอานุภาพรุนแรงนัก วิทยายุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์เยว่เลย ขนาดสามคนสู้กับยอดฝีมือซีเจียงยี่สิบหกคนยังมิได้พ่ายแพ้แต่อย่างใด แถมยังมีพลธนูหลายสิบคนคอยคุมเชิงอยู่ที่สูง โหลชีค่อยคลายใจลง ถือว่าคุมสถานการณ์ไว้ได้ละ

ความสนใจของนางอยู่ที่เฉินซ่ากับซีฉางหลีเท่านั้น

วิทยายุทธ์ของเจ้าอาวุธทำลายล้างเฉินนางรู้มาก่อนแล้ว ซีฉางหลีกลับสูสีกับเขาได้ วิทยายุทธ์สูงใช่ย่อย! ทั้งสองคนพุ่งร่างขึ้นสูง ฝ่าเท้าแตะยอดไม้หรือยอดเขา ยังไม่ลงแตะพื้นเลย

ทั้งสองคนยังไม่ได้ใช้อาวุธ สี่ฝ่ามือปะทะกัน จุดที่ปะทะกันนั้นฝุ่งทรายคลุ้งกระจาย อิฐสีเทาบนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ

โหลชีกลับแอบตกใจ ถ้าเฉินซ่าไม่ได้โดนคำสาปนางจะไม่กังวลเลยสักนิด แต่คำสาปที่เขาโดนมันบ้าคลั่งมาก ถึงจะโดนนางสะกดไว้ได้แล้ว แต่การใช้พลังภายในอาจจะทำให้มันหลุดการสะกดได้ ถึงเวลานั้นคำสาปจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น กลัวเขาจะรับไม่ไหว แต่นางเข้าใจว่าทำไมเขาต้องลงมือ เพราะวิทยายุทธ์ของซีฉางหลีเหนือชั้นกว่าเยว่กับอิง! ถ้าเขาไม่ลงมือ พวกเขาไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของซีฉางหลีได้เลยสักนิด!

โหลชียิ่งรู้จักความเย่อหยิ่งของเขามากขึ้นอีกขั้น ในเมื่อจะลงมือ ก็ต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อน จะไม่ยอมโดนคนอื่นลงมือใส่แน่!

ซีฉางหลีเผชิญหน้าเฉินซ่า สีหน้ายิ้มละไมได้ใจไม่เหลืออีกแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียด สิบปีก่อนพวกเขาเคยประลองกันครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเฉินซ่าแพ้ให้เขาเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าเฉินซ่าชนะเขาไปหลายขุมเลยทีเดียว!

เฉินซ่าเปลี่ยนฝ่ามือเป็นกำปั้น ชกกำปั้นไปที่หน้าของเขา ซีฉางหลีใจกระตุกวูบ พลิกร่างกายหลบอย่างรีบร้อน แต่เฉินซ่ากลับเหมือนคาดเดาได้ว่าเขาจะหลบมาทางนั้น กำปั้นนั้นเป็นมุขหลอก อีกกำปั้นหนึ่งตามมาติดๆ พุ่งเข้าหาทิศที่เขาหลบพอดี

ปึ้งดังขึ้น กำปั้นนั้นพุ่งชนใบหน้าซีฉางหลีอย่างจัง

ร่างซีฉางหลีโดนกระแทกจนลอยละลิ่วออกไป กลางอากาศโหลชีเห็นใบหน้าเขา แรงของกำปั้นเฉินซ่าทำให้ใบหน้าเขาบวมปูดขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาสภาพไม่เหลือดี

เหอะ อย่าคิดว่าเขาไม่เห็น ก่อนหน้านี้นางมองใบหน้านี้ แววตามีแววชื่นชมอยู่!

ดังนั้นเขาเลยเพิ่มสีสันให้กับใบหน้านี้สักหน่อย!

เฉินซ่าโจมตีทีเดียว ไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย เหาะตัวพุ่งเข้าไปอีก ปล่อยฝ่ามือออกไปอีกหนึ่ง! ฝ่ามือนั้นอานุภาพรุนแรงร้ายกาจประหนึ่งพร้อมจะทำลายทุกสิ่งซีฉางหลีใจหล่นวูบ จนอดร้องออกมาไม่ได้ "ฝ่ามือพลิกฟ้า!"

"องค์ชายหลีระวังหน่อย" ในการโจมตีอย่างบ้าคลั่งนี้ เฉินซ่ายังใจดีเตือนอีกฝ่าย

ภายใต้ฝ่ามือลมของเขา อากาศราวกับบิดเบือน ฝ่ามือนั้นพริบตาเดียวก็ตวัดเข้าที่หน้าอกซีฉางหลี ในที่สุดซีฉางหลีสีหน้าเปลี่ยน เพราะเขาพบว่าตนเองไม่อาจหลีกหนีพ้น! ฝ่ามือพลิกฟ้าสำเร็จแล้ว ฝ่ามือลมมีแรงดึงดูด รุนแรงร้ายกาจ สามารถกั้นตัวคู่ต่อสู้ไว้ได้ ป้องกันล้อมกรอบสกัดกั้นการหนีของคู่ต่อสู้ ได้แต่ยืนรอรับฝ่ามือตวัดใส่จนเป็นเนื้อบดอยู่ที่เดิมอย่างหาทางหนีไม่ได้!

เดิมซีฉางหลีคิดว่าคำพูดนี้พูดเกินจริง ตอนนี้ถึงรู้ว่ามันคือเรื่องจริง! ตอนนี้ตัวเขาโดนสกัดกั้น หลีกหนีไม่ได้เลย!

ซีฉางหลีกัดฟันกรอด สอดมือเข้าไปในเสื้อช่วงเอวอย่างรวดเร็ว

โหลชีจับตาดูเขาอยู่ตลอด พอเห็นเขาทำอย่างนั้นก็บีบหัวใจ และเมื่อเห็นของที่เขาหยิบออกมา มันเป็นพู่กันกำมะหยี่ไม้ดำแท่งหนึ่ง สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน ทนไม่ไหวร้องออกมาว่า "ระวังพู่กันเล่มนั้นของมัน อย่าให้มันแตะโดน!"

เสียงตะคอกดังของนางนี้เตือนสติเฉินซ่าจริงๆ ในขณะเดียวกันทำให้ซีฉางหลีแอบตกใจ จนอดหันไปมองนางไม่ได้ ผู้ใดกัน รู้เรื่องคำสาปซีเจียงของพวกเขา?

ยอดฝีมือปะทะกัน มีหรือจะแบ่งสติได้? แถมคนที่เผชิญหน้าอยู่ตอนนี้คือเฉินซ่า!

ฝ่ามือเฉินซ่าปะทะเข้ากับหน้าอกซีฉางหลีพอดี ฝ่ามือพลิกฟ้า อานุภาพร้ายกาจตั้งแต่ยังไม่โดน หากพอโดนแล้วกลับเงียบกริบไร้เสียง แทบจะเรียกได้ว่าอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง แต่สีหน้าซีฉางหลีเปลี่ยนฉับพลัน หมุนข้อมือ พู่กันแท่งนั้นพุ่งหมายแตะข้อมือเฉินซ่า

อิงเจอจุดระบายอารมณ์ "งั้นเจ้าว่ามาสิ เหตุใดต้องปล่อยพวกมันไป?"

"ที่เมื่อครู่ข้าพูดมิใช่เหตุผล? หูเจ้าหนวกหรืออย่างไร?" โหลชีมองบนใส่เขา

เฉินซ่ามองนางพลางพูดเอื่อยๆ สองคำ "มานี่"

โหลชีรู้ดีแก่ใจ แต่อดกลั้นความโมโหไว้ไม่อยู่ เลยถลึงตาใส่เขาพลางว่า "สารเลวเอ๊ย"

"เจ้ากล้าด่านายท่าน?" อิงยื่นมือจะคว้านาง โหลชีเขยิบเท้าหลบทันที และเดินไปทางเฉินซ่า พึ่งจะยื่นมือออกไป ร่างสูงใหญ่ก็ล้มเอนมาทางนาง และโอนถ่ายน้ำหนักส่วนใหญ่มาให้นางด้วย

"หนักชะมัด!" โหลชีโกรธจัด

"นายท่านคำสาปกำเริบอีกแล้วรึ?" อิงตกใจมาก ทำท่าจะเข้าไปช่วยพยุงเฉินซ่า เฉินซ่าปรายตามองเขา มือที่ยื่นมาแข็งค้างกลางอากาศ

โหลชีพยุงเขาเข้าตำหนัก ปรายตามองเจิงหลิวหยุนกับฮั่วหยูฉุนที่นอนอยู่ที่พื้น และองครักษ์เสวี่ยที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่ จึงหันไปบอกอิง "โยนพวกเขาออกไป!"

"เจ้าทำท่าทีกระไรนั่น! ดูนายท่านก่อน!"

อิงโกรธมาก แต่ก็เรียกทหารเข้ามา หามพวกเขาออกไป หมอเทวดาก็ถูกพยุงออกไปด้วย

องครักษ์เยว่มองโหลชีอย่างครุ่นคิด พลางถาม "นายท่านเป็นเยี่ยงไรบ้าง?"

โหลชีไม่ตอบ เป็นยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะนางอยู่ที่นี่ เขาตายแหง๋ แต่ตอนนี้นางอยู่นี่นา นางน่ะอยู่ แต่สำหรับคนไม่เชื่อฟัง นางโกรธมากเข้าใจไหม?

การที่เฉินซ่าไม่ออกคำสั่งไล่ฆ่าซีฉางหลี เป็นเพราะเขารู้ว่าคำสาปของตนมีแววจะกำเริบอีกแล้ว การต่อสู้กับซีฉางหลี ทำให้การสกัดกั้นก่อนหน้านี้คลายตัวลง

"พวกเจ้ามีอะไรควรทำก็ไปทำเถิด" นางสูดลมหายใจเข้าปอด และพูดเพียงเท่านี้ออกมา

องครักษ์เยว่ขมวดคิ้วมุ่น กลับเห็นเฉินซ่าโบกมือเป็นเชิงให้พวกเขาออกไป

รอจนพวกเขาออกไปหมดแล้ว ในตำหนักเหลือเพียงพวกเขาสองคน โหลชียกสองมือเท้าเอว ถลึงตาใส่เขาอย่างโมโหว่า "ท่านเองก็สงสัยว่าข้าเป็นไส้ศึกด้วยใช่หรือไม่?"

"เจ้าไม่ใช่"

หากนางเป็นไส้ศึก ตอนอยู่ที่หุบเขาลึกลับนางก็มีโอกาสฆ่าเขาได้แล้ว เหตุใดมิลงมือ? หากนางเป็นไส้ศึกจริง ครั้งนี้มิต้องช่วยเขาสกัดคำสาปกำเริบก็พอแล้ว ไยต้องเปลืองแรงอีก?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ