ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 403

หยุนเฟิงเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ มองนาง "เจ้าก็เห็นได้มิใช่หรือ?"

โหลชีรู้สึกว่าหยุนเฟิงก็ลับๆ ล่อๆ และไม่ได้พูดกับเขามาก เบนไปทางผู้ใหญ่บ้าน "ผู้ใหญ่บ้าน เราคุยกับท่านสักเดี๋ยวได้หรือไม่?"

ผู้ใหญ่บ้านมองพวกเขาแวบหนึ่ง พยักหน้า "เชิญพวกท่านทางนี้"

โหลชีโบกมือกับหยุนเฟิง ตามผู้ใหญ่บ้านเข้าเรือน เฉินซ่ากวาดมองหยุนเฟิง ขมวดคิ้วนิดๆ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแต่กล่าวกับพวกเฉิงสิบ "พวกเจ้าอยู่ที่นี่"

"ขอรับ"

รอขนพวกเขาเข้าเรือนแล้ว โหลวซิ่นก็เดินไปถึงข้างหยุนเฟิง ใช้ศอกกระแทกเขาคล้ายสหายสนิท กล่าวเสียงค่อย "คุณชายหยุนก็พูดความจริงมาเถิด มาที่นี่หาอันใด?"

"เฮอะๆ" หยุนเฟิงนึกสนุก ขยับเข้าใกล้เขา และกล่าวเสียงเบาเช่นกัน "หากข้าจะบอกว่ามาเพื่อแม่นางของพวกท่านเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?"

โหลวซิ่นโดดออกหลังทันที "ยืมใช้คำพูดแม่นางของเราสักหน่อย เจ้าเป็นตัวตลกที่ละครสัตว์เชิญมาหรือ?"

เฉิงสิบที่อยู่ห่างไปสองสามก้าวกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้ว

อิ้นเหยาเฟิงที่อยู่ข้างกายเขากระซิบถาม "พี่เฉิง พวกท่านสนิทสนมกับคุณชายหยุนหรือ?"

"ไม่" ใบหน้าเฉิงสิบไร้อารมณ์

"เช่นนั้นเขาคือพระสหายของพระสนมหรือ?"

"ไม่นับว่าใช่" ยังคงเป็นใบหน้าไร้อารมณ์

ดวงตางามอิ้นเหยาเฟิงกลิ้งกลอก "พี่เฉิง ท่านเกลียดเหยาเฟิงหรือ?"

เฉิงสิบผงะ ในที่สุดก็หันหน้ามองนาง "ไม่มีเรื่องเช่นนั้น"

"เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงเย็นชากับข้าเพียงนี้?" อิ้นเหยาเฟิงกลับยิ่งมองเฉิงสิบก็ยิ่งชอบ แม้ท่าทีของเขาจะเย็นชาต่อนางเสมอ ปฏิเสธคนอยู่ไกลหมื่นหลี่ แต่นางกลับไม่คิดยอมแพ้

เดิมทีอิ้นเหยาเฟิงก็เป็นดรุณีที่มีความคิดและมีพลังขับเคลื่อน มิเช่นนั้นก็เกลี้ยกล่อมทั้งค่ายเหยาเฟิงให้เข้าอยู่ใต้อาณัติของเฉินซ่าด้วยกำลังเพียงหนึ่งไม่ได้ แน่นอน ไม่นานหลังจากนั้นก็ทำให้พี่ชายของนางทั้งสองรวมไปถึงคนของค่ายเหยาเฟิงรู้สึกโชคดีที่พวกเขาก้าวย่างนี้ออกมาแต่เนิ่นๆ

เฉิงสิบถูกนางถามตรงๆ เช่นนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็แดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ เดิมเขาก็ไม่สันทัดในวาทศิลป์ และไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ถึงกับกลั้นอยู่ค่อนวันก็พูดไม่ออกสักประโยค

อิ้นเหยาเฟิงเห็นอิงมองมา ใบหน้าก็รักษาไว้ไม่อยู่ กระทืบเท้าแล้ววิ่งจากไป

ในห้องโถงเรือนผู้ใหญ่บ้าน

ครั้นเข้ามา ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่นิ่งอย่างที่อยู่ด้านนอก เขาน้อมเอว เชิญทั้งสองนั่ง ทั้งยังต้มน้ำชงชา เป็นโหลชีที่เรียกหยุดเขาไว้

"อาคันตุกะทั้งสองมาจากเมืองชีหรือ?"

"เมื่อครู่ผู้ใหญ่บ้านอยู่ด้านนอกนิ่งมากนี่นา" โหลชีอดเลิกคิ้วเป็นไม่ได้

ผู้ใหญ่บ้านละอายเล็กน้อย "ต่อหน้าคนในหมู่บ้านคนแก่อย่างข้ายังต้องไว้หน้าเล็กน้อย ให้อาคันตุกะเห็นเรื่องน่าอายแล้ว"

ผู้ใหญ่บ้านคนนี้น่าสนใจอยู่บ้าง เวลานี้ทั้งที่ดูแล้วตัวสั่นระริกน้อยๆ แต่อยู่ด้านนอกยังแสดงออกได้นิ่งมาก

เขาไม่รู้ฐานะของพวกเขา แต่บรรยากาศรอบตัวพวกเขาน่าตะลึงยิ่ง โดยเฉพาะเฉินซ่า เพียงนั่งตรงนั้นก็พกพารัศมีแห่งเจ้าครองแคว้น ทำให้เขาไม่กล้าถามมาก

ดีที่โหลชีริเริ่มมาก ไม่ต้องให้เขาถามก่อน

"ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเขาเล็กแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใด?"

"ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านมาสามสิบปีแล้ว"

"เช่นนั้นหมู่บ้านเขาเล็กมีกี่คน?"

"ทั้งหมดมี...สามร้อยยี่สิบเอ็ดคน ระยะนี้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเมืองชีสร้างได้งดงามนัก จึงพากันไปหางานทำที่เมืองชีแล้ว หารายได้สักหน่อย ยังมีของป่าจำนวนหนึ่ง เกรงว่าพวกท่านอยู่ข้างนอกจะไม่เห็น จึงนำไปขาย"

โหลชีราวกับมีความคิด

ในหมู่บ้านป่าเขานี้จะมีของป่าที่ภายนอกไม่มีมากจริงๆ เมื่อครู่พวกเขาเดินตลอดทาง เห็นบ้านเรือนของหมู่บ้านเขาเล็กแม้ทรุดโทรมมากแล้ว ดูออกว่ามีร่องรอยซ่อมแซมไม่น้อย แต่อย่างน้อยก็แข็งแรงใช้การได้ดี หมู่บ้านพวกเขาอยู่มาร้อยกว่าปีแล้ว ไม่แน่ว่าต้องให้พวกเขาย้ายไปเมืองชี ในทางกลับกัน ผืนดินแถบนี้จัดเป็นอาณาเขตการดูแลของเมืองชีแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็ไม่ได้ถามความสมัครใจว่าในหมู่บ้านมีผู้ใดอยากย้ายออกจากเขาหรือไม่ แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

"ผู้ใหญ่บ้าน ที่มาครั้งนี้พวกเราอยากไปเขาเซียนพิโรธ ไม่ทราบท่านจะให้ใครนำทางให้เราได้หรือไม่? เราให้ค่าตอบแทนได้นะ"

"เขาเซียนพิโรธ?"

ครั้นผู้ใหญ่บ้านได้ยินคำพูดนี้แล้วกลับลุกขึ้นโบกมือเนืองๆ ด้วยความตกใจ "ที่นั่นไม่ควร ไม่ควรไป!"

โหลชีกับเฉินซ่าสบตากันทีหนึ่ง มีอะไรไม่ควรไป? หงหยางก็ไปมา เขาเป็นคนไม่มีวรยุทธ์ ขนาดเขายังไปได้ พวกเขายังมีอะไรไปไม่ได้อีก?

เฉินซ่าเอ่ยเสียงเย็น "เพราะเหตุใด?"

บางทีก็เพราะเช่นนั้น นางถึงแค้นเผ่ามนุษย์ผี พาลแค้นไปถึงน่าหลานฮั่วซิน

"เด็กคนนี้เด็กเกินไปกระมัง เหตุใดจึงให้เขานำทาง?" อิ้นเหยาเฟิงมองเสี่ยวหนิว ทำใจไม่ได้เล็กน้อย

"ข้าไม่เด็ก!" ได้ยินคำพูดนาง เสี่ยวหนิวก็เงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างจริงจัง "มีเพียงข้านำทางให้พวกท่านได้ แต่พวกท่านต้องให้เงินข้า"

ผู้ใหญ่บ้านชรากล่าวอย่างเก้อเขินอยู่ข้างๆ "เสี่ยวหนิวพ่อแม่ตายแต่ยังเล็ก กินข้าวร้อยบ้านจึงเติบใหญ่ ดังนั้น..."

ดังนั้นเขาจึงรู้จักเงิน

"เจ้าต้องการเงินเท่าใด?" โหลชีถาม

เสี่ยวหนิวคิดแล้วก็ชูนิ้วหนึ่ง "หนึ่งตำลึง"

"ข้าให้เจ้าร้อยตำลึง" โหลชีหัวเราะ

เสี่ยวหนิวตะลึงงัน "ท่านพูดจริงหรือ?"

ร้อยตำลึง? นั่นคือเท่าใดกัน? ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านยังไม่มีร้อยตำลึงเลย!

โหลชีพยักหน้าเอ่ย "เจ้าเห็นข้าเหมือนคนหลอกเด็กเช่นนั้นหรือ?"

"ได้ ข้าจะพาพวกท่านไป! ไปประเดี๋ยวนี้เลย"

เสี่ยวหนิวรีบร้อนโดยพลัน อยากพาพวกเขาไปทันที

เฉินซ่าโบกมือทำสัญญาณ ทุกคนต่างลุกขึ้นจัดขบวนออกเดินทาง

ยามนี้ เสียงหนึ่งดังขึ้น "ไม่ทราบข้าไปกับพวกท่านได้หรือไม่?"

โหลชีหันมามองแวบหนึ่ง ไม่ตอบรับและปฏิเสธ "เท้าอยู่กับเจ้า" หากเขาอยากตามไป หรือว่าพวกเขาจะมัดเขาห้ามเขาไปได้?

เฉินซ่าคล้องมือนางเดินไปด้านหน้า แล้วเหลือบมองหยุนเฟิงแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเย็น "ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นตุกติก" มิเช่นนั้น ด้วยพฤติกรรมมอบดอกไม้ครั้งนั้นเมื่อก่อนหน้านั้นของเขา เฉินซ่าอยากฆ่าเขาแล้ว

หยุนเฟิงยักไหล่เอ่ย "ข้าเพียงสนใจตัวยาดีเท่านั้น"

โหลชีหรี่ตาเล็กน้อย เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าท่าทางหยุนเฟิงเมื่อครู่คล้ายกับอีกคนหนึ่งนิดหน่อย?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ