แต่ตอนนี้ฟังความเห็นท่านอ๋องของพวกเขาแล้ว สตรีผู้นั้นหนีไปแล้ว? ท่านอ๋องของพวกเขาปล่อยให้นางหนีไปแล้ว?
ไม่ถูกสิ ร่องเขาลึกเยี่ยงนี้ ท่านอ๋องของพวกเขายังไม่อาจจากไปได้ สตรีผู้นั้นจากไปได้อย่างไร? ชิงยีและหลานยีหันไปมองสีหน้าท่านอ๋องพวกเขาอีกครั้ง และยิ่งตกใจ เพราะสีหน้าท่านอ๋องของพวกเขากลับมีรอยยิ้มบาง! ถึงจะบางมาก แต่นั่นก็เป็นรอยยิ้มชัดๆนะ!
ทั้งคู่รู้สึกตกใจและฉงนยิ่งนัก
ชิงยีและหลานยีสบตากันหนึ่งที จากนั้นชิงยีเอ่ยปากขึ้นว่า "ท่าน พวกเรามิควรรีบหาคนหาของรึ? กุญแจโอสถน้ำพุโดนสตรีนางนั้นเอาไปแล้ว ข้าน้อยและหลานยีไปตามหานางเอาของกลับมาก็ได้ ได้ยินว่าคนของตระกูลจ้าวเองก็ไม่ยอมหาต่อในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางนี้ ถ้าพวกเขาหาเจอก่อน..."
เฮ่อเหลียนเจี๋ยส่ายหัวบอกว่า "ดวงใจน้ำพุโดนโหลชีกินไปแล้ว"
"อะ อะไรนะ?"
"กินไปแล้ว?!"
ชิงยีและหลานยีต่างตกตะลึงกับข่าวนี้จนอ้าปากค้าง
กว่าจะได้สติกลับมา พวกเขาก็คิดไม่ตก ชิงยีรีบถามอย่างร้อนใจว่า "ท่าน ในเมื่อสตรีนางนั้นกินดวงใจน้ำพุไปแล้ว งั้นต้องตายแน่ เหตุใดเมื่อครู่ท่านอ๋องจึงมิให้ข่าน้อยไปตามหานาง?"
"นางไม่ตาย"
หา? หา? ไม่ตาย?!
คางที่อ้าค้างและพึ่งกลับมาไม่นานของชิงยีและหลานยีตกลงอีกครั้ง "นี่เป็นไปได้อย่างไร..."
เป็นไปได้อย่างไรกัน? น้ำพุนั่นมียาดีมากมายนัก ดวงใจน้ำพุที่มียาพวกนั้นระเหิดและกลั่นรวม นั่นเป็นสุดยอดในสุดยอด คนแข็งแกร่งปานใดก็ตามกินลงไปก็ต้องตัวระเบิดตายแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเลือดออกเจ็ดทวาร ไม่ตายรึ เป็นไปได้อย่างไรกัน?
แต่ดูจากท่าทางท่านอ๋องของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ต้องเก็บความไม่เชื่อนั่นกลืนลงไป ท่านอ๋องของพวกเขามิใช่คนที่ล้อพวกเขาเล่นแน่นอน เขาพูดเรื่องจริง!
สมองชิงยีพลันมีประกายแวบผ่าน "ข้ารู้แล้ว มีคนประเภทหนึ่งทำได้! คนที่มีร่างทะเลแห่งยา!"
พอได้ยินคำพูดเขา หลานยีสองตาเบิกกว้าง "ร่างทะเลแห่งยา?" นั่นมิใช่ร่างกายแบบที่มีแค่ในตำนานรึ? ร่างกายผิดธรรมชาติเยี่ยงนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?"
เวลานี้เองเฮ่อเหลียนเจี๋ยพูดขึ้นว่า "ใช่ โหลชีมีร่างทะเลแห่งยา"
ชิงยีและหลานยีดีใจปรีดามาก "งั้นดีเลย คนที่มีร่างทะเลแห่งยา พาไปสถานที่แบบนั้นก็ดีกว่าแค่ไปเอากุญแจโอสถน้ำพุเท่านั้นเองมิใช่รึ?"
"ท่านเฉลียวฉลาดนัก!"
ทั้งสองคนคิดว่าท่านอ๋องของพวกเขาค้นพบความจริงที่ว่าโหลชีมีร่างทะเลแห่งยา ถึงไม่ได้ฆ่านางและให้นางกินดวงใจน้ำพุนั่น
สายตาเฮ่อเหลียนเจี๋ยปรายมองไปที่ลูกน้องทั้งสองคน ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในสมองเขาปรากฏภาพดวงตาเฉลียวฉลาดใสกระจ่างคู่นั้นของโหลชี และก้มหน้ามองมือตนเอง แม้แต่ตอนที่เขาไม่รู้ว่าโหลชีมีร่างทะเลแห่งยาเขาก็มิได้ลงมือฆ่านางและแหวกเอาดวงใจน้ำพุออกมา และปล่อยให้นางดูดซับดวงใจน้ำพุ
ส่วนเรื่องร่างทะเลแห่งยาของนาง มันเป็นแค่เรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงเท่านั้น
สตรีนางนั้น เขาอยากเจอนางอีก
"ไป" เขาพูดเสียงเรียบออกมา ร่างปราดออกไปเร็วดุจแสง
ชิงยีและหลานยีตามไปอย่างตื่นเต้น
.....
และในตอนนี้เอง ณ สถานที่ห่างจากเขาพิณไม่ไกลกลับมีวงล้อมศัตรูอันคละคลุ้งไปด้วยเลือดแห่งหนึ่ง
ยามดึกในสถานที่ห่างไกลของเมืองชีอันตั้งอยู่อย่างสงบเงียบ พวกเขาคลับคล้ายคลับคลาว่ามองเห็นแสงเล็กน้อยบนกำแพงเมืองเมืองชี แต่แสงนั้นกลับฉายมาไม่ถึงความมืดในนี้
ในภูเขาสองแห่งที่อยู่ห่างเขาพิณไปไม่ไกลได้บุกเบิกเรียบร้อยแล้ว ยังต้องรอบำรุงดินในภูเขา แล้วค่อยซื้อพันธุ์ผลหมากรากไม้มาถึงจะเริ่มเพาะปลูกได้ ดังนั้นคนงานของที่นั่นจึงได้กลับเข้าไปในเมืองชีเพื่อพักผ่อนตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว ลำบากมานาน สองคืนมานี้พวกเขาต่างดื่มกินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆของเมือง เพราะอย่างนี้จึงไม่ได้เห็นความน่ากลัวของดินถล่มฝั่งเขาพิณ
ตอนนี้ก็ไม่มีคนค้นพบว่าที่นี่มีวงล้อมศัตรูอันคละคลุ้งไปด้วยเลือดฉากหนึ่ง
เฉินซ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูคนเกือบร้อยที่ขี่ม้าล้อมกรอบพวกเขาสามคนไว้
"ฮะฮะฮะ บัดนี้แล้วเจ้ายังอหังการ์อีก! ดี เจ้าไม่พูด งั้นข้าจะให้เหล่าพี่น้องจัดการรัดคอเจ้าลงมาเสียเลย และเอากลับไปเป็นธงรบให้กับค่ายเรา! "
เทียนยีและตี้เอ้อร์รังสีอาฆาตเต็มตัว น่าตายนัก รู้เยี่ยงนี้น่าจะพาทหารมาจัดการทำลายล้างพวกคนเลวนี้เสียให้หมด! เมื่อก่อนพวกมันไม่กล้าโงหัวขึ้นต่อหน้าฝ่าบาทเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับมาซ้ำเติมเสียนี่
ระหว่างทางมานี้ พวกเขาพบเจอการลอบฆ่าและซุ่มโจมตีหลายครั้งนัก ระหว่างทางมานี้เรียกได้ว่าฆ่าผ่านการนองเลือดมา ต่อให้พวกเขาจะแกร่งแค่ไหนก็มีแค่สามคนเท่านั้น และคนพวกนั้นรวมกันแล้วก็มีเกินพันคนแล้ว ต่อให้วิทยายุทธ์แข็งแกร่งแค่ไหนก็รับไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นเพราะคนพวกนั้นยังไม่กล้าดูเบาฝ่าบาทของพวกเขา คนที่ส่งออกมาล้วนไม่ด้อยเลย
นอกจากสองคนที่มานำทางอย่างโง่ๆในครั้งแรกนั้น ที่เหลือพวกนั้นพวกเขาฆ่าฟันอย่างยากลำบากยิ่ง
เลือดบนตัว มีทั้งของคนอื่น และมีของพวกเขาเองด้วย
แต่ถ้าต้องการหัวของฝ่าบาทพวกเขากลับไปทำธงรบ มังกรร้ายก็ดูจะฝันเกินจริงเกินไปกระมัง
"จัดการ!"
เสียงลากดังขึ้นหลายเสียง คนพวกนั้นเริ่มลงมือ! หัวโซ่ยาวๆในมือสะบัดออกไป โซ่พุ่งไปหาคนตรงหน้าราวกับงูที่มีชีวิต คนตรงข้ามก็ปล่อยหัวโซ่ออกมาเหมือนกัน คนทางด้านนี้คว้าจับ แบบนี้ทั้งสองฝ่ายจับโซ่สองเส้นไว้มั่น พวกเขาหนีบสีข้างม้า ม้าเดินเข้ามา โซ่ของพวกเขาก็พุ่งจะไปรัดคอพวกเฉินซ่าในเวลาเดียวกันเช่นกัน
และคนอื่นๆก็สลัดโซ่ในมือออกไป พริบตาเดียวก็ได้ยินแต่เสียงกระทบกันดังของโซ่ เสียงฝีเท้าม้า โซ่มากมายร้อยเรียงกันแทบจะกลายเป็นตาข่าย ล้อมพวกเฉินซ่าสามคนไว้ตรงกลาง
เทียนยีและตี้เอ้อร์กัดฟันกรอด มือที่ถือดาบหนักราวพันชั่ง คืนนี้พวกเขาฆ่าคนมากเกินไปแล้ว แรงไม่เหลือแล้ว และจำนวนคนที่ฝ่าบาทฆ่านั้นยังมากกว่าที่พวกเขาสองคนฆ่ารวมกันมากมายนัก เขาน่าจะเหนื่อยมากที่สุด
"ข้าจะดูสิว่า พวกเจ้าจะหนีออกไปยังไง!" มังกรร้ายหัวเราะร่วนอย่างสาแก่ใจ "ฮะฮะ ให้คนในพั่วอวี้ทั้งหมดได้เห็นว่า สุดท้ายแล้วเฉินซ่าตายในเงื้อมมือใคร!"
"อยากได้ชีวิตข้า?"
เฉินซ่าร่างอาบเลือด สีหน้าเย็นชา กระโดดผลุงลงจากหลังเฟยเหิน คนพวกนั้นโยนโซ่ใส่เขาที่ลอยกลางอากาศ มีสองเส้นรัดเข้าที่ขาเขาข้างหนึ่ง สองคนนั้นดีใจนัก และใช้แรงดึงรั้งโซ่ไว้พร้อมกัน ด้วยเพราะพวกเขาชินกับแรงของโซ่นี่ การรัดครั้งนี้สามารถทำให้ขาเฉินซ่าขาดได้เลย!
แต่ที่ทำให้พวกเขาตกใจคือ เฉินซ่ากลับตวัดขากวาดเป็นวงล้อกลางอากาศอย่างแรง พวกเขาเพียงรู้สึกว่ามีแรงมหาศาลส่งถ่ายทอดมาทางโซ่ จนทั้งสองคนทนไม่ไหว โดนตวัดจนตกจากหลังม้าอย่างแรง และโดนเฉินซ่าโยนทิ้งออกไป ถ้าพวกเขาไม่ปล่อยโซ่ ต้องส่งผลกระทบต่อพวกพ้องในการควบคุมโซ่แน่!
ทั้งสองคนปล่อยมือพร้อมกัน และโดนโยนออกไปไกลๆ
เฉินซ่าคว้ามือจับ กระชากโซ่ที่รัดขาตนลงมา กำลังจะสลัดไปทางมังกรร้าย กลับรู้สึกว่ามีลมโจมตีมาจากเหนือหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ