ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 393

"กลับไป" เฉินซ่าหันมามองนางด้วยสายตาโกรธขึ้งด้วยเวลาที่เหลือจากตวัดกระบี่ฆ่าคน ใส่ชุดเยี่ยงนั้นยังจะออกมาสู้อีก?

รูปร่างอ่อนเยาว์งดงาม สองขาเรียวยาวที่แข็งแรงตรงแน่วกระโดดโลดโผนทำเอาผู้คนเลือดลมพลุ่งพล่านไปรวมกันที่จุดจุดเดียว

โหลชีถลึงตากลับไป "ถือดียังไง?" นางสะบัดแส้เอาคบไฟมาอันหนึ่ง และเตะเท้าใส่คนด้านหน้าไปในเวลาเดียวกัน

"แต่งกายมิสำรวม ใช้ได้ที่ไหนกัน?" เฉินซ่าสะบัดกระบี่ฟันเส้นเลือดที่ข้อมือคนข้างๆขาด

"ท่านมองยังไงกันน่ะ? นี่เรียกแต่งกายไม่สำรวม?" พอได้กลิ่นจากคบไฟ สีหน้าโหลชีเปลี่ยนเล็กน้อย และตวัดคบไฟไปทางผู้ชายข้างๆ คนนั้นตกใจจนเสียหลักตกจากหลังม้า ม้าเองก็ตกใจ ยกขาหน้าขึ้นพลางเหยียบลงพื้นอย่างแรง ลงตรงหน้าอกคนนั้นพอดี ได้ยินเสียงพลั่ก คนนั้นร้องเสียงโหยหวนออกมาทันที

"หุบปาก!"

"หนวกหู!"

กระบี่และแส้ของเฉินซ่ากับโหลชีตวัดใส่เขาพร้อมกัน

หลังจากที่โหลชีพุ่งออกไปเทียนยีตี้เอ้อร์ก็พุ่งเข้ามาด้วย มาคอยอารักขานางอยู่ข้างหลัง และได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ และมองดูคนดวงซวยที่ตายอย่างไม่รู้จะตายยังไงภายใต้กระบี่กับแส้แล้ว อดหน้าดำทะมึนไม่ได้

นายท่านทั้งสอง สถานการณ์เช่นนี้พวกท่านยังจะมาต่อล้อต่อเถียงกันอีกรึ?

โหลชีกลับหันหัวขวับมา ตะคอกพวกเขาเสียงต่ำว่า "พวกเจ้ารีบถอยออกไปเดี๋ยวนี้!"

"พระ..."

"พระอะไรหาพระ! ไป!" โหลชีตะคอกดัง

เทียนยีและตี้เอ้อร์ใจกระตุกวูบ เดิมป้ายบัญชาองครักษ์ลับของเฉินซ่าได้ให้โหลชีไปนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่นางจะได้เป็นพระสนม พวกเขาก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของนาง เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนางแล้ว ทั้งสองคนไม่กล้าไม่ฟัง เลยรีบถอยหลังออกนอกวงล้อมไป

"ถอยไปอีก!" โหลชีถือคบไฟ พลางขยับเข้าใกล้เฉินซ่า และหันไปตะคอกทั้งสองคนอีกรอบ จนทั้งสองคนถอยไปจนถึงขอบเขตที่นางเห็นว่าปลอดภัยแล้ว สีหน้านางถึงผ่อนคลายลง

นางเองก็เข้าใกล้เฉินซ่าแล้ว

มังกรร้ายพลันเป่าส่งเสียงหวีดออกมา สามสิบสี่สิบคนที่เหลือพากันถอยหลังกรูด

โหลชียิ้มเย็นออกมา "อย่าไปสิ จะเล่นไม่ใช่หรือไง? เล่นต่อไปสิ!" ในตอนที่นางลืมตาขึ้นมองเห็นภาพนี้ก็เดาได้แล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นเทียนอิ่งหรือพวกเฉิงสิบแจ้งข่าวแก่เฉินซ่า บอกว่านางเกิดเรื่องที่เขาพิณ เฉินซ่าต้องรีบมาแน่ และคนพวกนี้ นางไม่รู้ว่าเป็นอำนาจอะไร แต่พวกที่ล้อมฆ่าเฉินซ่านี่ น่าตายนัก

"ถอย ถอย!" มังกรร้ายร้องตะคอกเสียงดังอย่างร้อนใจ ระหว่างมองดูคนพวกนี้ที่ถอยหลังไปตลอด เดิมคนเกือบร้อยคน ตอนนี้เหลือแค่สามสิบสี่สิบคน ส่วนใหญ่ในนั้นโดนเฉินซ่าฆ่าหมดคนเดียวเลย! ใช่ พวกเขาต้องใช้สิ่งนี้แล้วจริงๆ ไม่งั้นทุกคนต้องตายอยู่ที่นี่!

มังกรร้ายร้องไปพลางถอยกรูดอย่างรวดเร็วราวบินได้

และพวกคนที่ถือคบไฟอยู่ด้านหลังกลับพากันเดินหน้าขึ้นไป

เฉินซ่ากลับหยุดไม่ลง เขาคว้าโซ่มาสะบัด โซ่เคลื่อนไหวเกี่ยวรัดคนราวกับเป็นงูที่มีชีวิตเข้าไป รัดคอเขาแน่น และสะบัดมาทางนี้

"เดี๋ยวก่อน ให้เขาลองไฟนี่หน่อย" โหลชีโผล่เข้ามาขวางกลาง จุดคบไฟลงไปที่ตัวคนคนนี้

มีประกายไฟแตะลงที่เสื้อผ้าผู้ชายคนนั้น เสียงบรึ้มดังขึ้น ไฟลุกโชติช่วง พริบตาเดียวก็เผาไหม้ การระเบิดของอุณหภูมินั้นทำให้โหลชีปราดร่างไปทางเฉินซ่าอย่างรวดเร็ว "โยนออกไป!"

ถึงในใจเฉินซ่าจะยังครุ่นคิดเรื่องเสื้อผ้าชุดนั้นของนาง แต่ก็รีบโยนคนผู้นั้นไปทางสามสิบสี่สิบคนที่ถอยร่นนั่น

มังกรร้ายตกใจมาก ร้องเสียงหลงบอก "รีบหลบไป!"

แต่การกระทำของเฉินซ่าเร็วจนทำให้คนพวกนั้นไม่มีเวลาหลบ คนนั้นโยนกระแทกมาทางพวกเขาแล้ว ยังไม่ทันกระทบพื้น ก็ได้ยินเสียงบรึ้ม ตัวเขาระเบิดกลางอากาศเลย ร่างสูงใหญ่โดนระเบิดเป็นผุยผง ชิ้นเนื้อแต่ละชิ้นกลับยังมีเกล็ดประกายไฟ ราวฝนไฟหล่นใส่คนกลุ่มนั้น

ฝนไฟนั่นหล่นโดนตัวและหัวคนพวกนั้น ขอเพียงโดนเข้าไปนิดเดียว ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดๆกันเป็นประกายไฟสีแดงสด ทั้งตัวเผาไหม้ขึ้นมา จากนั้นแต่ละคนก็พากันระเบิดตัวเองไปตามๆกัน

พริบตาเดียวก็ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังสนั่นและเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนติดประกายไฟสีแดงระเบิดบรึ้ม สาดเทไปโดนคนอื่น แล้วก็เผาไหม้ ระเบิดอีก เลือดเนื้อกระจาย หมอกเลือดและประกายไฟสาดส่องสีแดงฉาดไปทั่วค่ำคืนเช่นนี้ กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเผาไหม้ กลิ่นไหม้เกรียม พอกลิ่นเหล่านี้มาอยู่รวมกัน มันทำคนอยากอาเจียน

มังกรร้ายกับผู้ชายคนที่เสนอคนแรกให้ใช้เจ้าสิ่งนี้ไม่กล้าเหลียวหลังมามองด้วยซ้ำ ได้แต่พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

วิ่ง รีบวิ่ง พวกเขาไม่คิดเลยว่าพลานุภาพของเจ้าสิ่งนี้จะน่ากลัวเพียงนี้! คนนั้นบอกไว้แท้ๆว่า ของสิ่งนี้ไม่มีอันตรายกับพวกเขา! หลอกกันชัดๆ พวกเขาโดนหลอกแล้ว!

คราวนี้ เหล่าพี่น้องที่เหลืออยู่สามสิบสี่สิบคนของพวกเขาหมดแล้ว ตายไม่เหลือซากอยู่ที่นี่!

"นี่มันคืออะไรกันแน่?" โหลชีโดนเฉินซ่าโอบกระโดดขึ้นเฟยเหิน ถอยหายไปแล้ว พอเห็นฉากนี้นางขมวดคิ้วแน่นขึ้น

เฉินซ่ากลับมองไปทางแผ่นหลังพวกมังกรร้ายสองคน สายตาหรี่ลงเล็กน้อย

"คิดหนี?"

เขาไม่ใช่พวกใจกว้างอะไร เมื่อครู่คำพูดนั้นของมังกรร้าย ความคิดมิซื่อต่อโหลชี เขาไม่ได้ลืม

กระบี่ยาวในมือส่องประกายเย็นเยียบ พุ่งไปทางแผ่นหลังของเขา

นางยังไม่ได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงโหลชีกลั้วหัวเราะบอกว่า "แม่นางเสวี่ยจ้องมองข้าเยี่ยงนี้ ข้าละกังวลใจยิ่งนัก"

เสวี่ยทนไม่ไหวถามออกไป "กังวลอะไร?"

โหลชีส่ายหัวบอก "กังวลว่าข้าจะทนไม่ไหว..." นางลากเสียงยาว พลางชะงักลงเล็กน้อย รอยยิ้มยังค้างที่ริมฝีปาก "ควักดวงตาคู่นี้ของเจ้าออกมา แล้วโยนให้หมากิน"

"เจ้า!"

เสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป ความหวาดกลัวในใจพลันโดนความแค้นเข้าแทนที่

"โหลชี เจ้าอย่าได้ใจนักเลย!"

โหลชีเอนตัวพิงอ้อมกอดเฉินซ่า "ข้าได้ใจอันใดเล่า? อ้อ เจ้าจะบอกว่า ไล่เจ้าไปจากตำหนักจิ่วเซียวรึ? แต่ข้าดูเจ้าตอนนี้ก็หาที่พักพิงได้ดีแล้วนี่ แม่นางซีเฟยฮวนคู่ขาในตำหนักองค์ชายหลีพึ่งตายไป เจ้าก็เข้าแทนที่ตำแหน่งนางเลย"

แทนที่ตำแหน่งนาง? ตำแหน่งอะไร? ของเล่นของซีฉางหลี!

ในตอนสอบปากคำซีเฟยฮวนครั้งสุดท้ายโหลชีก็สืบเป้าหมายที่นางมายังตำหนักจิ่วเซียวได้ถ่องแท้หมดแล้ว ดังนั้นสำหรับความสัมพันธ์ของนางกับซีฉางหลี นางก็รู้ชัดเจนมากด้วย และจากปากซีเฟยฮวนก็รู้ได้ว่า คนอย่างซีฉางหลีไม่ได้ทะนุถนอมสตรีอะไรขนาดนั้นหรอก

เสวี่ยเห็นโหลชีที่นั่งขดตัวในอ้อมกอดเฉินซ่าต่อหน้าต่อตาตนแล้ว แทบจะกัดฟันหักเลยทีเดียว

นางหันมองเฉินซ่าอย่างเนิบช้า แต่กลับพบว่าเขาไม่ได้มองนางเลยสักนิด แต่กลับยื่นสองมือออกมาโอบรัดโหลชีแน่นขึ้นในอ้อมกอด ฉากนี้เสียดแทงใจและดวงตาของเสวี่ยยิ่งนัก

"ฝ่าบาทและพระสนมช่างร้ายกาจนัก อาศัยกำลังคนเพียงสองคนเอาชนะศัตรูนับร้อยได้" ซีฉางหลีกลับทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของโหลชี

"พวกเจ้าอยากลองบ้างรึไร?" โหลชีจับตามองซีฉางหลีตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นแล้ว แต่ในสายตาเขากลับปรากฏความตกตะลึงต่อฉากร่างคนระเบิดนั้นอย่างชัดเจน ดูท่าคนที่เอาของเหลวสีแดงนั่นมาจะไม่ใช่เขา

ซีฉางหลีถูกนางท้าทายจนไม่รู้จะตอบคำอย่างไร

ในดวงตาเสวี่ยปรากฏแววเคียดแค้น

"ฝ่าบาท นี่เป็นโอกาส..." เฉินซ่าผ่านการฆ่าล้างบางมามากมายขนาดนั้นแล้ว การสู้เมื่อครู่ได้พัดพากำลังกายเขาไปหมดแล้ว ใช้คำสาป ใช้พิษ ไม่แน่ว่าจะไม่ได้ผล!

นางจะฆ่าโหลชี!

ความคิดของนางกำลังจะเริ่มต้น แต่กลับมีแสงสีดำยิงพรวดมาที่นาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ