คนที่มาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน จำต้องยอมรับจริงๆว่า นางค่อนข้างระแวงอยู่บ้าง
เฉินซ่าไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร กล้ามาแย่งโหลชี มีแค่ผลลัพธ์เดียว ตาย
เขาดึงมือโหลชีออก "อยู่นิ่งๆ"
"เฉินซ่า...."
โหลชีดึงเขาไม่อยู่ เขากระโดดลงจากหลังม้าไปที่พื้น และไปยืนต่อหน้าเฮ่อเหลียนเจี๋ย
เขามองเฮ่อเหลียนเจี๋ย พลางพูดเสียงเย็นว่า "สู้ หรือว่าตาย?"
หลานยีและชิงยีต่างตะลึงอึ้ง"ท่านอ๋อง" พวกเขายังไม่เคยเจอผู้ใดกล้าพูดจาเยี่ยงนี้ต่อหน้าท่านอ๋องของพวกเขา และยังพูดจาด้วยท่าทีโอหังเยี่ยงนี้! ล้อกันเล่นกระมัง? นี่เป็นคนแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง!
เมื่อก่อนพวกเขามิเคยเห็นคนแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางอยู่ในสายตาเลย แต่คนนี้ที่ได้เห็นตอนนี้ ช่างทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
ท่านอ๋อง?
เฉินซ่ากับโหลชีได้ยินสรรพนามเรียกตนเองนี้ คนคนนี้เป็นอ๋องของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน?
เฮ่อเหลียน หรือว่าจะเป็นแซ่ของสักราชวงศ์หนึ่ง?
โหลชีได้แต่เสียดาย ที่นักพรตเลวเป็นคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน แต่กลับไม่รู้อะไรเลย!
เฮ่อเหลียนเจี๋ยเองก็อึ้ง จากนั้นยิ้มน้อยๆอย่างอดไม่อยู่
"จักรพรรดิพั่วอวี้ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ข้า"
แผ่นดินใหญ่หลงหยินมีอะไรดียิ่งกว่าแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางหรอ? ทำไมคนทางนั้นถึงได้มีท่าทีประหนึ่งอยู่เหนือกว่ายามยืนอยู่ต่อหน้าคนจากแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง? เหมือนกำลังก้มมองดูพวกเขายังไงยังงั้น
"งั้นรึ?" เฉินซ่าแค่นเสียงเย็น
"ตอนนี้สภาพเจ้ามิดี ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา" เฮ่อเหลียนเจี๋ยบอก "ข้าจะพาโหลชีไปแน่"
"พูดจามากความ!" เฉินซ่าปราดไปข้างหน้า มือถือกระบี่เข้าใกล้เฮ่อเหลียนเจี๋ย
ชิงยีและหลานยีจะเข้าป้องกัน เฮ่อเหลียนเจี๋ยดึงพวกเขาหลบ ปราดร่างรับเข้าไป "เจ้าอยากรนหาที่ ข้าจะช่วยเจ้าเอง"
"พูดจาโอ้อวดมีประโยชน์?"
เฉินซ่ายังคงเย็นชาอย่างนั้น ในตอนที่กำลังจะปะทะเฮ่อเหลียนเจี๋ย ในตอนที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยคิดว่ากระบี่เขาจะแทงเข้าไป เขากลับพลิกมือโยนกระบี่ทิ้งไป กระบี่ยาวนั่นวาดออกไปตามรูปเส้น ตกลงบนพื้น ปักเข้าไปในดิน นิ่งอยู่อย่างนั้น
ทุกคนพากันตะลึง
กระบี่เล่มนั้นเป็นอาวุธวิเศษที่หายาก ต่อให้ในแผ่นดินใหญ่หลงหยินก็น่าจะติดอันดับอยู่ มีกระบี่เล่มนี้ เฉินซ่าปะทะเฮ่อเหลียนเจี๋ยก็พอจะมีความหวังขึ้นมาหน่อย แน่นอน ในสายตาชิงยีและหลานยี ต่อให้มีกระบี่เล่มนี้ เฉินซ่าก็ไม่มีทางชนะ อย่างมากก็คงแพ้อย่างไม่อนาถนัก
แต่ตอนนี้เขากลับโยนกระบี่เล่มนี้ทิ้งไป!
นี่คือจะใช้หมัดมวยสู้กับท่านอ๋องของพวกเขา?
อยากตายก็ไม่ควรจะเล่นวิธีนี้กระมัง!
ชิงยีและหลานยีถอยหลังไปหลายก้าวอย่างผ่อนคลายทันที สายตาที่มองดูเฉินซ่าราวกับกำลังมองคนตายคนหนึ่ง
ส่วนทางด้านนั้น เทียนยีตี้เอ้อร์กลับหวั่นขึ้นมา พวกเขามองออกอยู่แล้วถึงวิทยายุทธ์ล้ำลึกของเฮ่อเหลียนเจี๋ย เดิมคิดว่าฝ่าบาทของตนมีอาวุธวิเศษ ก็ไม่ถึงกับไม่มีความหวัง แต่ตอนนี้เขากลับโยนอาวุธวิเศษทิ้งไป!"
"ฝ่าบาท!"
ทั้งสองอดไม่อยู่ส่งเสียงราวกับจะห้ามปราม จากนั้นหันไปมองโหลชีพร้อมกัน
หากพระสนมส่งเสียง ลางทีฝ่าบาทอาจจะฟังบ้างกระมัง? หรือมิเช่นนั้น พระสนมออกคำสั่ง ให้พวกเขาสองคนขึ้นหน้าก่อน อย่างน้อยคงช่วยฝ่าบาทลองเชิงอีกฝ่ายได้อยู่บ้างน่ะ
แต่โหลชีกลับเม้มปากแน่น สายตาจับจ้องไปที่เฉินซ่าเขม็ง
ผู้ชายคนนี้เย็นชาอย่างน่าตายนัก เย่อหยิ่งโอเวอร์จริงๆ!
แต่ว่า น่าตายนัก ทำไมนางถึงใจเต้นกับเขาในตอนนี้ล่ะ นางรู้สึกว่า ท่าทางเขาตอนโยนกระบี่ยาวออกไปหล่อเอามากๆเลย!
เมื่อก่อนถึงโหลชีจะชอบเฉินซ่า แต่สู้บอกว่าชอบหน้าตาของเขาจะดีกว่า แล้วยังโดนบังคับให้ยอมรับเพราะความบ้าอำนาจของเขา เพียงแต่ในวินาทีนี้ นางถึงมีความรู้สึกโดนกระแทกใจอย่างแรงกับเสน่ห์เฉพาะตัวของเขา ถึงได้หวั่นไหว!
สายตานางเป็นประกายขึ้นมา มือป้องปากตะโกนเสียงดังออกไปว่า "เฉินซ่าสู้ๆ อัดเขาเลย!"
ชิงยีและหลานยีทนไม่ไหวถลึงตามองมา
โหลชีถลึงตากลับไป "มองอะไร? ไม่เคยเห็นเชียร์ลีดเดอร์สาวหรือไง?"
ส่วนทางนั้น เฉินซ่าได้สู้กับเฮ่อเหลียนเจี๋ยแล้ว ร่างทั้งสองรวดเร็วจนทุกคนมองไม่ชัดว่าพวกเขาลงมือยังไง
เฉินซ่าพูดจบ ร่างลอยขึ้นสูง ในเวลาเดียวกันฝ่ามือขวาก็ซัดลงไปหาเฮ่อเหลียนเจี๋ย ฝ่ามือนี้ดูเหมือนปกติ แต่กำลังภายในที่สอดแทรกนั้นน่าตกตะลึงนัก มีเพียงผู้ที่โดนโจมตีเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้
เฮ่อเหลียนเจี๋ยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลันงอเข่าเบี่ยงร่างท่อนบน ตัวเขาประหนึ่งใช้สองขาเป็นหลักยึดที่พื้น สองมือวาดออกไปในลักษณะทรงกลม ราวกับมีลมมากมายถูกสองมือเขารวบรวม กลายเป็นกงล้อลมปราณ
และพลานุภาพของกงล้อนั่นก็ทำให้สีหน้าเฉินซ่าเปลี่ยนเล็กน้อย
กงล้อนั่นมีพลังดึงดูดที่น่ากลัว ดูดฝ่ามือที่เขาซัดออกไปเข้าไปด้วย ลดทอนกำลังของเขา และกำลังเหล่านั้นกลายไปเป็นของอีกฝ่าย ไปเพิ่มแรงดึงดูดของกงล้อนั่นเข้าไปอีก! นี่มันวิทยายุทธ์อะไรกัน? เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย! ระหว่างที่เขาตกตะลึง กลับไม่รู้เลยว่า ชิงยีและหลานยีก็ตกใจมากเช่นกันว่า ชายผู้นี้ถึงกับบีบให้ท่านอ๋องของพวกเขาใช้วิชานี้เลย?
แต่เขาตายแน่แล้ว
ไม่มีใครสามารถอยู่รอดภายใต้วิชานี้ของท่านอ๋องมาก่อน
พวกเขาหันมองโหลชี พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ "โหลชี หรือว่าเจ้าอยากเห็นเขาตายอนาถรึ? ไปกับพวกเรา มิแน่ว่าท่านอ๋องอาจจะยอมให้เขาตายอย่างสมบูรณ์เหลือซาก"
เทียนยีและตี้เอ้อร์ตกใจ ฟังคำพูดพวกเขา ปกติพอใช้วิชานี้แล้วจะตายไร้ซากศพ?
พวกเขาเองก็รับรู้ได้ถึงแรงดึงดูดที่แผ่ซ่านมาจากทางเฮ่อเหลียนเจี๋ย แรงดึงดูดนั้นทำให้พวกเขาสั่นสะท้านจากหัวใจ จนอดถอยหลังไปอีกสองก้าว ความรู้สึกที่ว่าหัวใจโดนบีบคั้นนั่นถึงได้เบาบางลง
ทั้งสองคนเริ่มหวาดหวั่น "พระสนม ทำเยี่ยงไรดี..."
โหลชียังคงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่เดิม นางเองก็รู้สึกได้ถึงพลานุภาพแปลกพิกลนั่นของเฮ่อเหลียนเจี๋ย แต่นางทำเพียงมองนิ่งไม่ไหวติง เหมือนไม่ได้ยินเสียงพวกเขา
เฉินซ่าตัวค้างกลางอากาศ และซัดฝ่ามือลงมาทางเฮ่อเหลียนเจี๋ยถึงสิบแปดฝ่ามือ ลงมือเร็วราวสายฟ้าแลบ แต่แค่ชั่วลมหายใจ เขาซัดออกมาสิบแปดฝ่ามือแล้ว พวกเขาเห็นแค่ร่องรอยฝ่ามือนับไม่ถ้วน เร็วจนทำให้คนตาพร่า
แต่พลังสิบแปดฝ่ามือนั้นของเฉินซ่ากลับโดนฝ่ามือกงล้อของเฮ่อเหลียนเจี๋ยดูดเข้าไปราววัวบ้าถูกดูดลงสระ สิบแปดฝ่ามือโจมตี เสมือนทำเรื่องเปล่าประโยชน์อยู่
เฮ่อเหลียนเจี๋ยพูดเสียงเรียบว่า "ข้าเคยบอกแล้ว เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า ตายในมือข้า เจ้าก็มิได้ถือว่าเสียเปรียบ" ระหว่างพูด เขาวาดมือเป็นก้อนกลมใหญ่ขึ้น แรงดึงดูดตรงกลางนั้น แรงกดดันนั่นทำให้เทียนยีและตี้เอ้อร์ต้องถอยเพิ่มไปอีกสองก้าว
นี่เป็นครั้งที่สามที่พวกเขาถูกบีบให้ถอยร่นแล้ว ฝ่าบาทที่อยู่ใจกลางแรงกดดันคงยิ่งรู้สึกน่ากลัวกระมัง! สายตาเฮ่อเหลียนเจี๋ยเผยแววอาฆาต และได้หันมาบอกโหลชีอย่างใจเย็นว่า "พอเขาตาย เจ้าก็ไปกับข้าเถิด"
พอพูดจบ เขากลับได้ยินเสียงเย็นเยือกยิ่งขึ้นของเฉินซ่าแทรกว่า "ตาย? น่าเสียดาย ยมบาลไม่กล้ารับข้าหรอก!" เขาอยู่บนพื้น ฝ่ามือแทนกระบี่ นิ้วชี้และนิ้วกลางติดกันแน่น เสียงหวีดชัดเจน มือขวาของเขาพลันมีไอหมอกสีดำมืดออกมาเล็กน้อย
ไอหมอกนั่นแหลมคมดุจปลายกระบี่ อยู่ระหว่างสองนิ้วเขาแน่นหนาที่สุด
แต่พอไอหมอกนี้ออมกา สีหน้าเฉินซ่าก็ซีดเผือดดุจกระดาษ เขากลับเย็นชาดุจเดิม พอยกมือ นิ้วกระบี่ก็พุ่งตัดไปที่ก้อนกลมไร้รูปร่างนั่นทันที!
"ดัชนีมารล้างผลาญ?" เฮ่อเหลียนเจี๋ยสีหน้าเปลี่ยนทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ