ในเวลาอันสั้นที่โหลชีล้มไปที่พื้น เห็นซู่ฉงโจวส่งสายตาให้นางแวบหนึ่ง เขาต้องการให้นางฉวยโอกาสจากไป
ซู่ฉงโจวจะต้องคิดว่านางแกล้งเจ็บจนล้มลงไปเป็นแน่
แต่ใครก็ได้มาบอกนางที นางแกล้งทำเช่นนี้ทำไม? นางก็หวังว่าเป็นการเสแสร้งได้ไหมล่ะ?
ซู่ฉงโจวหลอกล่อเฮ่อเหลียนเจี๋ยให้ค่อยออกไปให้ไกลจากนางเล็กน้อย เวลานี้ โหลชีได้ยินเสียงร้องของเจ้าขาว ในใจของนางเกิดความดีใจขึ้นทันที รับเปล่งเสียงร้องของนกอินทรี เจ้าขาวบินดิ่งลงมา บนหลังมีจิ้งจอกม่วงตามคาด โหลชีอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรง กระโจนขึ้นบนหลังของเจ้าขาว เข็มพิษไม่กี่เล่มในมือก็ยิงไปทางเฮ่อเหลียนเจี๋ย ในขณะเดียวกันก็เรียกซู่ฉงโจว: "ขึ้นมา"
เข็มเงินไม่กี่เล่มมาในสถานการณ์ที่ขี้โกง สาดแสงสีฟ้าเล็กน้อย เฮ่อเหลียนเจี๋ยมองออกเป็นธรรมดาว่าเข็มเงินนั่นมีพิษ ไม่กล้าชะล่าในทันที หมุนแขนเสื้อคิดต้องการจะหลบหลีกไป แล้วระหว่างช่องว่างเวลานั้น รอยยิ้มแฉลบผ่านในดวงตาของซู่ฉงโจว หมุนตัวกระโดดทันที และเหาะขึ้นไปบนหลังของเจ้าขาว
"เจ้าขาว ไป!"
โหลชีตะโกนด้วยความรีบร้อน เจ้าขาวรีบบินพุ่งขึ้นไปทันที พริบตาเดียวก็บินผ่านมาไกลมากแล้ว หายลับไปจากสายตาของเฮ่อเหลียนเจี๋ย
เฮ่อเหลียนเจี๋ยกางมือออก แขนเสื้อคลุมสั่นไหวเล็กน้อย ด้านบนมีเข็มพิษไม่กี่เล่มปักอยู่ เขามองดูเข็มพิษไม่กี่เล่มนั่น ในตามีความสนใจอย่างอธิบายไม่ถูก
โหลชีทำได้เยี่ยมมากจริงๆ
ซู่ฉงโจวก้มศีรษะมองลงไปดูเงาร่างที่เล็กลงเรื่อยๆของเฮ่อเหลียนเจี๋ย สุดท้ายก็โล่งใจลงเล็กน้อย นั่นเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่งจริงๆ ไม่แน่เขาอาจจะสู้เขาไม่ได้
แต่ไม่ช้าเขาก็เห็นใบหน้าอันซีดเซียวของโหลชี ภายใต้แสงจันทร์ใบหน้านั่นของนางไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิงจริงๆ
"เจ้าเป็นอะไรไป?" เพราะเฉินซ่าและโหลชียังไม่ได้เชื่อใจซู่ฉงโจวเต็มร้อย ดังนั้นที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของโหลชีจึงไม่ได้เปิดเผยต่อเขาสักนิด ดังนั้นซู่ฉงโจวจึงทำได้เพียงโหลชีเป็นว่าที่ภรรยาของลูกพี่ลูกน้องของเขา ไม่มากก็น้อยก็รักษาระยะห่างกับนางไว้
โหลชีกลอกตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง ฟุบลงบนตัวของเจ้าขาว
บ้าเอ๊ย ปวดจนนางจะตายแล้วจริงๆ
.......
เบื้องหน้าหมอกหนาทึบทั้งผืน โหลชียื่นมือไปพัดด้านหน้า คิดจะพัดหมอกเหล่านั้นออกไป แต่ได้ผลน้อยมาก นางคลำทางไปด้านหน้า ในใจกลับมีความระมัดระวังขึ้นมาก
นางยังจำได้ว่าเดิมทีตัวเองสลัดเฮ่อเหลียนเจี๋ยพ้นไปแล้ว ฟุบอยู่บนตัวเจ้าขาว อีกทั้งยังบินออกจากร่องน้ำลึกนั่นแล้วด้วย เพียงแต่เวลานั้นนางเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ปิดตาลงเพียงเพื่อพยายามวิเคราะห์สักหน่อยว่าเกิดปัญหาอะไรกันแน่ แต่นางจำได้ชัดเจนว่าตัวเองไม่ได้เป็นลมไปนี่นา ทำไมตอนนี้ถึงอยู่ที่นี่ได้?
ขณะที่นางกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในหมอกควัน คว้าข้อมือของนางไว้ทันที กระชากนางไปด้านหน้า
แววตาของโหลชีกะพริบทันที เล็บคว้าเข้าไปที่มือข้างนั้น ครั้งนี้ที่นางออกมาได้เตรียมตัวไว้แล้ว ในเล็บของนางก็ซ่อนยาพิษไว้ด้วย หากถูกยาพิษชนิดนี้ซึมเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนาง ไม่มีผู้ใดสามารถถอนพิษชนิดนี้ได้
แต่ในขณะที่นางต้องการจะข่วนหลังมือนั้นให้เป็นแผล ฉับพลันนั้นนางก็เห็นบนง่ามนิ้วมีแผลเป็นเล็กๆน้อยๆอยู่ โหลชีเบิกตาโพลงทันทีแล้ว
นี่ก็คือมือของนักพรตเลวนี่นา!
ภายใต้ความตกตะลึงนี้ โหลชีก็ไม่ได้ต่อต้าน ทั้งคนก็ถูกกระชากออกไปทันที
หมอกจางหายไป ขณะที่นางเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้วก็ตกตะลึงซ้ำอีกครั้ง ปากอ้าจนแทบจะหุบไม่ลงแล้ว ที่นี่คือ.......
ที่นี่คือบ้านในยุคปัจจุบันของนางนี่นา!
บ้านของนาง จ่ายเงินซื้อด้วยเงินกว่าสิบล้าน คฤหาสน์น้อยๆตั้งอยู่กึ่งกลางภูเขาข้างทางป่าเมเปิ้ลตอนนั้นนางยังทะเลาะกับนักพรตเลวทีหนึ่งด้วย บอกว่านางอยู่คนเดียวไม่ต้องซื้อบ้านแพงขนาดนี้ สิ้นเปลือง ยังให้นางเอาเงินไปซื้ออะไรสักอย่างมาอย่างอีก?
ของสิ่งนั้นเขาเคยบอกแล้วต่อมาภายหลังนางก็ลืมไปแล้ว ตอนนั้นนางบอกว่าแนวคิดในการใช้จ่ายของเขาใช้ไม่ได้ ตอนนี้ดูแล้ว แนวคิดในการใช้จ่ายของเขาใช้ไม่ได้ที่ไหนกัน เพราะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วนางจะถูกเขาส่งให้จากไปอย่างชัดเจน บ้านหลังนี้ซื้อไว้ก็สิ้นเปลืองจริงๆ!
ตอนนี้ในบ้านสะอาดสะอ้านไร้ฝุ่น ไม่เหมือนลักษณะที่ไม่มีคนอยู่มานานกว่าครึ่งปีแล้ว ตอนนี้นางยืนอยู่ในห้องรับแขก แต่ประตูใหญ่ปิดสนิท ผ้าม่านก็ดึงขึ้นหมด โคมไฟอันหนึ่งส่องสว่างอยู่ข้างโซฟา
เป็นนักพรตเลวที่ดึงนางกลับมาอย่างแน่ชัด แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นตัวนักพรตเลว โหลชีมองไปรอบๆ ร้องเรียกขึ้นอย่างอดไม่ได้: "นักพรตเลว ท่านออกมา!"
นี่คือให้นางกลับมาที่ปัจจุบันแล้วหรือ?
แต่ทำไมถึงให้นางกลับมาในเวลานี้? ในใจของโหลชีมีไฟโทสะอยู่เต็มท้อง ไม่ง่ายที่นางจะยอมรับการใช้ชีวิตในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางทางนั้นได้ ยอมรับฐานะตัวตนของนาง ทั้งยังเป็นเวลาที่กำลังรอโหลฮ่วนเทียนอีก เขาคงไม่ได้คิดให้นางปล่อยวางทุกอย่างทางนั้น และกลับมายุคปัจจุบันใช้ชีวิตของนางแบบก่อนหน้านี้ต่อไปอีกหรอกนะ?
ให้ตายสิ หากว่านางหายตัวไปแบบนี้แล้ว นางไม่กล้าจินตนาการจริงๆว่าเฉินซ่าจะมีปฏิกิริยายังไง
"นังหนูชีชี" นักพรตเลวกล่าวด้วยความจนปัญญา: "จากนิสัยของเจ้า หากข้าบอกเจ้าล่วงหน้า เจ้ายังจะไม่ไปเสาะหาตระกูลซวนหยวนหาตระกูลโหลของเจ้าไปทุกหนทุกแห่งหรือ? เจ้าจะไม่ไล่ถามข้าอยู่ตลอดอีกหรือว่า ทำไมท่านพ่อท่านแม่ไม่เลี้ยงดูเจ้า กลับเป็นข้าอาสามผู้นี้เลี้ยงดูเจ้า? แต่ว่าข้าก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!"
โหลชีกำหมัด ออกแรงโบกสะบัดต่อหน้าเขา "ท่านลองพูดอีกคำว่าไม่รู้!" เชอะไม่รู้ของเขาน่ะสิ ไม่รู้กับผีน่ะสิ!
นักพรตเลวคว้ามือของนางไว้ "ถึงแม้เจ้าจะใช้วิทยายุทธข่มขู่ข้าข้าก็ต้องพูดว่าไม่รู้ ตอนข้ายังเด็กถูกตรวจออกมาว่าร่างกายพิเศษกว่าคนปกติ ท่านพ่อของข้า ก็คือปู่ของเจ้า เพื่อให้ข้ามีชีวิตต่อไปอย่างดี เอาข้ามอบให้อาจารย์ อาจารย์เป็นคนที่มีการบำเพ็ญตบะขั้นสูง ไม่มีความสนใจต่อทุกสิ่งในโลก พาลูกศิษย์ไม่กี่คนไปอาศัยอยู่ในภูเขาลึกห่างไกลโลกภายนอก ข้าก็เติบโตอยู่ข้างกายของอาจารย์ ไม่รู้สถานการณ์ภายนอกแม้แต่น้อย อาจารย์ผู้อาวุโสก็ไม่ได้บอกข้าถึงฐานะตัวตนที่แท้จริงของข้า บอกว่ากลัวหลังจากที่ข้ารู้แล้วจะไม่มีกระจิตกระใจอยู่ต่อในภูเขาด้วยความสงบนิ่งได้"
"ขณะที่ท่านพ่อของเจ้าแต่งงานข้าก็ไม่ได้อยู่ในบ้าน ขณะที่เจ้าเกิดข้าก็ไม่รู้ ดังนั้นอะไรที่เจ้าพูด โหลฮ่วนเทียน ฉงโจว อะไรนั่น ข้าล้วนไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่าเจ้ามีพี่ชาย น้องสามของข้ามีลูกชาย แต่ข้าไม่รู้ชื่อของพวกเขา!"
"เช่นนั้นทำไมท่านถึงรู้ชื่อของฮั่วหยูฉุน?" จุดนี้นางอยากถามตั้งนานแล้ว คนอื่นล้วนไม่รู้ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางล้วนไม่รู้ บังเอิญรู้จักฮั่วหยูฉุนผู้เดียว? ทั้งยังมีรูปเหมือนของเขาอีก!
"ฮั่วหยูฉุนเป็นลูกชายของศิษย์พี่ชายข้า ข้าก็ไม่เคยพบมาก่อน แต่เขาบอกว่าลูกชายของเขาเกิดมาหน้าตาเหมือนเขาทุกอย่าง ข้าคิดว่าหลังจากที่เจ้าหมอนั่นโตก็คงจะหน้าตาเหมือนศิษย์พี่ทุกอย่างน่ะสิ ดังนั้นข้าจึงวาดภาพเหมือนของศิษย์พี่ข้า ทำไม เจ้าเจอเจ้าหนุ่มนั่นแล้วหรือ?"
โหลชีกุมหน้าผาก โอ้ว โน้ว!
นางครุ่นคิดเป็นพันหมื่นตลบ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้โดยสิ้นเชิง! เพิ่งจะรู้ว่านั่นเป็นภาพเหมือนของท่านพ่อของเขา! นี่โน้มนำให้นางไปผิดทางเกินไปแล้ว นางยังคิดมาตลอดว่า ทำไมนักพรตเลวถึงได้รู้จักฮั่วหยูฉุน อายุของฮั่วหยูฉุนกับเวลาที่เขามาที่ยุคปัจจุบันล้วนไม่ตรงกันนี่!
และนางยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้นักพรตเลวจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกภายนอก
"ความเข้าใจของข้าต่อโลกภายนอก ทุกสิ่งที่ได้เห็นทุกสิ่งได้ยินก็คือตอนออกจากภูเขามาเมื่ออายุสิบเก้าปีหลังจากทำตามคำสั่งของอาจารย์ออกท่องเที่ยวไปทั่วทุกแห่งหน แต่การเดินทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของข้าเป็นภูเขาและป่าลึก เวลาว่างไม่มีอะไรทำจึงได้เขียนบทตำนานประหลาดเล่มนั้น บางอย่างเป็นสิ่งที่อาจารย์เคยได้ยินมา บางส่วนเป็นสิ่งที่ข้าเห็นเอง ไม่กี่เดือนนั้นข้าได้รู้จักผู้อาวุโสจินและข่งซิว อ๋อ ถูกแล้ว ยังมีเสี่ยวโฉวอีก นอกจากนี้ก็พบกับคนบางส่วน ดีบ้างเลวบ้าง ข้าไม่ได้วาดภาพระบุไว้ให้เจ้าล่วงหน้าแล้วหรือ?"
นักพรตเลวยื่นมือออกมาต้องการจะลูบศีรษะของนาง โหลชีเพ่งมองเขาแวบหนึ่งด้วยความกลัดกลุ้ม เขาทำได้เพียงเลื่อนมือออกไปอย่างน่าสงสารเท่านั้น กล่าวต่อว่า: "เจ้าดูสิ ส่วนมากที่ข้ารู้ก็บอกเจ้าหมดแล้ว"
"เหอะ!"
โหลชีอดรนทนไม่ได้ "ท่านบอกอะไรข้าแล้ว? จะเอาข้ากลับไป อย่างดีก็พูดกับข้าให้ชัดเจนก่อนสิ! ก่อนหน้านี้กลัวข้าจะตามไล่สืบ คราวนี้ใกล้จะต้องส่งข้ากลับไปแล้วยังไม่บอกข้าอีก!"
หากก่อนหน้านี้เขาพูดให้เข้าใจสักหน่อย ช่วงเวลานี้นางก็ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้
"ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ พูดขึ้นมาข้าก็ยังไม่ได้ดุด่าเจ้าเลยน่ะ อยู่ดีๆเจ้าวิ่งไปที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาทำอะไร? นั่นคือเจ้าเจออุบัติเหตุจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสร้าง!" นักพรตเลวเพ่งมองนาง "ข้าสัมผัสได้ว่าชีวิตของเจ้าตกอยู่ในอันตราย จึงได้ใช้วิชาลับของสำนักอาจารย์เอาเจ้าส่งกลับไปตามแนวโน้มของเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ตายในทะเลแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ