ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 418

"มันอยู่บนหัวท่าน!"

โหลชีตะโกนออกมา เฉินซ่าเหวี่ยงกระบี่ฟันไปบนหัวแล้ว ไอกระบี่มีสีดำเหมือนหมึก ราวกับหมอกสีดำ ไอนั้นกระแทกเข้ากับสิ่งนั้นอย่างเข้าอย่างแรง

"โฮกกกกก!"

สิ่งนั้นส่งเสียงคำรามหนักขึ้นอีกครั้ง และเสียงก็สั่นสะเทือนแก้วหูของทุกคน ทำให้ทุกคนไม่ได้ยินไปชั่วขณะหนึ่ง

"ไปตายซะ" แต่ดูเหมือนเฉินซ่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงคำราม ตัวกระบี่ฟันลงไปบนตัวของสิ่งนั้นทำให้เกิดบาดแผลลึก

โหลชีดีใจไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อมองดีๆนางก็อุทานด้วยความประหลาดใจ "ทำไมไม่มีเลือด?" บาดแผลลึกเช่นนี้ ทำไมไม่มีเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว? นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ

เฉินซ่าเหลือบตามองบาดแผลของสิ่งนั้น ก็เห็นมันบิดศีรษะ สะบัดตัว และมีเสียงฟู่ บาดแผลบนร่างมันค่อยๆหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากบาดแผลลึกก็ตื้นขึ้น จากตื้นไปจาง จนในที่สุด ก็มองไม่เห็นร่องรอยอะไรบนหนังของมันเลย!

"สวรรค์ พ่องมึงดิแบบนี้ก็ได้หรือ?" โหลชีอดอุทานคำหยาบออกมาไม่ได้ บาดแผลไม่มีหยดเลือดซักหยดยังแล้วไป และตอนนี้บาดแผลก็หายไปได้ แบบนี้ก็ฆ่าไม่ตายแทงไม่เดี้ยงนะสิ?

หากเป็นแบบนี้ใครจะสามารถเอาชนะมันได้? ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉินซ่าจะมีวรยุทธ์ที่ล้ำลึก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตายแบบนี้ได้ เขายังเป็นมนุษย์ เหนื่อยได้

"ข้าไม่เชื่อ!"เฉินซ่าพูดออกมาด้วยเสียงหนักแน่น ไอสีดำของกระบี่พวยพุ่งออกมาราวกับมังกรดำตัวหนึ่ง แล้วโจมตีสิ่งนั้นอย่างรุนแรง

มังกรดำรัดหลังของสิ่งนั้นไว้แน่น เป็นรอยฝังไว้ลึกเกือบสิบเซนติเมตร และเกือบจะขาดออกเป็นสองส่วน

"โฮกกกก!"

สัตว์ประหลาดเจ็บปวด บิดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง

โหลชีคว้าแส้แล้วรีบวิ่งออกไป พูดด้วยเสียงเย็น "จะตายหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ข้าจะมัดเจ้าไว้!"

บาดแผลลึกเช่นนี้ กลับค่อยๆเริ่มฟื้นตัว โหลชีกัดฟัน นางรู้ว่าไม่สามารถเสียเวลา ทันใดนั้นแส้ก็ถูกดึงออกไปแล้วพันไปทางสิ่งนั้น

สัตว์ร้ายคำรามและลำตัวบิดเบี้ยว กำลังมากหาที่เปรียบไม่ได้ และด้วยเสียงคำรามที่ดังขึ้นกว่าเก่า เฉิงสิบและคนอื่นๆก็ปิดหูและกรีดร้อง ถูกคลื่นเสียงกระแทกปลิวออกไปตกลงบนน้ำแข็งด้วยกัน ทั้งสามคนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

โหลชีหันหลังกับไปแล้วตะโกน "พวกเจ้าหนีไปไกลหน่อย แล้วอุดหูด้วย!"

เฉิงสิบและคนอื่นๆรู้ว่าช่วยไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงถอยห่างออกไป

"โฮกกกก!"

"ชีชี ระวัง!" เฉินซ่ายื่นมือออกมาแล้วลากโหลชีเข้าไปในอ้อมแขนของเขา กระบี่ขวางอยู่ด้านหน้า บังการแกว่งหางของสิ่งนั้น

ด้วยความล่าช้านี้ โหลชีพบว่าบาดแผลที่ด้านหลังของสัตว์ร้ายนั้นเหลือเพียงรอยแผลเป็นจางๆ ด้วยความโกรธในใจของนาง แส้ปลิดวิญญาณในมือของนางก็รัดมันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน นางก็สาปแช่งจ้าวหยุนไอ้สารเลวนั่นในใจ เขาเป็นคนกระตุ้นสัตว์ประหลาดนี่ออกมาเอง กลับใช้วิธีให้คนอื่นมารับเคราะห์แทน น่าโมโหจริงๆ เลวกว่าหยุนเฟิงไม่รู้กี่เท่า!

แม้แต่ตอนที่อยู่ในเมืองลั่วหยาง ก็ไม่เคยเห็นเขาสารเลวแบบนี้มาก่อน

แส้ปลิดวิญญาณพันรอบร่างของสิ่งนั้น ในใจของโหลชีรู้สึกดีใจ นางกระชากมันลงไปที่พื้นทันทีด้วยความแรง

สัตว์ร้ายส่งเสียงคำรามด้วยเสียงอันดังแล้วถูกกระแทกลงกับพื้น เฉินซ่าเหยียบหัวของมันทันทีแล้วกระทืบมันอย่างแรง ทำให้สัตว์ร้ายหมดสติไป

"ฮู่" โหลชีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อกดปุ่มสีเข้มบนที่จับแส้ แส้ก็จะหดกลับทันทีโดยอัตโนมัติ จึงมัดสัตว์ร้ายจนแน่น

ในเวลานี้ บาดแผลบนร่างของสัตว์ร้ายก็หายเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

และในเวลานี้ บาดแผลบนร่างของสัตว์ร้ายก็หายเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น

"ไปกันเถิด" เฉินซ่าพูดและกำลังจะดึงนางขึ้น พวกเขาต้องเดินทางต่อไป ที่ตรงนั้นยังส่องแสงประกายที่เขียวทอง คอยดึงดูดพวกเขา ก่อนหน้านี้จางมิ่งหนีไป ตามด้วยจ้าวหยุน ถ้าสมบัติถูกพวกเขาเอาไปก่อน เขาคงจะเสียเปรียบเข้าจริงๆ

โหลชีกำลังจะลุกขึ้นแล้วไปกับเขา แต่หางตาของนางมองเห็นเมือกประหลาดไหลออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาด เมือกนั้นเป็นสีฟ้าจางๆมีจุดสีเงินเล็กๆนับไม่ถ้วน ค่อยๆไหลลงมาบนน้ำแข็ง ไม่ได้ดูน่าขยะแขยง แต่กลับดูสวยงามราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและทางช้างเผือก แปลกไปกว่านั้นคือเมือกนั้นไม่มีกลิ่นเหม็นเลย แต่ยังมีกลิ่นหอมแปลกๆอีกด้วย

เป็นเพราะเหตุการณ์ที่ผิดปกตินี้เองที่ทำให้โหลชียังไม่สามารถขยับเท้าได้ในทันที

"รอก่อนๆขอข้าดูว่านั่นคืออะไร!" โหลชีนั่งลงทันที หยิบของออกมาเตรียมพร้อมที่จะตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติ

"มีอะไรน่าดูกัน สกปรกออก?" เฉินซ่าต้องการเอื้อมมือมาดึงนางอีกครั้ง นิ้วของโหลชีเกี่ยวเมือกขึ้นมาเล็กน้อยพอดี เฉินซ่าก็ยื่นมือออกไปดึงนาง นางจับมือเขา "รอสักครู่..."

เมื่อจับมือเขา ปลายนิ้วของนางก็รู้สึกแปลกๆ นางจึงพลิกมือของเขาแล้วดู ดวงตาของนางเบิกกว้าง "เจ้าบาดเจ็บหรือ?"

มีบาดแผลไม่ตื้นที่ฝ่ามือของเฉินซ่า น่าจะเป็นเพราะถูกกระบี่กรีด และเลือดก็แข็งตัวแล้ว

"บาดแผลเล็กน้อย ไม่เป็นไร" เฉินซ่าพูดเรียบ

จ้าวหยุนยิ้มเยอะเย้ย เดินวนรอบเขา มองไปที่เขา แล้วพูดว่า "ใครไม่รู้จักอาย? จางมิ่งเจ้านี่ตลกจริงๆ แสดงละครจนเคยตัวแล้วใช่ไหม เมื่อก่อนจักรพรรดิแห่งสี่แคว้นให้ที่แห่งนี้กับตระกูลจาง แต่ตระกูลจางนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า เจ้าเพิ่งฆ่าทายาทตัวจริงและแกล้งทำเป็นเขา"

เมื่อเขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าใบหน้าของจางมิ่งจะหนาแค่ไหน ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสี "เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเจ้าหรือ?"

"นี่ไม่ใช่เรื่องของข้า แต่ที่นี่ทั้งเจ้า และข้าก็สามารถเข้ามาได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?" จ้าวหยุนหัวเราะ "แต่ว่าเจ้าพบสมบัติหรือไม่?"

จางหมิงถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเขินอาย "ไม่!"

"แล้วทำไมเจ้าไม่รีบไปที่นั่นล่ะ" จ้าวหยุนชี้ไปที่ที่มีแสงส่องอยู่

"ข้ากำลังจะไปที่นั่นตอนนี้ แต่ก่อนที่จะไปที่นั่น ข้าต้องหาทะเลสาบแก้วน้ำแข็งก่อน!"

"ทะเลสาบแก้วน้ำแข็ง?" จ้าวหยุนตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วเขาก็หัวเราะ "เจ้ากลัวเฉินซ่าแล้วมัวแต่วิ่งหนีมาด้านหน้าหรือ? ทะเลสาบแก้วน้ำแข็งนั่นอยู่ใกล้กับรอบนอกมาก พวกเราหาเจอแล้ว แต่น่าเสียดายผลมุกแก้วทั้งหมดร่วงลงมาแล้ว เหลือแค่ไม่กี่ลูก โหลชีก็เอาไปแล้วด้วย"

"อะไรนะ?"

สีหน้าของจางมิ่งเปลี่ยนเป็นซีดทันที "บัดซบ! ผลมุกแก้วร่วงลงมาหมดแล้ว?เสียของ เสียของจริงๆ!มันจะละลายทันทีที่ตกลงบนน้ำแข็ง!ผลมุกแก้ว ผลมุกแก้วของข้า!"

"นี่ ผลมุกแก้วของเจ้าอะไรกัน พูดอย่างกับเจ้าปลูกเองอย่างนั้นแหละ"

จางมิ่งหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายอีกครั้ง "ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าผลมุกแก้วก็เป็นสมบัติอย่างหนึ่ง แต่ยังมีของอีกอย่างหนึ่งที่ข้าต้องการ หากได้ของสิ่งนั้นมา ข้าก็จะได้ผลงานใหญ่ และสามารถขออำนาจทางทหารจากนายท่านได้ เมื่อถึงเวลานั้น..."

"เจ้าต้องการอะไร?"

"เหอะๆ จ้าวหยุน ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ด้วยความสามารถของข้าอาจจะยังไม่มีวิธีจับสัตว์นั้นมาได้ ยังต้องอาศัยความร่วมมือของเจ้า ข้าจะบอกให้นะ ของสิ่งนั้นอาจจะล้ำค่ากว่าผลมุกแก้วด้วยซ้ำ"

ในใจของจ้าวหยุนก็รู้สึกแปลกๆ "สัตว์อะไร?"

"ว่ากันว่าน้ำในทะเลสาบเป็นน้ำวิเศษที่พิเศษมาก สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนั้นเป็นเวลานานจะมีพลังวิเศษมาก เมือกในร่างกายของมัน เมื่อทาภายนอกและภายในสามารถรักษาให้หายได้ หากกินไม่ว่าจะมีอาการบาดเจ็บภายในมากเพียงใดก็รักษาได้ ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ หากใครได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีเวลารักษา หากใช้ไปนิดเดียวก็จะสามารถรักษาสภาพร่างกายในขณะนั้นได้ และจะไม่เสื่อมสภาพ!"

"นี่จะมีประโยชน์อะไร?" แม้จะฟังดูน่าอัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรักษา จะล้ำค่าไปกว่าผลมุกแก้วที่ยืดอายุไปได้อย่างไร?

"เจ้าไม่เข้าใจกระมัง? เจ้าคิดดู ถ้าเจ้าอยู่ข้างนอกแล้วเจอปัญหา กำลังจะตาย แต่จริงๆแล้วมีหมอดีๆมียาดีๆรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้ทันท่วงที แต่เวลามันก็สายเกินไป เวลาคือเงื่อนไข ตายแบบนี้จะไม่ยุติธรรมเกินไปหรือ? แต่ถ้ามีสิ่งนั้น เจ้าสามารถหายใจต่อไปได้ อีกทั้งจะไม่สลบและตายไปก่อน ยังจะเหลือพละกำลังอยู่บ้างด้วย ซึ่งทำให้เจ้าอดทนได้จนกว่าจะพบหมอ ได้ยา และช่วยชีวิตได้!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ