ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 396

"ดัชนีมารล้างผลาญ?"

ชิงยีและหลานยี พากันร้องเสียงหลงออกมา "ราชตระกูลเฉิน!"

"เฉินซ่า... เฉิน แซ่เฉินจริงๆ!"

แซ่เฉินนี้ไม่ใช่ไม่มี ที่นี่คือแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง ดังนั้นถึงพวกเขาจะรู้ชื่อแซ่ของเฉินซ่า แต่ก็ไม่ได้คิดไปถึงราชตรวงศ์เฉินของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน จวบจนเจอกับดัชนีมารล้างผลาญนี่!

โหลชีเห็นปฏิกิริยาของนายบ่าวสามคนนี้ไว้หมดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

แต่เฉินซ่าเป็นราชตระกูลเฉินของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลย

วุ่นวายตั้งนาน พวกเขาล้วนเป็นคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน

เฉินซ่าได้ยินบทสนทนาพวกเขา เห็นปฏิกิริยาพวกเขา แต่กลับไม่ยี่หระอะไร สีหน้ายังคงเย็นชาเป็นน้ำแข็งหมื่นปี แววตาอำมหิตกลับยิ่งเข้มข้นขึ้น นิ้วกระบี่ที่มีไอหมอกสีดำนั่นดูเหมือนวาดตัดทรงกลมนั่นที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยวาดออกมาด้วยสองมืออย่างแผ่วเบา

ทั้งๆที่ทรงกลมนั่นเป็นแค่การขับเคลื่อนของลมปราณที่ใสและมองไม่เห็น ทั้งๆที่นิ้วกระบี่นั่นเป็นแค่ไอหมอกสีดำจางๆ แต่ทั้งหมดนี่กลับมีเสียงเสียดแก้วหูประหนึ่งการเสียดสีของโลหะดังออกมา ถึงเสียงนั้นจะไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอทำให้คนรู้สึกปวดฟัน และปวดแก้วหูแทบทนไม่ไหว

พวกชิงยีต่างเอามือปิดหูอย่างทนไม่ไหว และถอยหลังไปอีกหลายก้าวใหญ่!

เวลานี้พวกเขาตกใจมากจริงๆ เพราะโหลชียังยืนอยู่ที่เดิม!

มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ!

และนางทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย และยังก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว

ระหว่างเฉินซ่ากับเฮ่อเหลียนเจี๋ยกลายเป็นภาวะแข็งค้าง สีหน้าเฉินซ่าซีดเผือดหนักกว่าเดิม แต่เฮ่อเหลียนเจี๋ยที่เดิมดูสบายราวกับกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว เวลานี้เริ่มมีเหงื่อผุดซึมตามไรผมเช่นกัน

"ตบะของเจ้าในเวลานี้ไม่พอให้ใช้ดัชนีมารล้างผลาญนานนักดอก" เฮ่อเหลียนเจี๋ยมองดูเฉินซ่า

เฉินซ่าแค่นเสียงเย็น "ฆ่าเจ้าน่ะพอแล้ว"

"โอหัง"

"ข้าโอหัง แล้วเจ้าจะทำเยี่ยงใด?"

ทั้งสองคนพูดจาประชดประชันเย็นชาใส่กัน และต่างเดินขึ้นหน้ากดดันกัน กดกำลังภายในใส่เข้าไปหมด

นี่เป็นการปะทะกันของยอดฝีมืออย่างแน่แท้ ทั้งสองปะทะกันด้วยมือ แต่ลมปราณแผ่ซ่านระเบิดออกมาจากเท้าของทั้งคู่ แนบติดพื้น กวาดกองไฟสีแดงพิกลแต่ละดอกที่กระจายทุกทิศจนกระเด็นหายไปหมด พริบตาเดียว ความมืดมีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง ประกายไฟนับไม่ถ้วนพุ่งออก ประหนึ่งจัดงานพลุพิเศษขึ้น

โหลชีสะบัดแส้ ไล่ประกายไฟพวกนั้นที่พุ่งเข้ามาออกไป ในใจนางก็ตกตะลึงเหมือนกัน เมื่อก่อนเฉินซ่ายังไม่เคยใส่เต็มแรง อย่างน้อยตอนนี้นางถึงพึ่งจะรู้ว่าเขายังมีกระบวนท่าดัชนีมารล้างผลาญนี้ด้วย

แต่ว่าวิทยายุทธ์ของเขาไม่ได้อาศัยอาวุธอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดคือสองมือของเขา จุดนี้นางรู้ดีมาตลอด เจ้าอาวุธทำลายล้างเฉิน ไม่ได้มีแต่ชื่อจริงๆ

และคนที่สามารถทำให้เฉินซ่าทุ่มเทพลังเต็มที่ได้ เฮ่อเหลียนเจี๋ยก็ช่างน่ากลัวยิ่ง

โหลชีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า นางที่ตอนนี้ยังอยู่ในวงล้อมการต่อสู้นั้นกลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาพวกชิงยีไปหมดแล้ว

ชิงยีและหลานยีก็หลบหลีกประกายไฟที่ยิงมาเหมือนกัน สายตามีแต่ความเคร่งเครียด พวกเขาไม่คิดเลยว่าในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางจะมีคนเก่งกล้าแบบนี้ด้วย สามารถต่อสู้กับท่านอ๋องของพวกเขาได้ถึงขั้นนี้! ถึงจะดูออกว่าท่านอ๋องของพวกเขาคงไม่แพ้ แต่อีกฝ่ายฆ่าฟันล้างบางมาหลายครั้งแล้วนะ!

หากคนคนนี้เติบโตต่อไป ต้องน่ากลัวเป็นอย่างมากแน่!

สายตาชิงยีและหลานยีเผยแววอำมหิตขึ้น

เวลานี้หากพวกเขาลงมือพร้อมกัน เฉินซ่าต้องไม่มีทางแบ่งสติมาต้านทานแน่!

แต่ในตอนที่พวกเขาเริ่มขยับ โหลชีที่ยืนอยู่ที่นั่นมาตลอดพลันตวัดสายตามามอง แค่สายตานี้ทำให้พวกเขาเหน็บหนาวราวโดนน้ำแข็งถังหนึ่งราดจากหัวจรดเท้า และไม่กล้าขยับอีก

ในที่สุดชิงยีและหลานยีก็เข้าใจว่า ทำไมโหลชีถึงยืนอยู่ตรงนั้นตลอด นางคือยืนเฝ้า มิให้ผู้ใดเข้าไปวุ่นวายการต่อสู้ของทั้งคู่ หากใครกล้าเข้าไป นางก็จะฆ่าคนนั้น และนางมิขยับหรือพูดใดๆเลย ก็สามารถทำให้พวกเขาเข้าใจฝีมือนางได้

นางมีฝีมือพอที่จะสู้หนึ่งต่อสอง ต้านทานพวกเขาสองคนไว้ได้

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจพวกเขาก็หายวาบ ทั้งคู่ร้อนใจนัก นางมิให้พวกเขาเข้าไปแทรก แต่ถ้าตอนนี้นางจะแทรกเองล่ะ? ถ้านางลงมือกับท่านอ๋องล่ะ....

แต่โหลชีทำเพียงแค่ดึงสายตากลับเมื่อเห็นพวกเขาไม่กล้าขยับตัวอีก และยืนดูการต่อสู้อยู่ตรงนั้นต่อไป มิมีทีท่าจะเข้าแทรกแซงแต่อย่างใด

พวกเขาไม่เข้าใจ ขนาดอาวุธวิเศษเฉินซ่ายังทิ้งเลย ย่อมต้องอาศัยกำลังตนเองในการต่อสู้กับเฮ่อเหลียนเจี๋ยอยู่แล้ว ความเย่อหยิ่งของฝ่าบาทน่ะในโลกนี้ไร้ผู้ใดเปรียบ เขาที่เป็นแบบนี้จะยอมให้คนอื่นช่วยเหลือเขาในเวลาแบบนี้ได้ยังไง? บ้าคลั่งอย่างนี้ เย่อหยิ่งอย่างนี้ โหลชีมีหรือจะไม่เข้าใจ นางดูสงบเงียบมาก แต่ในใจก็กำลังลุกไหม้ด้วยเพราะความบ้าคลั่งและเย่อหยิ่งแบบนี้ของเขา ผู้ชายที่นางเลือก ไม่เลวเลยจริงๆ!

เสียงบรึ้มดังสนั่น บุรุษทั้งสองนั้นได้ถูกพลังที่ปะทะระเบิดจนแยกจากกัน ต่างฝ่ายต่างถอยไปเจ็ดแปดก้าวกว่าจะตั้งหลักได้

มุมปากเฮ่อเหลียนเจี๋ยมีเลือดไหล ทำให้ใบหน้าเขาดูชั่วร้าย

ส่วนเฉินซ่าสีหน้าซีดเผือดดุจน้ำค้างแข็ง ดวงตาดำขลับคู่นั้นมีสีเลือด งดงามหล่อเหลาและเย็นชา

เทียนยีตี้เอ้อร์และชิงยีหลานยีต่างขึ้นหน้าทันที

"ดัชนีมารล้างผลาญ?"

"อืม" โหลชีมองพวกเขา "พวกเจ้ารู้เรื่องดัชนีมารล้างผลาญอะไรนี่ไหม?"

เทียนยีและตี้เอ้อร์ส่ายหัวพร้อมกันบอก "พวกข้าน้อยพึ่งเห็นฝ่าบาทใช้กระบวนท่านี้เป็นครั้งแรก"

โหลชีทำหน้าครุ่นคิด

นางไม่ได้ลืมคำพูดที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยพูดก่อนหน้านี้ ด้วยตบะของเฉินซ่าในตอนนี้ ไม่สามารถใช้ดัชนีมารล้างผลาญได้นาน อาศัยแค่ประโยคนี้ก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่า การใช้ดัชนีมารล้างผลาญนี่ต้องเสียกำลังภายในอย่างมาก เหมือนคาถาวาโยของนาง ว่ากันว่าคาถาวาโยสามารถแสดงพลานุภาพมหาศาลได้ แต่มันต้องเสียกำลังภายในอย่างมากด้วย นางเดาว่าดัชนีมารล้างผลาญก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน เฉินซ่าฝืนใช้มันสู้กับเฮ่อเหลียนเจี๋ย ตอนนี้กำลังภายในไม่เหลือหลอเลย ถึงการสูญเสียพลังครั้งนี้จะไม่ใช่ว่าสูญเสียกำลังภายในแล้วจริงๆ พอพักผ่อนดีๆพลังก็จะฟื้นฟู แต่ถ้าเสียจนทำร้ายรากฐาน ก็คือบาดเจ็บภายใน

นอกจากพิษกู่ที่เขามีมาแต่เด็กแล้ว เฮ่อเหลียนเจี๋ยเป็นคนแรกที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บทำร้ายรากฐานได้ แผ่นดินใหญ่หลงหยินช่างทำให้คนอดที่จะคร้ามครั่นไม่ได้

พอคิดแบบนี้ โหลชีก็รู้สึกว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะย่างกรายเข้าไปแผ่นดินใหญ่หลงหยินจริงๆ ใครจะรู้ว่าทางนั้นจะมียอดฝีมือระดับเฮ่อเหลียนเจี๋ยมากมายเท่าไหร่?

"พวกเจ้าส่งข่าวให้พวกเทียนอิ่งเฉิงสิบ ให้พวกเขาออกมาก่อน"

สถานการณ์ในภูเขายังไม่แน่นอน บวกกับแผ่นดินไหวครั้งก่อนออกมาอยู่ข้างนอกก่อนดีกว่า เทียนยีพยักหน้ารับ

"งั้นฝ่าบาท..."

โหลชีบอก "พาเขากลับเมืองชีก่อน" ตอนนี้ในตัวนางมีแต่ยารักษาอาการบาดเจ็บภายในธรรมดาเท่านั้น เลยให้เฉินซ่ากินไปก่อนหนึ่งเม็ด มันทำได้แค่ให้อาการบาดเจ็บของเขาไม่หนักไปมากกว่านี้

และตอนนี้นางมีความคิดที่ใจกล้าอย่างหนึ่ง

จวนเจ้าเมืองสร้างไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะการก่อสร้างในยุคโบราณคือทำทีละเรือน ครึ่งหนึ่งทำไม่เสร็จ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเรือนหลัก ให้คนเข้าไปอยู่ได้ อย่างมากก็หยุดการก่อสร้างระหว่างที่พวกเขาเข้าอยู่

ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะเข้าเมืองช่วงเช้ามืดมันต้องใช้ความพยายามมากโขอยู่ แต่คืนนี้เพราะแผ่นดินไหว ในเมืองยังคงมีแสงตะเกียงสว่างไสว โจวหลี่รีบตรวจดูสถานการณ์รอบด้าน จัดระเบียบประชาชน ยังไม่ได้เข้าพักผ่อน

โหลชีมาหยุดลงที่ด้านนอกเมือง ให้เทียนยีเข้าเมืองไปควบรถม้าออกมาหนึ่งคัน รับพวกเขาเข้าไป และมุ่งตรงไปจวนเจ้าเมืองเลย

บัดนี้ในเมื่องมีอำนาจมากมายพากันลงมือ เฉินซ่าฆ่าคนไปหลายร้อยคน เลือดสดไหลนองเต็มพื้นตลอดทาง ยังไม่รู้ว่าอำนาจอื่นจะมีการเคลื่อนไหวอะไรไหม สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินซ่าจะแพร่ออกไปไม่ได้ ไม่งั้นอาจจะทำให้อำนาจต่างๆเกิดอาการคันยิบๆในหัวใจได้

พวกเขาไม่กลัวอำนาจเล็กๆอื่นได้ แต่ทหารเสือเขาซงซาน จำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน

ในจวนเจ้าเมืองมีพ่อบ้าน โจวหลี่เลื่อนขึ้นมาในเมืองชีนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่โหลชีกับเฉินซ่าเข้ามาอยู่ พ่อบ้านคนนี้เข้ามาดูแลหน้าดูแลหลัง จัดการตระเตรียมให้พวกเขาอย่างสะดวกสบาย

แต่หลังจากโหลชีพูดเรื่องสำคัญหลายเรื่องกับโจวหลี่และกลับถึงเรือน กลับตาพร่าไปกับภาพผู้คนแต่งกายสีสันสดใสไปทั้งเรือน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ