"หึหึ เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะหาเวลาพูดเรื่องที่ไม่ได้บอกกับเจ้ารอบหนึ่ง ใครจะรู้ว่าจะไม่ทันกาล"
โหลชีตะลึงทันที
นางคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่นักพรตเลวแอบวางแผนมาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องราวกลับเป็นเช่นนี้ หากว่าไม่มีนักพรตเลว ครั้งนั้นนางก็จะตายในทะเลจริงๆแล้ว?
"ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเกิดเรื่อง?"
"ข้าเลี้ยงเด็กโง่เช่นเจ้านี้ออกมาได้ยังไง? "นักพรตเลวจิ้มหน้าผากของนาง หากว่าอิงและเยว่พวกเขาเห็นโหลชียังมีเวลาที่ถูกคนชี้หน้าผากด่าว่าเด็กโง่ คาดว่าคงตกใจจนตาหลุดออกจากเบ้าแล้ว
"เจ้าลืมแล้วสินะ ตอนที่เจ้ายังเล็กข้าก็เคยลงคำสาปผูกขวัญให้เจ้าแล้ว"
โหลชีคิดแล้วคิดอีกจึงนึกได้อย่างฉับพลัน นางลืมแล้วจริงๆ ตอนนั้นนางไม่ได้ใส่ใจกับคำสาปผูกขวัญนี้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นนักพรตเลวเอ่ยขึ้นมากับนางคำหนึ่งนางก็จำไม่ได้ คำสาปผูกขวัญก็เป็นคำสาปประเภทหนึ่ง ลงคำสาปอย่างน้อยคือสองคนหนึ่งกลุ่ม ยังสามารถมีหลายคนได้ด้วย คนที่ถูกผูกไว้แล้วจะสัมผัสรู้ได้ถึงการมีชีวิตอยู่ในอันตรายของคนที่มีคำสาปผูกขวัญเดียวกันได้"
"และคนสองคนที่ผูกคำสาปผูกขวัญไว้ เพียงแค่เสริมการควบคุมความฝันเพิ่มเติมก็สามารถเข้าสู้ความฝันของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว ทว่า อาจเป็นเพราะมิติกาลเวลาที่แตกต่างกัน การควบคุมความฝันก็จะลดลงเป็นอย่างมาก ดังนั้นมีบางเวลาหากไม่ใช่นางมองความฝันไม่ชัดเจน ก็จะไม่ได้ยินเสียงของเขา และตลอดมาความฝันก็ยังสั้นมากอีกด้วย
นางโง่จริงๆนี่นา ตอนนี้เพิ่งจะนึกได้ ก่อนหน้านี้ฝันเห็นนักพรตเลว นางยังกลุ้มใจมาตลอดว่า ที่แท้ นักพรตเลวก็เรียนรู้ควบคุมฝันได้นานแล้ว
นางโกรธเคืองอย่างฉับพลัน "ท่านไม่ได้สอนข้าควบคุมฝัน!"
บอกแค่วิธีแก้การให้กับนาง
นักพรตเลวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง "หากว่าสอนเจ้าแล้ว เจ้ากล้าพูดมั้ยล่ะว่าจะไม่เล่นพิเรนทร์กับข้า?" จากการแสดงออกของเจ้าเด็กแสบเมื่อไม่กี่ปีก่อน หากว่าเรียนรู้การควบคุมความฝันแล้ว เขาก็ไม่ต้องนอนหลับอย่างสงบสุขแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาต้องหลั่งน้ำตาแห่งความขื่นขมให้ตัวเองจริงๆ เลี้ยงดูเจ้าปีศาจน้อยตัวจนเติบใหญ่ไม่ง่าย บิดเบนนิสัยของนางให้ดีขึ้นมาก็ยากมาก! ตัวนางเองจะต้องลืมเป็นแน่แล้วว่า ตอนเด็กๆนางนิสัยชั่วร้ายขี้เล่นมากเพียงไร!
โหลชีกระแอม เอาเถิด นางคงทำจริงๆ ช่วงระยะเวลาเจ็ดแปดปีถึงสิบห้าปีนี้ ชีวิตของนางนอกจากภารกิจแล้ว ก็คือมีความสุขอยู่กับคิดหาทุกวิถีทางสู้ให้ชนะนักพรตเลวโดยไม่เหน็ดเหนื่อย เห็นเขากระทืบเท้า ท่าทางทำอะไรกับนางไม่ได้จริงๆ เวลานั้นเป็นธรรมดาที่นางก็ยังไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ในใจของโหลชีนักพรตเลวก็เหมือนดั่งท่านพ่อของนางตั้งนานแล้ว
"เช่นนั้นทำไมครั้งนี้ท่านถึงได้เอาข้ากลับมาอีก?" ดวงตาของโหลชีเปล่งประกายทันที: "หรือว่าท่านสามารถพอที่จะส่งข้าไปมาได้แล้วงั้นหรือ?"
สิ้นสุดคำพูดของนาง หัวสมองก็ถูกตบแรงๆทันที
"เจ้าทำเหมือนข้าเป็นอะไร? แฮ่มๆๆ......." ทันทีที่ตื่นเต้น นักพรตเลวก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง สีหน้ากลับยิ่งซีดขึ้นสองสามระดับ "แม้ว่าวิชาลับของสำนักอาจารย์จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎสวรรค์ แต่เช่นนี้ก็ต้องหาเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจำเป็นต้องมีช่องว่างของกาลเวลาระหว่างสวรรค์และโลก ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพลังของข้าผู้เดียว จะสามารถเปิดการทำงานของประตูแห่งมิติเวลาได้หรือ?
โหลชีผิดหวังเล็กน้อย แต่อย่างไรเสียก็อยู่ในความคาดหมาย ข้ามเวลาจะง่ายดายขนาดนี้ที่ไหนกัน นางดูท่าทางของนักพรตเลวแวบหนึ่ง เอื้อมมือไปคลำตรงช่วงเอว พบว่าสิ่งของของตัวเองก็พกมาด้วยแล้ว จึงดีใจในพริบตา นางคลำขวดเล็กขวดหนึ่งออกมา ยัดเข้าในมือของเขา
"นี่ เสียเปรียบท่านแล้ว ในหุบเทพมารของแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางถึงจะมียาดี" นางมองออก นักพรตเลวคงจะได้รับบาดเจ็บภายในเพราะการใช้วิชาลับในครั้งนี้
"เจ้าไปที่หุบเทพมารแล้วหรือ?" เขารับยามา มองดูนางด้วยความตกตะลึง "เจ้ายัยเด็กดื้อนี่ไม่ว่าที่ไหนก็ยังจะกล้าไปทุกที่จริงๆเลย"
โหลชีแบะปาก พูดเหมือนกับว่าเพิ่งจะรู้จัดนางเป็นวันแรกเช่นนั้น
กินยาแล้ว นักพรตเลวถอนใจเฮือกหนึ่ง: "โชคดีที่เจ้ามียา ไม่เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวต้องส่งเจ้ากลับไปอีกข้าก็แย่แล้ว"
"ประเดี๋ยวยังต้องส่งข้ากลับไปอีก?" เอาเถิด ส่งนางกลับไปนางก็มีการเตรียมใจไว้เล็กน้อยแล้ว แต่ว่าอีกครู่หนึ่งก็จากไปแล้ว? "ให้ข้าเสพสุขกับโถชักโครกฟูกกับป๊อปคอร์นแล้วดูหนังอีกสามเรื่องอะไรนั้นอยู่ต่อกับความเป็นยุคปัจจุบันอีกสองวันไม่ได้หรือ?"
อีกทั้งนางยังอยากไปเยี่ยมเพื่อนๆไม่กี่คนของนางอีกน่ะ
"ไม่ฝันไม่ได้หรือ?" นักพรตเลวกลอกตาขาวใส่นางแวบหนึ่ง" อย่างมากที่สุดเจ้าก็ทำได้แค่นั่งโถชักโครกครู่หนึ่ง กดปุ่มกดน้ำให้บันเทิงใจ ป๊อปคอร์นไม่มี ในบ้านยังมีล่าเถียวและเมล็ดทันตะวันสองสามห่อประเดี๋ยวเจ้าสามารถเอาไปด้วยได้
"ให้ตายสิ! อย่างน้อยก็เอาโค้กขวดหนึ่ง......."
"จะระเบิดได้"
เอาเถิด นางยอม
"ถูกแล้ว ราชวงศ์เฉินท่านก็ไม่เคยไม่รู้จักหรือ?"
"ข้ารู้จักราชวงศ์เฉิน แต่ไม่ได้เข้าใจอย่างกระจ่าง"
ยังมีราชวงศ์เฉินอีกเกิดเรื่องราวยังไงขึ้นอีก?
เมื่อคิดถึงเหล่านี้ โหลชีก็อดเพ่งมองซวนหยวนคงแวบหนึ่งไม่ได้ ไม่ง่ายที่จะมีคนที่นั้นอยู่คนหนึ่ง ตอนนั้นก็ยังอยู่สถานที่แห่งนั้นด้วย แต่ใครจะรู้ว่ากลับเป็นคนหนึ่งที่ไม่ไถ่ถามเรื่องทางโลกและไม่รู้อะไรเลย
"ยังไงซะเจ้าก็มีความสามารถ แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยเป็นห่วงเจ้าว่าเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ทางนั้นได้ไม่ดี"
โหลชีแบะปาก: "อืม ท่านอยู่ทางนี้ถือบัตรธนาคารของข้าข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าท่านจะไม่มีข้าวกิน" บัตรธนาคารของนางวางไว้ที่ไหน รหัสอะไร ก็บอกเขาไว้ล่วงหน้านานมากแล้ว เงินเก็บด้านในเพียงพอให้เขาอยู่ดีกินดีไปทั้งชีวิต
"แต่ครั้งนี้ท่านจะไปพร้อมกับข้าด้วยหรือไม่?" เดิมทีเขาก็เป็นคนทางนั้น คงไม่สามารถอาศัยอยู่ที่ได้ตลอดไปหรอกนะ
ซวนหยวนคงยิ้มเจื่อนๆแล้วส่ายหน้า: "ตัวคนที่ใช้วิชาลับนี้ไม่มีทางจะส่งตัวเองไปได้"
โหลชีโกรธในทันทีแล้ว "ความหมายของท่านคือท่านต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป? ปล่อยข้าให้ลำบากอยู่ทางนั้นอย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งด้วยตัวเอง?"
เฉินซ่าที่เวลานี้กำลังพยายามสุดกำลังในการต่อสู้เพื่อไปที่เขาพิณรู้สึกหนาวใจอย่างฉับพลัน
ลำบากไร้ที่พึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว? เช่นนั้นเขานับว่าเป็นอะไร?
โหลชีไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ยังไงซะก็คือนางไม่พอใจซวนหยวนคงแล้ว
"นอกจากว่าเจ้าจะหาพวกอาจารย์และศิษย์พี่ของข้าพบ พวกเขาลงมือด้วยกัน เมื่อมีรอยแตกของมิติเวลาก็ลากข้าเข้าไป"
"พวกเขาอยู่ที่ไหน?" โหลชีเดือดดาลใหญ่โต อาจารย์และศิษย์พี่ของเขา ตอนนี้อย่างมากที่สุดนางก็รู้จักท่านพ่อของฮั่วหยูฉุนหนึ่งคน แถมยังไม่รู้ว่าอยู่หรือไม่อยู่บนโลกอีกน่ะ คนอื่นๆก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้บอกนาง ทำอะไรกันอยู่เนี้ย!
ซวนหยวนคงยื่นแผนที่แผ่นหนึ่งให้นาง "สถานที่แห่งนั้นอันตรายเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เข้าเข้าไปอยู่ในอันตรายมากเกินไปหรอกหรือ? ตอนนี้ดูท่าแล้ว แม้แต่หุบเทพมารนางก็คือไปแล้ว ศักยภาพเพิ่มขึ้นมาก ไปสถานที่เช่นนั้นก็น่าจะไม่เป็นปัญหาแล้ว อีกทั้งนิสัยอาจารย์ของเขาก็แปลกประหลาด แม้ว่าจะหามเขาออกมา ก็ไม่แน่ว่าเขาจะสนใจ ทำได้เพียงพึ่งพาโหลชีไปพูดเกลี้ยกล่อมให้เขายอมด้วยตัวเองถึงจะได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาจารย์และศิษย์ แต่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ จะดึงเขากลับไปก็ต้องสูญเสียตบะไปเป็นแน่ ตาเฒ่านั่นอาจจะไม่เห็นด้วย
โหลชีเปิดแผนที่นั่นออก เป็นแผนที่แผ่นหนึ่ง นางพับแผนที่แล้วเก็บขึ้นมาอย่างดี ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น เห็นด้านในมีโค้กอยู่จริงๆ ดวงตาก็เปล่งประกายทันที เปิดแล้วดื่มอึกๆๆคำใหญ่ไปหลายคำ เวลาผ่านไปครึ่งปีกว่า ในที่สุดก็ได้ดื่มโค้กอีกแล้ว ซาบซึ้งนี่นา
"ทำไมทั้งตัวของเจ้าถึงได้สกปรกขนาดนี้? ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังมีเวลาอีกเล็กน้อย" เห็นนางเช่นนี้ ซวนหยวนคงปวดใจขึ้นมาอีกแล้ว เวลานี้เขาเพิ่งจะเห็นว่าทั้งตัวของนางเป็นฝุ่นโคลน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ